"ลูกนะลูกหางานให้ตลอด แค่เื่เมื่อวานยังไม่รู้จะรอดไหม นี่ยังมีหน้าไปเป็หนี้เขาอีก ตายแน่ฉันจะไม่ใช้หนี้หัวโตเลยหรือไง ค่าผ่อนบ้านเดือนนี้ก็ยังไม่ได้จ่าย" น้ำส้มบ่นยุบยิบระหว่างขับรถเพื่อไปพบนักรบตามที่เขานัดไว้ ข้อเท้าที่าเ็ก็เหมือนพลันหายไปเมื่อเทียบกับเื่มากมายที่หนักอก าแจึงดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับปัญหาที่เธอต้องเผชิญ
"มาพบคุณนักรบค่ะ นัดไว้สิบเอ็ดโมงตรง" น้ำส้มเดินเข้ามาในบริษัทติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งนัดกับพนักงานให้รับทราบ
"คุณน้ำส้มใช่ไหมคะ? " พนักงานถามย้ำ
"ใช่ค่ะ" เธอตอบรับอย่างสุขุม
"รอสักครู่นะคะ"
"ค่ะ"
จากนั้นพนักงานต้อนรับจึงได้ต่อสายขึ้นไปเพื่อแจ้งให้กับเลขาหน้าห้องได้ทราบ แล้วต่อมาจึงได้เชื้อเชิญชี้ทางให้น้ำส้มขึ้นไปพบ เธอเพิ่งเคยมาสถานที่นี้ครั้งแรกจึงประหม่า และรู้สึกใจคอไม่ดีเอาเสียเลย ดั่งปัญหาที่เธอกำลังจะพบเจอมันดูยากเย็น
"นัดสิบเอ็ดโมงตรงมาแล้วค่ะท่านประธาน...เชิญค่ะคุณน้ำส้ม"
"ขอบคุณค่ะ"
เมื่อมาถึงหน้าห้องผู้บริหารระดับสูง ยังไม่ทันที่น้ำส้มจะได้แนะนำตัว เลขาที่นั่งอยู่เบื้องหน้าก็ยกหูโทรศัพท์ต่อสาย จากนั้นจึงเชิญเธอเข้าไปในห้องทำงานที่มันแสนจะกว้างขวางและมีความส่วนตัว หัวใจเต้นแรงยิ่งเห็นสีหน้านิ่งเรียบ แววตาที่เ็า มองมายังเธอก็ทำให้หัวใจของน้ำส้มเต้นผิดจังหวะอย่างหวาดหวั่น...เธอกลัวว่ามันจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้
"นั่งสิครับ" นักรบผายมือเชิญ เขายังคงวางสีหน้าด้วยมาดที่นิ่งขรึมจนน้ำส้มใจไม่สู้ดี มือสั่นเทาเกรงว่าเขาจะไม่ยอมให้อภัย เพราะเมื่อวานเธออ้อนวอนเขายังไงใช้ไม้อ่อนต่อรอง เขาก็ยังไม่มีทีท่าจะโอนอ่อนให้
"ขอบคุณค่ะ เรียกให้ฉันมาพบ...คุณนักรบหายโกรธแล้วใช่ไหมคะเื่เมื่อวาน" น้ำส้มเอ่ยขึ้นก่อนริมฝีปากระบายยิ้มอ่อนทำใจดีสู้เสือ
"ยัง...ผมเคืองอยู่"
"แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ ฉันก็ไม่รู้จะแก้ไขยังไงคุณถึงจะหายโกรธ"
แต่คำตอบที่ได้ฟังทำให้น้ำส้มสีหน้าเหี่ยวอย่างกับแตงกวาที่โดนแดดแผดเผา เธอใจหล่นลงสู่ปลายเท้า ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขายอมอภัย แทบจะกราบกรานคลานเข่าวิงวอน เขาก็ยังไม่ใจอ่อนสักที ตอนนี้เธอจนปัญญาจะแก้ไขปัญหาที่ลูกสาวนำหายนะมาให้แล้วจริง ๆ ยิ่งสีหน้าของเขาตอนนี้เธอก็ยิ่งใจระส่ำจะทำอะไรก็หมดหนทาง
"..........." นักรบเงียบเพื่อดูเชิง เขาอยากจะหัวเราะกับท่าทางของน้ำส้มจนต้องหมุนเก้าอี้หันหลังให้ แล้วหมุนกลับมาประจันหน้ากับผู้หญิงที่ตามตื้อ วางท่าทีให้ดูน่าเชื่อถือและน่าเกรงขาม เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ก็ใบหน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของน้ำส้มที่กำลังเหมือนหมดหวัง ทำเขาแทบอยากกระโจนเข้าไปกอด อยากจะดึงเธอมาลูบหัวปลอบประโลมเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะต้องสงวนท่าทีเอาไว้อย่างมั่นคง
