เมื่อชายรูปหล่อเห็นเย่เฟิงโอบร่างสาวสวยชุดม่วง ความอดทนจึงขาดผึงลงทันที! เขาก้าวเท้ายาวๆ เข้ามาหาเย่เฟิงด้วยความเดือดดาล “บ้านเมืองมีกฎหมาย รีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้! แกรู้ไหมว่าฉันเป็ใคร?”
“จะเป็ใครก็ช่างหัวแกสิ นี่ไม่ใช่เื่ของแก!” เย่เฟิงแค่นเสียง แล้วผลักชายรูปหล่อถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบล้ม
ร่างของชายรูปหล่ออ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ เย่เฟิงเพียงผลักเบาๆ ก็ทำให้อีกฝ่ายล้มหัวคะมำได้แล้ว ดูท่าชายคนนี้คงออกกำลังกายแค่เวลาอยู่บนเตียงเท่านั้นล่ะมั้ง
เย่เฟิงเบื่อจะรับบทเป็ผู้ร้ายแล้ว จึงใช้มีดบินที่ซ่อนไว้ตรงเอวหญิงสาว จี้บังคับให้เธอพาเขาไปยังูเาคั่วชาง ด้วยความเร็วที่มี เขามั่นใจว่าไม่มีใครไล่ทันแน่นอน
“คุณเป็คนของอิงเฉ่างั้นเหรอ?”
ยิ่งมุ่งหน้าต่อไป สาวสวยชุดม่วงก็ยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ สุดท้ายเธอจึงเอ่ยถามเสียงเบา น้ำเสียงชวนให้ผู้คนความสงสารจับใจ
“ผมไม่รู้ว่าใครคืออิงเฉ่า” เย่เฟิงเค้นเสียงเบา “ผมคิดว่าคุณเลิกถามอะไรไร้สาระและบอกข้อมูลสำนักอิ่นเซียนมาดีกว่า ถ้าทำให้ผมพอใจล่ะก็ ผมอาจจะปล่อยคุณไปก็ได้”
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจและตื่นกลัว คนคนนี้้าข้อมูลของสำนักอิ่นเซียนไปทำไม?
“คุณเป็ใครกันแน่?” หญิงสาวถามอย่างอ่อนแรง
“ก็บอกว่าอย่าถามมากไง!” เย่เฟิงตะคอกใส่ ขณะพาหญิงสาวะโข้ามไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนออกจากพื้นที่ชุมชน
ูเาคั่วซางอยู่ไม่ไกลจากเขตหลินไห่ แม้ต้องแบกคนไปด้วย เย่เฟิงก็สามารถไปถึงที่นั่นได้อย่างรวดเร็ว ตราบใดที่มีหญิงสาวจากสำนักอิ่นเซียนคนนี้อยู่ ต่อให้ต้องเจออันตรายใดๆ เขาก็สามารถหาวิธีจัดการได้ไม่ยาก
ไม่นานทั้งคู่ก็เข้าไปในหุบเขาที่เข้าถึงยาก แสงจากพระจันทร์เสี้ยวส่องผ่านยอดไม้ลงมา ย้อมให้ป่าแห่งนี้อบอวลด้วยแสงจันทร์ ทันใดนั้นจิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวบริเวณป่าข้างหน้า เขาจึงรีบใช้มือปิดปากสาวสวยชุดม่วง และอุ้มเธอไปซ่อนในพุ่มไม้ข้างๆ จากนั้นใช้วิชาอำพรางตากลบเกลื่อนร่องรอยไม่ให้ใครพบโดยง่าย
การเคลื่อนไหวนี้ตามมาด้วยเสียงคนหลายคนเคลื่อนที่อย่างเร่งรีบ มันเป็เสียงของวิชาตัวเบา
“ศิษย์พี่ นังสารเลวนั่นมันไวจริงๆ บางทีเราอาจตามมันไม่ทันแล้วก็ได้” น้ำเสียงดุร้ายของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ไม่เป็ไร มันหนีไม่พ้นหรอก” น้ำเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มดังตามมา “ฉันได้ข่าวมาว่าเ้าหนุ่มจากตำหนักไท่จี๋คนนั้นไม่ได้มาหามัน เมื่อโดนพิษใจสลายเข้าไป มันจะหนีไปไหนพ้น?”
“สงสัยคงกลัวจนฉี่ราดไปแล้วมั้ง ต่อให้เป็อันดับหนึ่งในกลุ่มรุ่นเยาว์แล้วยังไง มันจะกล้าเป็ศัตรูกับสำนักอิ่นเซียนของพวกเรางั้นหรือ?” เสียงหญิงสาวคนสุดท้ายฟังดูคุ้นเคยเป็อย่างยิ่ง ไม่คาดคิดว่าเมื่อแสงจันทร์ส่องลงมา หญิงสาวคนนั้นกลับกลายเป็ตู้เจวียน ผู้หญิงที่จูไป่เหนี่ยวหลงรักหัวปักหัวปำ “เ้าหนุ่มตำหนักไท่จี๋กลับ้าผู้หญิงของท่านผู้นำเรา มันฝันกลางวันชัดๆ”
“พูดจาพล่อยๆ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเย้ยหยัน “ท่านผู้นำของเราไม่้านังสารเลวนั่นสักนิด ต่อให้มันไปถึงตำหนักไท่จี๋ได้แล้วยังไง? ตำหนักไท่จี๋ก็ไม่มีทางรับมันเข้าร่วมอยู่ดี!”
คำพูดต่างๆ นานาที่ผ่านเข้าหูทำให้เย่เฟิงกลัดกลุ้ม ฟังดูแล้วเื่ภายในช่างสลับซับซ้อนจริงๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่จำเป็ต้องเข้าใจ เพราะจุดประสงค์ที่มาที่นี่ก็เพื่อจัดการสำนักอิ่นเซียนเท่านั้น ขณะชายหนุ่มลอบฟังอยู่นั้น ร่างของสาวสวยชุดม่วงพลันสั่นเทาขึ้นมา
มีดบิดเล่มเล็กในมือเย่เฟิงจ่อไปที่คอหญิงสาวทันที พร้อมกับกระซิบเตือน “อย่าขยับ อย่าคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ มีคนเป็พันที่ต้องตายในมือผม”
แน่นอนว่านี่เป็การพูดเกินจริง แต่มันก็ทำให้หญิงสาวเกรงกลัวและไม่กล้าขยับเขยื้อน
จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงค้นพบว่าสาวสวยชุดม่วงคนนี้มีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับสิบปีเท่านั้น ซึ่งอ่อนแอมาก ส่วนกลุ่มที่ติดตามไล่ล่ามาทั้งสามคนนั้น นอกจากตู้เจวียนแล้ว ที่เหลือล้วนมีระดับวรยุทธ์เกือบยี่สิบปี ถึงอย่างนั้นก็แน่นอนว่าย่อมไม่คณามือเย่เฟิง
ชายหนุ่มคลายมือจากร่างบาง จากนั้นวิชาย่างก้าวไร้เงาพลันปะทุขึ้นด้วยความเร็วสูงสุด!
ขณะทั้งสามคนเคลื่อนที่ผ่านบริเวณที่ถูกปลายยอดเขาบดบังแสงจันทร์ ประกายแสงสลัวก็ส่องสว่างลงมายังร่างของพวกเขา เผยให้เห็นว่าแต่ละคนสวมชุดท่องราตรีสีดำของศิษย์สำนักอิ่นเซียน คนแรกเป็หญิงสาวซึ่งก็คือตู้เจวียนคนรักของจูไป่เหนี่ยว ส่วนอีกสองคนเป็ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง รูปลักษณ์ของฝ่ายชายแลดูมืดมน อายุราวสามสิบปี ส่วนฝ่ายหญิงมีดวงตาเรียวเล็กดูดุร้าย อายุราวยี่สิบเจ็ดปี อาศัยความได้เปรียบจากแสงจันทร์ที่ส่องลงมา เย่เฟิงสามารถเห็นแผ่นไม้ที่สลักชื่อของพวกเขา ฝ่ายชายชื่อ ‘หลานเย่’ ส่วนฝ่ายหญิงชื่อ ‘อิงเฉ่า’ ดูเหมือนคนกลุ่มนี้จะเป็พวกที่สาวสวยชุดม่วงกล่าวถึงก่อนหน้านี้
เวลานี้ใบหน้าของสาวสวยชุดม่วงปรากฏร่องรอยความกังวล ในบรรดาทั้งสามคนนั้น นอกจากตู้เจวียนแล้ว อีกสองคนล้วนเป็พวกโเี้ที่สังหารคนโดยไม่กะพริบตา แล้วชายชุดดำคนนี้จะไม่เป็อันตรายงั้นหรอ?
ถึงจะไม่รู้สถานะของเขา แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ เนื่องจากไม่เหลือความสามารถในการคุ้มครองตัวเองแล้ว ความหวังเดียวของเธอจึงมีแค่ผู้ชายคนนี้เท่านั้น
“นั่นใครน่ะ!”
ชายที่ชื่อหลานเย่ส่งเสียง เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบตรงพุ่มไม้ เขาปามีดบินสองเล่มไปยังตำแหน่งที่เย่เฟิงอยู่ น่าเสียดายที่มันไม่เข้าเป้า
“คนที่จะเอาชีวิตแกไงล่ะ!” เย่เฟิงคำรามพร้อมใช้ทักษะกรงเล็บัขั้นที่สามทันที
เสียงคำรามของัดังกึกก้องไปทั่วป่า กรงเล็บัสีทองทั้งสองข้างพุ่งออกไปคว้าตัวศิษย์สำนักอิ่นเซียนสองคนที่มีวรยุทธ์เกือบยี่สิบปี แล้วจับทุ่มลงพื้นอย่างแรง
ตุ้บ! ตุ้บ!
ชายหญิงทั้งสองถูกจับทุ่มลงพื้นจนสติพร่ามัว สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ในทันที
ส่วนตู้เจวียนนั้นเกรงกลัวท่าทีคุกคามของเย่เฟิงจึงทิ้งศิษย์ร่วมสำนักทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งหนี แม้เท้าจะเกี่ยวรากไม้จนล้มลง แต่ก็พยายามคลานหนีอย่างเอาเป็เอาตาย
“คิดจะหนีเหรอ?”
เย่เฟิงใช้กรงเล็บัคว้าตัวตู้เจวียนที่มีวรยุทธ์ไม่ถึงสิบปี จากนั้นโยนกลับไปหาชายหญิงคู่นั้น
ตอนนี้เย่เฟิงจัดการทั้งสามคนจนหมดสภาพไปแล้ว!
นี่ทำให้สาวสวยชุดม่วงที่อยู่ใกล้ๆ ต้องประหลาดใจ ชายชุดดำคนนี้มีความแค้นกับสำนักอิ่นเซียนงั้นหรือ? ที่สำคัญเขาแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดจัดการอิงเฉ่าและหลานเย่ได้ในชั่วพริบตา สำนักอิ่นเซียนคงต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่ เพราะเย่เฟิงไม่ใช่คนเดียวที่้าจัดการสำนักนี้
ขณะเย่เฟิงจะเค้นข้อมูลจากทั้งสามคนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน ตอนนี้เขายังเปิดโทรศัพท์ และตั้งใจจะปิดมันก่อนเข้าสำนักอิ่นเซียน
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมา และพบว่าเป็สายจากซูเมิ่งหาน ทันทีที่กดรับสาย น้ำเสียงร้อนรนของซูเมิ่งหานก็ดังขึ้น “แย่แล้วเย่เฟิง พวกสำนักอิ่นเซียนพยายามลอบโจมตีพวกเรา หว่านเอ๋อร์ได้รับาเ็เพราะปกป้องฉัน”
เย่เฟิงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หลงหว่านเอ๋อร์าเ็?
เป็ไปไม่ได้ ในเมื่อมีทั้งหน่วย NSA เย่เวิ่นเทียน รวมทั้งเครื่องรางกันภัยกำไลหยกิญญาที่เขาทิ้งไว้ แล้วเ้าพวกนั้นสามารถลอบโจมตีจนหลงหว่านเอ๋อร์ได้รับาเ็ได้อย่างไร?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้