“วี๊ด!”
ฝูงค้างคาวหวีดร้องเสียงแหลมสูงก่อนจะจู่โจมมู่เฟิงทันที มู่เฟิงไม่รอช้ารีบเหวี่ยงหอกจื่อเหลยในมืออย่างรวดเร็ว ปล่อยพลังสายฟ้าให้พุ่งออกไปโจมตีฝูงค้างคาวอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากสถานการณ์การต่อสู้ที่วุ่นวายตรงหน้า ทำให้มู่เฟิงจำต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งออกมา และไม่มีค้างคาวตัวใดที่จะสามารถต้านทานพลังจากสายฟ้าของหอกจื่อเหลยหรือเข้าใกล้มู่เฟิงได้เลย
แต่ทันใดนั้นค้างคาวใต้พิภพระดับหนิงกังตัวหนึ่งก็แผดเสียงร้องออกมา จากนั้นมันก็ะเิพลังก่อนจะพุ่งทะยานร่างกลายเป็ลำแสงสีดำเข้าโจมตีมู่เฟิง
มู่เฟิงแสยะยิ้ม เขาขว้างแผ่นยันต์สีน้ำเงินในมือออกไปอย่างรวดเร็ว แผ่นยันต์แผ่นนั้นพลันกลายเป็ดาบน้ำแข็งพุ่งไปยังร่างของค้างคาวใต้พิภพตัวนั้นในทันที
ฉัวะ!
ผลที่ได้ก็คือหลังจากค้างคาวตัวนั้นถูกดาบน้ำแข็งเฉือนผ่านร่าง ชั่วพริบตาต่อมาทั่วทั้งร่างของมันก็กลายเป็ก้อนน้ำแข็ง ก่อนจะร่วงตกจากอากาศทันที
“ย๊าก!”
มู่เฟิงตวัดหอกออกมาอีกครั้ง ใบมีดสายฟ้าปรากฏขึ้นก่อนจะพุ่งทะยานออกไปตัดร่างของค้างคาวใต้พิภพโดยตรง
ในเวลาเดียวกันนั้นข่งเซวียนเอ๋อร์ก็กำลังช่วยประคองร่างของข่งย่วนพร้อมกับต่อสู้กับฝูงค้างคาวบางส่วนไปด้วย
“มากับข้า!”
มู่เฟิงพลันเข้ามาคว้ามือของสตรีทั้งสองอย่างรวดเร็ว เขาขว้างแผ่นยันต์บรรลัยกัลป์ไปข้างหน้าเพื่อเปิดทาง ขณะเดียวกันกลุ่มของหูเถี่ยหนิ่วก็เตรียมพร้อมรอรับพวกเขาอยู่ตรงปลายทางเช่นกัน จนในที่สุดพวกเขาก็สามารถเข้าไปในห้องใต้หลังคาและปิดประตูได้สำเร็จ
หญิงสาวทั้งสองสามารถรอดความตายมาได้อย่างหวุดหวิด ร่องรอยของความกลัวยังคงฉายชัดอยู่ในแววตาของพวกนาง ส่วนด้านนอกเสียงหวีดร้องของฝูงค้างคาวก็ยังคงดังสลับกับเสียงกรีดร้องของมนุษย์เป็ครั้งคราว
“ขอบคุณเ้ามาก เ้ามีนามว่าเฟิงเย่สินะ ว่าแต่เ้ารู้จักนามของข้าได้อย่างไร?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์หันไปกล่าวขอบคุณมู่เฟิง แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ต่างไปจากเดิมของเด็กหนุ่ม นางจึงไม่สามารถจดจำตัวตนของเขาได้
“ขอบใจน้องชายที่ออกมือช่วยเหลือ”
ข่งย่วนประสานหมัดไปทางมู่เฟิง แต่ทันใดนั้นนางก็กระอักเืออกมาสองครั้ง นางจึงรีบนำยาออกมาสองเม็ดและกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็ไร แค่เื่เล็กน้อยเท่านั้น”
มู่เฟิงเพียงแค่ยิ้มบาง และไม่ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองออกไป
“เซวียนเอ๋อร์ ย่วนเอ๋อร์ ยอดเยี่ยมนักที่พวกเ้าปลอดภัย”
เสียงอุทานอย่างประหลาดใจพลันดังขึ้นมาจากทิศทางหนึ่ง เป็ซือถูคงที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ ท่านยังกล้าพูดคำนี้ออกมาอีกหรือ”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดอย่างเ็า ตอนนี้นางไม่คิดจะมองซือถูคงให้แง่ดีอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งจะทอดทิ้งพวกนางและหนีเอาตัวรอดมาคนเดียว
ส่วนข่งย่วนก็เหลือบตามองซือถูคงอย่างเ็าเช่นกัน
เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางเ็าของหญิงสาวทั้งสอง ซือถูคงย่อมสามารถตระหนักได้ทันทีว่าเป็เพราะอะไร เขาจึงพยายามจะอธิบายด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “เมื่อครู่ข้าเองก็ถูกบีบอย่างไม่มีทางเลือก ข้าถูกฝูงค้างคาวปิดล้อมเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถไปช่วยพวกเ้าได้”
“ช่างเถอะ ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าท่านมันเป็พวกรักตัวกลัวตาย”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ตวาดอย่างเ็า พร้อมกับยื่นปากออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เอาละ ไม่ต้องพูดแล้ว คราวนี้ถือว่าข้าเป็หนี้ชีวิตน้องเฟิงเย่ จะว่าไปอาวุธที่น้องเฟิงเย่เพิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่ดูคล้ายคลึงกับอาวุธของคนผู้หนึ่งที่พวกเรารู้จักยิ่งนัก”
ดวงตาคู่สวยของข่งย่วนจ้องมองมู่เฟิงอย่างมีความหมาย
หอกสายฟ้าสีม่วงของมู่เฟิงเป็อาวุธปราณขั้นสาม อีกทั้งพลังสายฟ้าที่ห่อหุ้มอยู่รอบตัวหอกก็ทำให้มันมีรูปลักษณ์ที่ค่อนยข้างโดดเด่นเป็อย่างมากด้วย
มู่เฟิงเพียงยิ้มออกมาบางๆ และไม่ได้ตอบอะไร แต่รอยยิ้มของเขากลับมีความหมายแฝงเอาไว้เช่นกัน
ข่งย่วนเองก็พยักหน้าและยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน ทั้งสองสามารถเข้าใจความหมายของกันและกันได้โดยไม่จำเป็ต้องพูดอะไรมาก
“ย่วนเอ๋อร์ เ้าได้รับาเ็ อาการาเ็ของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ซือถูคงเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านไสหัวไปเสีย ไม่ต้องมาเสแสร้ง”
ข่งเซวียนเอ๋อร์ผลักร่างของซือถูคงออก พร้อมกับตวาดอย่างเ็า
“ข้า…”
ร่างของซือถูคงแข็งทื่อ ดวงตาของเขามืดครึ้มลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียด
“ท่านเป็อะไรมากหรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
สีหน้าของข่งย่วนยังคงขาวซีด “กรงเล็บเมื่อครู่ของมันมีพลังหยินอักแน่นเอาไว้ พลังหยินพวกนั้นหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของข้า ตอนนี้ข้าจึงทำได้เพียงใช้กำลังกดข่มมันเอาไว้เท่านั้น แต่เกรงว่าคงจะกดข่มมันได้อีกไม่นาน”
มู่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทันใดนั้นแหวนเฉียนคุนของเขาก็เปล่งแสงออกมาพร้อมกับกล่องไม้ที่ปรากฏขึ้นในมือ เขายื่นมันให้กับข่งย่วนพลางกล่าวว่า “ในกล่องนี้คือหญ้าเพลิงอัคนี คาดว่ามันน่าจะสามารถยับยั้งพลัง
หยินในร่างของท่านได้”
ข่งย่วนกล่าวขอบคุณและรับมันมาด้วยความซาบซึ้ง
“น้องชาย เ้าว่าตอนนี้เราควรจะทำอย่างไรกันดี หรือว่าพวกเราจะถูกปิดตายอยู่ที่นี่”
หูเถี่ยหนิ่วหันไปถามมู่เฟิง
“มารดามันเถอะ เหลาจื่อไม่เชื่อหรอกว่าไอ้พวกค้างคาวสวะนั่นจะดักจับพวกเราไปได้ตลอด”
โหวโซ่วสบถด่าออกมา
“หากว่าหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนเรายังไม่ออกไปจากที่นี่ ม่านพลังของวังโบราณจิ่วซานย่อมต้องกลับมาทำงานอีกครั้งแน่ และหากเป็เช่นนั้นพวกเราก็จะติดอยู่ที่นี่ไปอีกสิบปี”
หูเถี่ยหนิ่วชำเลืองมองทางโหวโซ่ว
“สิบปี? นั่นไม่ใช่การบีบให้คนเป็บ้าหรอกหรือ! แม้ว่าสตรีสองนางนี้จะสามารถคลายความหดหู่นี้ได้บ้างก็เถอะ หึๆ...”
