ั์ตาสองดวงหมายถึงมีลูกตาดำด้านในสองดวง ซึ่งมันแปลกประหลาดมาก หยางหนิงก็เคยได้ยินจากในโลกก่อนมาบ้าง มันหาได้ยากมาก ตามประวัติศาสตร์ก็จะมีต้าซุ่น เซี่ยงหวี
คนๆ นั้นกำธนูยาวในมือ คันธนูของเขามันยาวกว่ามือธนูคนอื่นเกือบเท่าตัว ั์ตาสองดวงเย็นะเื เหลือบมามองหยางหนิง แล้วก็หันไปมองกลุ่มมือดาบและมือธนู
บรรยากาศเงียบราวกับความตายกำลังจะมาถึง เห็นมีคนๆ หนึ่งยกมือเป็สัญลักษณ์ง่ายๆ มือดาบสิบกว่าคนขึ้นหน้าไป ยืนเป็รูปครึ่งวงกลม ส่วนมือธนูก็เรียงเป็แถวแนวยาว ง้างคันธนู แต่ครั้งนี้เล็งไปที่ชายั์ตาสองดวง
คนๆ นั้นกระตุกหนวดเครา สายตาแหลมคม พริบตาเดียว ก็เอี้ยวตัวบังคับม้าหลบไปด้านข้าง หยางหนิงเห็นอยู่เต็มตา เขาใมาก คิดในใจว่าคนๆ นี้มีทักษะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดมาก คนและม้าแทบจะเหมือนอยู่ในร่างเดียวกันเลย ส่วนม้าตัวนั้นก็เชื่องมากด้วย เมื่อเทียบกับม้าก่อนหน้านี้แล้ว มันดูสง่าขนเงาดำสวยงามมาก
แทบจะเป็่เดียวกัน เหล่ามือธนูยิงลูกธนูออกมาพร้อมกัน ชายั์ตาสองดวงอยู่บนหลังม้าดูองอาจ แต่การเคลื่อนที่ดูประหลาดรวดเร็ว สามารถหลบลูกธนูได้อย่างพลิ้วไหว
ชายั์ตาสองดวงใช้มือหยิบลูกธนูออกมาสองดอก ง้างคันธนูออก แล้วดึง เสียง “เฟี้ยว” ดังขึ้น ลูกธนูพุ่งออกไปสุดแรง
ลูกธนูสองดอกพุ่งออกไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนร้องสองคน มือธนูสองคนเอามือจับไปที่คอ แล้วก็ล้มลง พวกเขาถูกยิงไปที่คอหอย
อากาศดูอึมครึมขึ้นมาทันที
หยางหนิงรู้สึกตื่นกลัว เห็นชายั์ตาสองดวงยิงธนูสองดอกออกไป แล้วถูกเป้าทั้งสองดอก แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย
ถึงแม้ใน่หลายวันมานี้ จะเจอทั้งมู่เซิ๋นจวินกับชายชุดเทาที่เป็ยอดฝีมือ แต่ก็ยังดูห่างไกลจากวิชายิงธนูของคนๆ นี้มากนัก
เขารู้ดีว่า เหล่ามือดาบกับมือธนูพวกนี้ฝีมือไม่ธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายั์ตาสองดวง ภายใน่เวลาสั้นๆ ก็ทำให้ตายไปแล้วถึงสี่คน
สายตาของเขาดูเป็ประกายขึ้นมา คิดในใจว่าชายคนนี้ดูประหลาด แต่ก็เป็คนเหนือคน เื่ความสามารถนี่แทบไม่ต้องพูดเลย
หลังจากนั้นในใจก็รู้สึกตื่นตระหนกอีกครั้ง คิดในใจว่าชายั์ตาสองดวงก็ไม่รู้ว่าเป็มิตรหรือศัตรู เมื่อกี้เขายิงธนูฆ่ามือดาบไป ช่วยให้หลุดออกจากภาวะความเสี่ยง เหมือนจะช่วยเหลือ แต่เขาคิดว่าตัวเขาไม่น่าจะโชคดีอย่างนั้น คนๆ นี้ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่โดยไม่มีสาเหตุ จะต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ
ในตอนนี้เองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเซียวกวงยังอยู่ที่หลัง ก็เลยวางเขาลงก่อน เซียวกวงนั่งอยู่ที่พื้น หยางหนิงเห็นขาของเขามีลูกธนูปักอยู่ เลยถามว่า “ดึงออกก่อนไหม?”