"ฉันขอโทษแทนมะนาวที่สร้างปัญหา แถมยังรบกวนคุณเื่ของเมื่อคืนอีก ฉันจะเอาเงินมาคืนให้นะคะ เท่าไหร่คะฉันจะจ่ายคืนให้" น้ำส้มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน เธอแทบไม่กล้าสู้หน้านักรบเลยในตอนนี้ เอ่ยถามถึงจำนวนเงินที่ลูกสาวของเธอยืมไป พลางล้วงกระเป๋าเพื่อจะจัดการกับตัวเงินใช้คืน
"ผมจ่ายเป็เป็ก้อนก็ต้องคืนผมเป็ก้อนยอดเดียว" เขาพูดขึ้น
"แล้วเท่าไหร่คะ?" เธอถามย้ำ
"หนึ่งแสน"
"!! ของสิบกว่าชิ้นนั่นอะนะ มันไม่น่าเกินห้าหมื่นด้วยซ้ำ ทำไมตั้งแพงถึงแสนล่ะ"
"ทุกชิ้นคือวัสดุอุปกรณ์ที่ดีที่สุด แพงที่สุดในร้านนะครับแถมผมยังต้องเพิ่มค่าแรงพิเศษอีก เพราะมันเลยเวลาทำงานของร้านด้วย...เมื่อวานลูกสาวของคุณวิ่งแจ้นมาหาผมตอนที่ผมจะกลับ เธอมาทวงเงินที่จะยืมกับผมว่าจะหาของขวัญให้แม่ ที่จริงเธอตั้งเค้ายืมผมแต่คริสมาสต์ แต่ผมลืมให้เธอ เมื่อวานจึงทวงย้อนหลังและให้ผมไปซื้อเซียวจ้านอะไรนั่นผู้ชายที่คุณชอบ ความกระชั้นชิดผมจึงเร่งสั่งทำของพรีเมี่ยมลิมิเต็ดพวกนั้นให้คุณภายในสามชั่วโมง คุณว่าหนึ่งแสนมันเหมาะสมพอไหมกับความเร่งรีบแบบนี้"
ราคาที่ถูกเปรยออกมา ทำให้น้ำส้มเบิกตาโตใ มือไม้สั่นกว่าเดิมเมื่อได้รับรู้ถึงราคาที่เขาจ่ายไป ตามคำร้องขอของลูกสาวที่ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ไปขอยืมเงินของคนที่เพิ่งรู้จัก เธออยากจะชักลงพื้นจริง ๆ ตอนนี้
"แล้วทำไมคุณถึงกล้าจ่ายมากมาย เพียงแค่คำพูดของเด็กแค่ห้าขวบละคะ" เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่กระด้าง แม้จะมีหางเสียงแต่เธอก็ควบคุมสติไม่อยู่ จู่ ๆ คนที่เพิ่งรู้จักกล้าให้เด็กห้าขวบยืมเงินตั้งมากมายขนาดนี้ เธอที่เป็แม่จะไม่สงสัยได้หรือ
"ก็เธอบอกจะทำงานใช้คืนนี่ครับ ผมผิดตรงไหนถ้าจะให้มะนาวยืมก่อน...เด็กไม่พูดโกหกหรอก แล้วมันก็เงินของผมจะให้ใครยืมก็ได้ไม่ใช่หรือไง" นักรบพูดออกมาอย่างกับคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาพูดมันอย่างสบายใจไม่มีทุกข์กับเงินก้อนนั้นที่จ่ายไปอย่างไม่คิดเสียดาย
"แต่นั่นมันเด็กไร้เดียงสานะคะ เธอจะทำงานใช้คืนยังไง" แต่กับน้ำส้มเธอร้อนรนจนแทบนั่งไม่ติด หยัดตัวลุกยืนแล้วจ้องหน้านักรบตาเขม็ง สองมือค้ำโต๊ะตอบโต้อย่างเผลอลืมกิริยา ก็มันน่าโมโหที่เขาโตกว่าแต่ว่าทำแบบนั้นเหมือนมีเลศนัย
"อันนั้นมันเป็การตกลงระหว่างผมกับมะนาวครับ" เขาเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ พูดออกมาอย่างไม่มีวิตก
"แต่ฉันเป็แม่ก็ต้องรู้เื่ด้วยสิคะ"
"ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงครับ หนึ่งแสนบาทถ้วนผมไม่คิดดอกด้วยนะ"
"นี่คุณ!"
น้ำส้มคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่านักรบกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ เธออ้างถึงความเป็แม่ แต่ก็ถูกนักรบตอกกลับจนแทบไปต่อไม่เป็ ได้แต่ยืนจ้องหน้าเขาด้วยแววตาที่เกรี้ยวโกรธ และกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ ที่ดูแล้วไม่สามารถต่อรองอะไรเขาได้เลย
"งั้นเดี๋ยวฉันเอาของมาคืนคุณค่ะ ฉันไม่เอาแล้วก็ได้" เมื่อเห็นแววจะสู้ไม่ไหว จึงทรุดตัวนั่งลงเก้าอี้แล้วเสนอเงื่อนไข
"ผมไม่นิยมของแบบนั้น ไม่รับคืนครับ" แต่มันไม่ทำให้นับรบยินยอม เขายังคงตะล่อมต้อนเธอให้จนมุม หวังล้อมเธอให้เขามาอยู่ในแผนการที่เตรียมไว้
ได้ยากต้องเ้าเล่ห์! ความมีเสน่ห์ไม่ต้องถามถึงเพราะเขามีเป็กระตั่ก แม้จะเผยด้านมืดออกมาแค่ไหนก็ตาม ผู้หญิงก็พร้อมจะเข้าหา อยู่ที่ว่าเขาจะเอาหรือไม่!
"งั้นฉันขอผ่อนจ่ายได้ไหมคะ...ฉันต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านและค่าเทอมมะนาวอีก ถ้าให้คุณหมดคงต้องกินข้าวกับเกลือแล้วล่ะ" จนปัญญาจำต้องเปิดเผยอีกด้านเพื่อให้เขาใจอ่อนและสงสาร
"ผมเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่ารับเป็ยอดก้อนเดียวนะครับ...ลืมเร็วจังนะ" ทว่ากลับไม่เป็ผล เขายังคงยืนกรานในสิ่งเดิม
"ฉันจะหาที่ไหนมาให้คุณในระยะเวลาสั้น ๆ เงินมากมายขนาดนั้น ผ่อนก็ไม่เอาแล้วจะให้เอาที่ไหนมาใช้คืนล่ะ"
"นั่นมันเป็ปัญหาของคุณครับ ไม่ใช่ของผม"
"มีตัวเลือกผ่อนผันให้ฉันบ้างไหมคะ ฉันไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอก ขนาดค่าผ่อนบ้านเดือนนี้ยังหาตังค์จ่ายแทบแย่ ถึงขอร้องคุณไงว่าได้โปรดอย่าปลดฉันจากโปรเจ็กนี้เลย"
น้ำส้มพยายามเกลี่ยกล่อมหวังให้เขายินยอม แต่ก็ดูเขาจะไม่แยแสแม้ว่าเธอจะอ้อนวอนเพียงใด เขายังคงตอกกลับเธอจนแทบหน้าหงาย อายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ที่ต้องมาต่อรองจนหมดท่าแบบนี้เพียงเพราะลูกสาวที่ไม่รู้ประสาหวังดีกับผู้เป็แม่ อยากให้แม่ดีใจและยิ้มได้หากเห็นของที่ชอบใจ
"ตกลงคุณจะเอายังไงครับคุณนางแบบ"
"ฉันจะพยายามหาเงินมาคืน แต่ขอเวลาให้ฉันรวบรวมเงินหน่อยแล้วกัน" เธอต่อรอง
"...หรือไม่งั้นผมมีอีกตัวเลือกหนึ่งให้คุณ" เหมือนทุกอย่างจะเข้าแผนที่วางไว้ นักรบผุดความเ้าเล่ห์ออกมาเรื่อย ๆ สร้างตัวเลือกที่น้ำส้มไม่สามารถเดาได้เลยว่าคืออะไร จนเธอต้องเอ่ยถามและจ้องมองหน้าอย่างลุ้นระทึก
"ตัวเลือกอะไรคะ?"
