“หยุดนะ...”
ลุงเยี่ยนถือลูกปัดสีดำเอาไว้ เขาะโข่มขู่ออกมา “ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน หากยังไม่หยุดอีก ต่อให้สู้จนตัวตายกับพวกเ้าข้าก็ยอม!”
“นี่มันลูกปัดเพลิงอัสนี! เช่นนั้นเ้าก็คือศิษย์สำนักเทียนกง!”
สีเฟยเยียนเพียงมองก็จำสิ่งนี้ได้ จึงรีบดึงซีโหลวรั่วเมิ่งถอยออกมาด้วยสายตาแฝงด้วยความใ
หลังจากที่สีเฟยเยียนถูกะเิเพลิงอัสนีของจั๋วอวิ๋นเซียนเล่นงาน นางก็กังวลกับเื่นี้อยู่ตลอด ทั้งยังไปสืบค้นตำราที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ถึงแม้ ‘ะเิเพลิงอัสนี’ จะเป็อาวุธสังหารของนิกายเซียนโม่เหมิน แต่ความจริงแล้วมันปรากฏครั้งแรกมิใช่จากนิกายเซียนโม่เหมิน แต่เป็สถานที่ที่เรียกว่า ‘สำนักเทียนกง’
เล่าขานกันว่าสำนักเทียนกงมหัศจรรย์มาก พวกเขามิได้ผลิตและค้าขาย แต่ศึกษาค้นคว้าศาสตร์วิชากลไก ค่ายกล อักขระ ยันต์ หรือแม้กระทั่งนำศาสตร์วิชาจากยุคต่างๆ มาผสมผสานกัน ทำเพื่อชาวบ้านหรือพัฒนาอาวุธา และ ‘ะเิเพลิงอัสนี’ ก็คือหนึ่งในนั้น
แต่อาวุธสังหารที่เก่งกาจที่สุดของสำนักเทียนกงมิใช่ ‘ะเิเพลิงอัสนี’ แต่เป็ ‘ลูกปัดเพลิงอัสนี’ ที่สร้างมาจากแก่นแท้เพลิงอัสนี
พลังทำลายล้างของสิ่งนี้รุนแรงมาก มากกว่าะเิเพลิงอัสนีเป็สิบเท่าหรือแม้กระทั่งหลายสิบเท่า หากะเิในระยะประชิด ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณก็ต้องาเ็สาหัส นอกจากจะทะลวงระดับเปิดชีพจร มีเกราะเซียนคุ้มกาย
แต่น่าเสียดายที่สิ่งนี้สร้างได้ยากมากและเป็ความลับของสำนักเทียนกง นอกจากศิษย์สายหลักแล้ว ไม่มีใครสามารถสร้างมันได้
อีกทั้งเมื่อสามสิบปีก่อน หลังจากสำนักเทียนกงถูกนิกายเซียนโม่เหมินกลืนกิน วิธีการสร้างอาวุธสังหารมากมายอย่าง ‘ลูกปัดเพลิงอัสนี’ ก็สาบสูญไปจากโลกใบนี้ ผู้คนมากมายจึงรู้จักเพียงนิกายเซียนโม่เหมิน แต่ไม่รู้ว่ามีสำนักเทียนกงด้วย
……
ลูกปัดเพลิงอัสนี? ศิษย์สำนักเทียนกง?
เสียงะโของสีเฟยเยียนทำให้ผู้คนไม่น้อยนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบถอยเว้นระยะห่างทันที พวกเขาสังเกตสีหน้าของลุงเยี่ยนด้วยความระแวง
ไม่มีใครสงสัยว่ามันเป็ของปลอม ยังไม่ต้องพูดว่าสีเฟยเยียนมองผิดไปหรือไม่ แค่ท่าทางเคร่งขรึมของพวกซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลว ก็รู้ว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่แค่ขู่แน่
ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครอยากเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง หากพลาดขึ้นมาอาจไม่มีชีวิตรอดกลับไป?
เสิ่นว่านโหลวกล่าวอย่างปลงตก “คิดไม่ถึงว่าตระกูลจั๋วจะมีศิษย์สำนักเทียนกงอยู่ด้วย!”
“ใช่แล้ว!”
ซีโหลวเหวินอวี่หัวเราะอย่างแปลกประหลาด “ครั้งนี้ต่อให้จั๋วฟู่ไห่สามารถผ่านพ้นหายนะไปได้อย่างปลอดภัย แต่หลังจากวันนี้เกรงว่าคงไม่มีชีวิตที่ดีนัก!”
เสิ่นว่านโหลวกล่าวพลางพยักหน้าเล็กน้อย “หลังจากนิกายเซียนโม่เหมินกลืนกินสำนักเทียนกง และสังหารศิษย์ในสำนักจนหมดสิ้น พวกเขาไม่อนุญาตให้ทักษะวิชาของสำนักเทียนกงหลุดรอดสู่ภายนอกเป็แน่”
“ในเมื่อ์้าให้เขาตาย พวกเราก็ต้องทำตามประสงค์ ตระกูลจั๋วจบสิ้นแล้ว”
“อืม แต่ศิษย์สำนักเทียนกงต้องจับเอาไว้ นิกายเซียนโม่เหมินไม่ใช่คนที่พวกเราจะหาเื่ได้”
“กล่าวได้ถูกต้อง”
ซีโหลวเหวินอวี่พยักหน้า รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหลายส่วน
……
“พ่อบ้านเยี่ยน เ้า...เ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ!”
จั๋วไท่หยวนโน้มน้าวลุงเยี่ยนด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นกวาดสายตามองไปรอบด้าน เขาสามารถััถึงพลังเพลิงอัสนีอันบ้าคลั่งที่อัดแน่นอยู่ในลูกปัดเพลิงอัสนี ตัวเขาอาจจะไม่กลัวสิ่งนี้ แต่จั๋วเหล่าเอ้อกับจั๋วเหล่าซานยังอยู่ด้านข้าง หากลูกปัดเพลิงอัสนีะเิจริงๆ ขึ้นมา เกรงว่าต่อให้ทั้งสองคนไม่ตายก็ต้องหนังถลอก
“หุบปาก!”
ลุงเยี่ยนถือลูกปัดเพลิงอัสนีเอาไว้แน่นพลางะโออกมา “สัตว์เดรัจฉานอย่างพวกเ้า รู้แต่วิธีรังแกเด็กสองคน...ถอยไปให้หมด มิเช่นนั้นข้าจะขอตายไปพร้อมกับพวกเ้า!”
เมื่อพูดจบลุงเยี่ยนก็โยนะเิเพลิงอัสนีใส่พวกจั๋วไท่หยวนไปหลายลูก จนเกิดะเิะเืฟ้าะเืดิน เพลิงอัสนีกู่ร้องก้องดัง!
“ไอ้สารเลว...”
พวกจั๋วไท่หยวนรีบหลบหนีพลางก่นด่าในใจ ยังดีที่พวกเขาเตรียมตัวไว้อยู่ก่อนแล้ว และพลังของะเิเพลิงอัสนีก็มีจำกัด มันมิอาจทำร้ายพวกเขาได้ เพียงแค่ทำให้เปรอะเปื้อนเล็กน้อยเท่านั้น
ครานี้จึงไม่มีใครสงสัยสถานะศิษย์สำนักเทียนกงของลุงเยี่ยนอีก
มิน่าเล่าวันนั้นตอนอยู่ในจวนเ้าเมือง จั๋วอวิ๋นเซียนโยนะเิเพลิงอัสนีสามลูกใส่สีเฟยเยียนอย่างไม่ใส่ใจ ที่แท้ก็มีศิษย์สำนักเทียนกงอยู่ข้างกาย อยากได้ะเิเพลิงอัสนีมากเท่าใดก็มีให้เท่านั้น
เมื่อคิดได้เพียงเท่านี้สีเฟยเยียนหงุดหงิดมาก! เพราะไม่รู้ว่าวันนี้ตอนออกจากบ้านมิได้ดูปฏิทินเซียนหรือ ถึงทำอะไรก็ไม่ราบรื่นสักอย่าง!
“ลุงเยี่ยน!”
จั๋วอวี้หวั่นถูกพยุงลุกขึ้นมา ถึงแม้จะถูกทรมานแต่ถึงอย่างไรก็เป็ผู้บำเพ็ญเซียน ร่างกายไม่เป็อะไรมาก พอนางกินโอสถิญญาไปเม็ดหนึ่ง สีหน้าก็ค่อยๆ ดีขึ้น
“คุณหนูใหญ่โปรดวางใจ หากชายชราคนนี้ยังมีชีวิต ก็จะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายพวกท่านอีก!”
ลุงเยี่ยนบังจั๋วอวิ๋นเซียนกับจั๋วอวี้หวั่นไว้ด้านหลัง เสมือนเป็ต้นไม้เก่าแก่สูงตระหง่าน
เมื่อมองแผ่นหลังที่ผอมแห้งเหลือแต่กระดูกของชายชรา น้ำตาจั๋วอวี้หวั่นก็ซึมออกมา นึกถึง่เวลาที่ถูกรังแกสมัยเด็กๆ อย่างห้ามไม่ได้ ชายชราคนนี้คอยยืนบังด้านหน้าของนางอยู่เสมอ
มีเื่บางเื่ที่จะเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่ความรักที่ชายชรามีต่อพวกเขา กลับนับว่าเป็ความคุ้นเคยที่ไม่เลือนหาย
……
สถานการณ์ในจวนเริ่มกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
สถานะของลุงเยี่ยนเป็เื่ที่ไม่คาดคิด เื่ราวค่อยๆ หลุดจากการควบคุมของซีโหลวเหวินอวี่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสิ่นว่านโหลวลุกขึ้นและกล่าวว่า “พ่อบ้านเยี่ยน เ้าอย่าทำอะไรบ้าๆ พลังของลูกปัดเพลิงอัสนีรุนแรงขนาดไหน เ้าเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ หากของสิ่งนี้ะเิ ทั้งเรือนชั้นในจะราบเป็หน้ากลอง ต่อให้เ้าไม่คิดเพื่อตัวเอง ก็ต้องคิดเพื่อพี่น้องตระกูลจั๋วกับคนตระกูลจั๋วอีกนับร้อยชีวิตด้วย หรือว่าเ้าอยากให้พวกเขาตายไปพร้อมกับเ้ากัน?”
“ท่านเ้าเมืองเสิ่น ท่านไม่ต้องมาหลอกข้า ถึงอย่างไรพวกเราก็ถูกพวกท่านบีบคั้นจนจะตายอยู่แล้ว เช่นนั้นไม่สู้ตายไปพร้อมกันเลยดีกว่า!”
ลุงเยี่ยนเผยสีหน้าหนักอึ้ง ส่วนลึกในดวงตาเผยความลังเล หากไม่ถึงทางตันจริงๆ ความจริงแล้วเขาก็ไม่อยากทำเช่นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าพวกซีโหลวเหวินอวี่ไม่เหลือทางรอดให้พวกเขา!
“พ่อบ้านเยี่ยนเข้าใจผิดแล้ว!”
เสิ่นว่านโหลวััได้ถึงความผิดปกติของลุงเยี่ยนจึงรีบกล่าวเสริม “พวกเราไม่เคยคิดจะสังหารพี่น้องตระกูลจั๋ว พวกเราเพียงอยากจะจัดการกับจั๋วฟู่ไห่เท่านั้น กลับกันแล้วเก็บพวกเขาสองพี่น้องเอาไว้ถึงจะสามารถควบคุมตระกูลจั๋วได้”
ความจริงแล้วคำพูดของเสิ่นว่านโหลวมีความจริงเจ็ดส่วน เท็จสามส่วน...ความจริงที่พี่น้องจั๋วอวิ๋นเซียนไม่เกี่ยวข้องในแผนการ เพียงแต่ต้องเก็บพวกเขาไว้เป็หุ่นเชิด เหตุผลประการแรกคือสามารถหลบเลี่ยงกฎวิถีเซียนได้ ประการที่สองคือสามารถควบคุมตระกูลจั๋วได้โดยจ่ายราคาน้อยที่สุดแต่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด
แน่นอนว่าเสิ่นว่านโหลวยังมีคำพูดในใจ ไม่ว่าจั๋วอวิ๋นเซียนหรือจั๋วอวี้หวั่น หลังจากวันนี้ไปพวกเขาจะเป็เพียงคนธรรมดา หรืออาจเป็ได้กระทั่งคนพิการ
ดังคาดหลังจากได้ยินคำพูดสวยหรูของเสิ่นว่านโหลว ลุงเยี่ยนอดใจอ่อนมิได้ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลเป็หรือตาย ดังนั้นเขาต้องปกป้องพี่น้องตระกูลจั๋วเอาไว้ เพื่อสายเืของจั๋วฟู่ไห่ กิจการของตระกูลจั๋วเป็เพียงสิ่งของนอกกายเท่านั้นสำหรับลุงเยี่ยน ขอเพียงยังมีชีวิต ทุกอย่างล้วนมีความหวัง
……
“ช่างเถอะ น้องรั่วเมิ่ง ปล่อยพวกเขาไปก่อนเถอะ! เป็คนบ้ากันหมดทั้งบ้าน ทำอะไรก็เอาชีวิตมาเดิมพัน ชีวิตที่ไร้ค่าของพวกมันจะเทียบกับพวกเราได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินคำโน้มน้าวของสีเฟยเยียน ซีโหลวรั่วเมิ่งไม่เพียงไม่ปล่อยวาง กลับเผยสีหน้าบ้าคลั่งไม่ยินยอม
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว! ข้ารอไม่ได้แม้แต่ลมหายใจเดียว! ข้าอยากให้มันอยู่ไม่สู้ตาย!”
เมื่อเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น ซีโหลวรั่วเมิ่งมิอาจสะกดจิตสังหารเอาไว้ได้ จึงปากระบี่ไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน!