เซียวกวงส่ายหัว หยางหนิงพูดเสียงเบาๆ ว่า “เราสองคนนี่ดวงดีเนอะ เหมือนจะมียอดฝีมือมาช่วยเราด้วย หวังว่าจะเป็มิตรไม่ใช่ศัตรู ไม่งั้นเราแย่แน่”
เซียวกวงสงบลงเยอะมาก มองไปที่ชายั์ตาสองดวง แล้วยิ้ม พูดเบาๆ ว่า “ข้ารู้จักเขา!”
“อ่า?” หยางหนิงใ แล้วรีบถามกลับว่า “เขาเป็ใครหรือ? ฝีมือยิงธนูของเขาสุดยอดมาก”
เซียวกวงเหมือนลืมไปแล้วว่าตัวเองถูกธนูยิงเข้าใส่ เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลไป เขาไม่ใช่ศัตรูหรอก เขาอยู่นี่ เราปลอดภัยแน่นอน”
หยางหนิงถามกลับ “เพื่อนเ้าหรือ?”
เซียวกวงคิดไปครู่หนึ่ง แล้วถึงพูดขึ้นว่า “ก็ไม่เชิง แต่ว่าน่าจะไม่ทำร้ายเราหรอก...!”
“น่าจะ?” หยางหนิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แม้แต่ตัวเ้ายังไม่มั่นใจ?” เขาดูจะใ แต่กลับพบว่า ห่างไปไม่ไกลนัก ด้านหลังตรงที่เหล่ามือดาบและมือธนูอยู่ เหมือนจะมีม้าอยู่สามตัวที่มาเหมือนิญญา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโผล่มากจากไหน บนหลังม้ามีคนนั่งอยู่ แต่ละคนร่างกายกำยำมาก สวมชุดเกราะหนังสีดำ ตรงเอวมีดาบแขวนอยู่ ในมือถือคันธนู ด้านหลังสะพายลูกธนู
ฝักดาบของพวกเขาที่เอวดำสนิทเหมือนน้ำหมึก มันดูแตกต่างจากดาบทั่วไปมาก
ทันใดนั้นเอง มือธนูที่เหลือต่างเล็งเป้ามาที่เซียวกวง ดึงคันธนูเตรียมยิงอย่างไม่ลังเล ลูกธนูพุ่งมาอย่างกับฝนดาวตก เหมือนรู้ว่าจะรับมือกับชายั์ตาสองดวงไม่ได้ เลยจัดการกับเซียวกวงก่อน
หยางหนิงรู้สึกเหมือนจะมีลางไม่ดี หยางหนิงมองไป เห็นลูกธนูที่กำลังพุ่งเข้ามาใส่ กำลังเปลี่ยนทิศทาง ในใจก็สงสัย แต่หลังจากนั้นก็เห็นได้ชัดเจนขึ้น ไม่ใช่เพราะบนลูกธนูมีตาโผล่มาหรอกนะ แต่หัวลูกศรมันกำลังเปลี่ยนทิศทางจริงๆ
เขาใมาก เห็นชายดาบดำสามคนในมือง้างธนูออก ลูกธนูเหล่านี้ถูกคนพวกนั้นยิงเปลี่ยนทิศไป
ในตอนนี้เองเหล่ามือดาบถึงได้รู้ว่าด้านหลังมีคนอยู่ เหมือนพวกเขาจะใกันมาก แต่ก็ไม่ได้เสียอาการ
หลังจากชายดาบดำสามคนยิงธนูออกมาแล้ว ก็หยิบลูกธนูออกมายิงอีก คนในกลุ่มนั้นร้องด้วยความเ็ป พริบตาเดียวพวกเขาก็ตายลง
เหล่ามือดาบมือธนูที่องอาจ จากนักล่าตอนนี้กลายเป็คนที่ถูกล่า ถึงแม้พวกเขาจะมีจำนวนที่เยอะกว่า แต่ในตอนนี้กลับไม่มีทางโต้ตอบได้เลย
หลังจากได้ยินเสียงร้อง มือดาบหลายคนก็เริ่มเปลี่ยนเป้าหมายิ่งตรงไปยังเหล่านักรบดาบดำ แต่คราวนี้ทั้งสองคนกลับไม่ได้ยิงธนูออกไป แต่กลับชักดาบออกมา ควบม้าวิ่งขึ้นมา การเคลื่อนไหวเฉียบขาดเด็ดเดี่ยว ไร้ที่ติ
ทั้งสองฝ่ายอยู่ไม่ไกลกัน เหล่ามือดาบเห็นนักรบดาบดำควบม้าพุ่งเข้ามา ต่างก็หยุดวิ่ง แล้วยกดาบแล้วฟันไปที่ม้า