โหวโซ่วแสยะยิ้มออกมาอย่างลามก พร้อมกับมองไปทางข่งย่วนและข่งเซวียนเอ๋อร์
สตรีสองพี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งน่ารักบริสุทธิ์สดใส ส่วนอีกคนก็งดงามหยาดเยิ้ม นับว่าเป็หญิงงามที่มีความสวยสะดุดตาเป็อย่างยิ่ง
ทุกคนต่างพลันหันไปมองทางสองสาว พร้อมกับเหยียดยิ้มออกมา
ข่งเซวียนเอ๋อร์หวาดกลัวมากจนต้องไปหลบอยู่ด้านหลังของข่งย่วน สีหน้าของข่งย่วนพลันเปลี่ยนเป็น่าเกลียดทันที
“เอาละ ทุกท่านเลิกล้อเล่นกันได้แล้ว เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี”
มู่เฟิงเข้ามายืนขวางหน้าหญิงสาวทั้งสองเอาไว้ เขากล่าวขึ้นพร้อมกับหยิบแผนที่ในมือออกมา
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งค้นพบแผนที่แผ่นนี้บนชั้นหนังสือ แผนที่นี่คือแผนผังภูมิประเทศในบริเวณชั้นสามของวังโบราณจิ่วซาน”
มู่เฟิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อตัดบท
แน่นอนว่าเมื่อทุกคนได้ยินเื่นี้ พวกเขาก็เลิกแทะโลมสตรีทั้งสองไปโดยปริยายทันที ทุกคนต่างก็เข้าไปล้อมมู่เฟิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“พวกท่านดูนี่ ตอนนี้พวกเราน่าจะอยู่ในอาคารหลังนี้”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปยังอาคารสี่เหลี่ยมขนาดเล็กบนแผนที่ จากทิศที่ตั้งของประตูทางเข้า ทำให้เขาทราบได้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ส่วนไหนของแผนที่
และตำแหน่งของที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้านัก
“หากว่าอาณาเขตในบริเวณชั้นสามนี้มีสมบัติอยู่จริง ข้าเกรงว่าเราอาจจะหามันได้ในวิหารหลักที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ถ้า้ากลับไปยังประตูทางเข้า จากความแข็งแกร่งของพวกเราแล้วก็อาจจะทำได้ไม่ยากเช่นกัน ทุกท่าน้าจะกลับไปหรือว่าจะไปยังวิหารต่อเพื่อตามหาสมบัติ?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
“เอ่อ...นี่...”
หลังจากทุกคนได้ยินดังนั้นก็เกิดความลังเลขึ้นมา แน่นอนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อตามล่าหาสมบัติและทักษะเคล็ดวิชา
แต่เวลานี้มีฝูงค้างคาวใต้พิภพบินวนอยู่ด้านนอก ทั้งยังมีาาค้างคาวใต้พิภพระดับหยวนตานอยู่อีกหนึ่งตัวด้วย หากพวกเขายังคงมุ่งหน้าต่อไปยังวิหารเ่าั้เกรงว่าคงจะเสี่ยงไม่น้อย
“ให้ตายเถอะ ข้าติดอยู่ระดับหนิงกังมานานหลายปีแล้ว ข้าอุตส่าห์รอให้พระราชวังใต้ดินแห่งนี้เปิดออกเพื่อเข้ามาหายาควบหยวนตาน ไม่อย่างนั้นแล้วเกรงว่าชีวิตนี้ข้าคงไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับหยวนตานได้แน่ ฉะนั้นข้าจะลุยต่อ แล้วพวกเ้าเล่า”
โหวโซ่วหรี่ตาลงขณะกล่าวขึ้น
“ข้าด้วย!"
“ข้าเองก็เช่นกัน”
ทั้งหูเถี่ยหนิ่วและซานเหล่าเอ้อต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน ส่วนซือถูคงที่ยืนเงียบอยู่ด้านข้างก็มีจุดประสงค์เช่นเดียวกับพวกเขา รวมถึงข่งย่วนด้วย
ทว่าตอนนี้ข่งย่วนได้รับาเ็ ดังนั้นคงไม่เหมาะที่นางจะไปเสี่ยงอันตราย
“ในเมื่อทุกท่านต่างก็คิดเห็นเหมือนกัน เช่นนั้นเรามาศึกษาวิธีไปยังวิหารหลักเหล่านี้ให้ดีกันเถอะ”
มู่เฟิงกล่าว
“น้องเฟิงเย่ เ้าอย่าไปเสี่ยงกับพวกเราเลย ไม่สู้เ้ารอพวกเราอยู่ตรงนี้จะดีกว่าหรือ”
หูเถี่ยหนิ่วเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่มทันที
“หึๆ อย่างไรก็เข้ามาถึงที่นี่แล้ว ข้าเองก็อยากเห็นสมบัติของวังโบราณแห่งนี้เช่นกัน”
มู่เฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม จิติญญาของการผจญภัยนั้นฝังอยู่ในกระดูกของเขาไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีความกล้าหาญเป็อย่างมาก
“ฮ่าๆ ตกลง เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน”
หูเถี่ยหนิ่วหัวเราะ
ในตอนนั้นเอง เสียงหวีดร้องของค้างคาวที่อยู่ด้านนอกก็ค่อยๆ เงียบหายไป ฝูงค้างคาวเริ่มบินกลับเข้าไปยังส่วนลึกของพระราชวังอีกครั้ง เหลือทิ้งไว้ซากโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมาก
“นี่มันอะไรกัน?”
หลังจากทุกคนเห็นว่าด้านนอกมีเพียงความเงียบ ก็มีบางคนแง้มประตูออกเพื่อลอบมองสถานการณ์ภายนอก
สิ่งที่เห็นก็คือ ตอนนี้ด้านนอกไม่มีฝูงค้างคาวใต้พิภพอยู่เลยสักตัว
“ทุกคนเร็วเข้า ฝูงค้างคาวหายไปแล้ว!”