แสงสะท้อนของดาบสว่างขึ้นมา แต่กลับไม่ได้ยินเสียงปะทะกันของดาบเลย หยางหนิงเห็นแต่เหล่ามือดาบที่เหมือนปลาที่นอนตายในแห นักรบดาบดำควบม้าวิ่งผ่านตัวพวกเขา คนพวกนั้นล้มลงทั้งหมด มีหลายคนดิ้นอยู่ที่พื้น จากนั้นก็แน่นิ่งไป
หยางหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ทักษะการขี่ม้ากับการยิงธนูชายั์ตาสองดวงคือที่สุด แต่ว่านักรบดาบดำเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ถึงแม้จะสู้ชายั์ตาสองดวงไม่ได้ แต่การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่วิถีการออกดาบนั้นเฉียบขาดน่าเกรงขามมาก
พริบตาเดียว นักรบดาบดำก็พุ่งเข้าหากลุ่มเหล่านักดาบแล้ว ตวัดดาบสองสามที เหล่ามือดาบที่เหลืออีกสิบกว่าคนก็เตลิดเปิดเปิงไปหมด รับมือแทบไม่ทัน
“เอ่อ... สามคนนั้นเ้าก็รู้จักเหมือนกันหรือ?” หยางหนิงเหลือบไปมองเซียวกวง “เซียวกวง เ้ารู้จักคนพวกนี้จริงๆ หรือ แนะนำข้าให้รู้จักพวกเขาได้ไหม ข้าอาจจะได้คารวะพวกเขาเป็อาจารย์ของข้า”
คำพูดของเขาไม่ได้โกหก ไม่ว่าจะเป็ทักษะธนูหรือการขี่ม้า หยางหนิงรู้สึกนับถือแล้วก็ชื่นชมพวกเขามากจริงๆ ในใจคิดว่าหากตัวเขาสามารถได้สักครึ่งของพวกวเขา ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหนเขาก็ยอม
เซียวกวงยังไม่ทันได้พูดอะไร หยางหนิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า เมื่อหันไปดู ก็เห็นชายั์ตาสองดวงขี่ม้ามา เหลือระยะแค่คืบ
ชายั์ตาสองดวงเข้ามาใกล้แล้ว เขาหยุดมาแล้วลงมาจากหลังม้า
เมื่อกี้อยู่ไกลมาก แถมยังอยู่บนม้า หยางหนิงก็รู้สึกว่าชายคนนี้รูปร่างกำยำสูงใหญ่ แต่ตอนนี้พออยู่ใกล้ๆ ยืนอยู่ตรงหน้าเขา กลับรู้สึกว่าเขารูปร่างกำยำสูงใหญ่กว่าที่เขาคิดมาก ตัวเขาสูงแค่บริเวณหน้าอกเขาเท่านั้น ชายคนนี้มีแต่กล้ามเนื้อทั่วตัว ดูแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก
หยางหนิงกำลังจะยกมือขึ้นคารวะ ชายคนนั้นกลับปัดมือของเขาออก อย่างไม่เกรงใจ
หยางหนิงรู้สึกว่ามือของคนๆ นี้แข็งเหมือนเหล็ก มีแรงเยอะมาก แต่เมื่อถูกเขาทำแบบนี้ กำลังจะโกรธ กลับเห็นชายคนนั้นยกตัวเซียวกวงขึ้นมา แล้วยกวางบนหลังม้าอย่างระวัดระวัง
หลังจากที่เซียวกวงขึ้นนั่งอยู่บนหลังม้าแล้ว เขาก็ชี้มือไปที่หยางหนิงแล้วพูดว่า “เขาเป็เพื่อนข้า พาเขาไปด้วย!”
แต่ชายั์ตาสองดวงขึ้นม้าไปแล้ว นั่งอยู่หลังเซียวกวง มือหนึ่งโอบเซียวกวงไว้ มือหนึ่งดึงเชือกบังคับม้าไว้ ไม่มองหยางหนิงเลย แล้วพูดว่า “เขาไม่ตายหรอก!” แล้วก็บังคับม้าไปเลย
หยางหนิงใมาก แล้วพูดตอบกลับไปด้วยความโกรธว่า “เก่งมากนักหรือไงกัน รู้จักไหมมารยาทน่ะ?”
เซียวกวงหันหน้ากลับมาแล้วะโว่า “เสี่ยวป๋ายทู่ เ้าไปหาข้าที่เมืองหลวงนะ เ้าต้องมาหาข้านะ...!” ม้าตัวนั้นวิ่งไปเร็วมาก พริบตาเดียว ก็วิ่งหายไปแล้ว
หยางหินงวิ่งตามไปไม่กี่ก้าว สุดท้ายก็หยุด แล้วะโให้กับเงาที่กำลังจะลับหายไปว่า “เ้าคนแซ่เซียว เ้าติดเงินข้าห้าร้อยตำลึงทองอย่าลืมล่ะ ต่อให้สุดล่าฟ้าเขียว ก็ต้องชดใช้หนี้นะ” แล้วก็ยืนมองม้าวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็มองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว
“ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย” หยางหนิงบ่น “ตัวสูงใหญ่แล้วจะไม่มีมารยาทได้ด้วยหรือ? ขอบอกขอบใจอะไรสักคำก็ไม่มี ก็ไปซะอย่างนั้น ปีนี้มันอย่างไรเป็คนดีทำคุณไม่ขึ้นเลยหรืออย่างไร แถมยังเกือบตายอีกต่างหาก ไม่มีอะไรดีสักอย่าง” ในใจรู้สึกไม่พอใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมา เมื่อหันไปมอง ก็เห็นนักรบดาบดำคบม้าผ่านตัวเขาไป มองแทบไม่ทัน แต่ควบไปตามทางของชายั์ตาสองดวงนั่นไป
บนพื้นที่อันกว้างขวาง ศพนับสิบนอนเรียงรายเกลื่อนไปหมด ไม่มีใครพูดอะไรได้อีกแล้ว
หยางหนิงคิดในใจว่า เ้าคนประหลาดนั่นมีตาเกินมา ฝีมือเยี่ยมยอดไม่ใช่เื่โกหก พริบตาเดียว ก็ฆ่าหมดไม่มีเหลือแม้แต่ขนสักเส้น
แต่ว่าเ้าคนพวกนี้ลงมือเหี้ยมโหด ฝีมือก็ใช่ย่อย ก็ไม่รู้ว่าเป็เทพอะไรมาจากไหนกัน? คนพวกนี้เหมือนจะมาช่วยเซียวกวงโดยเฉพาะ ก็ไม่รู้เซียวกวงเป็ใครกันแน่ ทำไมถึงมียอดฝีมือที่เก่งกาจแบบนี้มาช่วยได้
ด้านของศาลเ้า ตอนนี้ก็เงียบกริบ หยางหนิงเดินกลับไปที่ศาลเ้า เมื่อมองเข้าไปจากด้านนอก ภายในศาลเ้าไม่มีเสียงอะไรเลย แต่มีศพนอนเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด
เขาถือมีดไว้ในมือ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในศาลเ้า ถึงได้รู้ว่าเ้าชายอ้วนชุดเทา กับเหล่าสายลับเป่ยฮั่นได้ตายอยู่ในศาลเ้าทั้งหมด ภายในมีชายชุดดำสามคน ซึ่งก็น่าจะเป็คนที่สายลับเป่ยฮั่นฆ่า
เมื่อเหลือบไปมองคนตัวใหญ่ที่ชื่อต้าเิที่นั่งคอพับอยู่ที่แท่นหิน บนคอของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่ มีร่องรอยของเือยู่ น่าจะถูดฟันคอจนตาย
ตรงมือของเขา ถุงกระสอบขนาดใหญ่ถูกศพทับอยู่ มีธนูสองดอกปักอยู่บนถุง มันแสดงให้เห็นว่ายิงมั่วมาโดนแน่นอน
หยางหนิงคิดในใจว่าพวกเ้านี่มันดวงซวยจริงๆ คิดจับตัวประกันกลับไปเป่ยฮั่นเพื่อรับการปูนบำเหน็จ แต่ต้องมาตายหมด เพราะคนที่ตามฆ่าเซียวกวง ตายอย่างมีมลทินซะจริงๆ
เขาเดินเข้าไป แล้วลากศพที่ทับถุงกระสอบออก ยื่นมือไปตบถุง ข้างในเป็คนๆ หนึ่งจริงๆ ตอนนี้เขาแน่นิ่งไม่ขยับ ลูกธนูสองดอกที่ปักอยู่มันยิงถูกคนที่อยู่ข้างในแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าตายหรือยัง แต่ดูท่าแล้ว น่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี