หลังท่านหมอเจียงออกไป กลับได้ยินเฉินอ๋องเอ่ยถามว่า“ตอนนั้นที่ท่านพ่อตาจับกุมคนเ่าั้ พวกเขามีของสิ่งนี้ติดตัวอยู่หรือไม่?”
หรงชิงไม่พอใจ แต่ยังคงเอ่ยตอบว่า “ตอนนั้นโจรพวกนั้นกำลังจะหนีคดีจึงมีของสิ่งนี้ติดตัวถือเป็เื่ปกติแต่น่าเสียดายที่คนพวกนั้นถูกกระหม่อมบั่นคอไปแล้วทำให้สิ่งที่เตี้ยนเซี่ยสนพระทัยต้องถูกฝังกลบไว้ที่เนินป่าช้าบริเวณชายแดนพร้อมกับพวกเขาไปด้วย”
เฉินอ๋องรับรู้ถึงความไม่พอใจของแม่ทัพหรง แม้รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแต่กลับไม่คิดอธิบายและเอ่ยถามต่อ “ท่านพ่อตาเห็นกับตาตนเองว่าพวกเขาถูกบั่นคอและถูกโยนไว้ที่เนินป่าช้าด้วยตนเองหรือไม่? หรือว่าท่านแค่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปลงมือ?”
“ท่านซงโหวน้อยเป็ผู้ลงมือพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหรงไม่อยากเอ่ยสิ่งใดมากนัก
แต่ทันทีที่กล่าวจบพลันรู้สึกถึงบางอย่าง!
“เตี้ยนเซี่ยทรงหมายความว่า...” แม่ทัพหรงรู้ว่าตนเข้าใจเฉินอ๋องผิดเสียแล้วเฉินอ๋องถามถึงเื่พวกนี้ไม่ใช่เพราะสนใจจุ้ยเมิ่งฉางแต่เป็เพราะเื่นี้คือกุญแจสำคัญ
เฉินอ๋องเอ่ย “เื่นี้ไม่มีทางเป็ฝีมือของคนแคว้นเหลยหากท่านพ่อตาเชื่อใจอ๋องผู้น้อยเื่ที่ต้องจัดการต่อไปก็ปล่อยให้เป็หน้าที่ของอ๋องผู้น้อยเถิดท่านคิดเห็นเช่นไร?”
แม่ทัพหรงลังเลเล็กน้อยแต่ท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมา “พ่ะย่ะค่ะถ้าเช่นนั้นก็ให้เป็ไปตามนี้ เื่นี้คงต้องลำบากเตี้ยนเซี่ยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านพ่อตาอย่าได้เห็นเป็คนอื่นไกล” เฉินอ๋องเอ่ย“คุณหนูคือว่าที่ภรรยาของเปิ่นหวาง ยามนี้เกิดเื่กับคุณหนูให้เปิ่นหวางไปจัดการย่อมเป็เื่สมควร”
แม่ทัพหรงฝืนยิ้มเขาคิดว่าการให้เฉินอ๋องเป็ผู้จัดการเื่นี้คือผลดีที่สุด...อาจทำให้เฉินอ๋องได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวของเขากับตาตนเองเป็คนแรกเมื่อเป็เช่นนี้ค่อยตัดสินใจอีกครั้งว่าจะสู่ขอหรือไม่และหากเขาเป็คนออกหน้าไปช่วยบุตรสาวของตนเองไม่เอ่ยถึงเื่ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกายใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากเฉินอ๋องไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง เขาจะต้องคิดไปทางแง่ร้ายอย่างแน่นอน
หลังส่งเฉินอ๋องออกจากจวนเขาเห็นรถม้าของเฉินอ๋องเคลื่อนตัวไปทางฝั่งทิศตะวันออกของเมือง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมุ่งหน้าไปยังจวนองค์รัชทายาทหรือจวนของตนกันแน่
เฉินอ๋องกลับมายังจวนเฉินอ๋องและเขียนจดหมายสองฉบับสั่งให้ข้ารับใช้นามจั๋วจิ่วส่งไปยังจวนองค์รัชทายาทและจวนฉางเล่อโหวกำชับเขาว่าอย่าได้ส่งสลับและอย่าให้องค์รัชทายาทและท่านโหวน้อยรู้ว่าต่างฝ่ายต่างถูกเชื้อเชิญ
จากนั้นเอนกายลงบนตั่งตัวยาวภายในห้องเพื่องีบหลับรอจั๋วจิ่วกลับมารายงาน
หากไม่เกิดเื่เหนือความคาดหมายองค์รัชทายาทกับซงซวี่จะต้องตอบรับคำเชิญไปร่วมทานอาหารกลางวันที่เรือนซูหนวี่ฟางของเขา
ครั้นใกล้ถึงเที่ยงวันเขาเปลี่ยนไปสวมอาภรณ์สีม่วงหรูหราเพื่อออกจากจวน แผนการทุกอย่างเตรียมพร้อมเหลือเพียงแค่รอให้คนทั้งสองมาถึงเท่านั้น
ครั้นก้าวเท้าเข้าเรือนซูหนวี่ฟาง หลานอี๋จึงเข้ามาต้อนรับทันที“จัดเตรียมอาหารและสุราที่เตี้ยนเซี่ยทรงโปรดมากที่สุดไว้แล้วเพคะ บรรดากูเหนียงกำลังรอ...”
“ให้อิงอิงกับเยี่ยนเยี่ยนเขามาขับร้องเพลงก็พอแล้วในเวลาอาหารกลางวันไม่ต้องให้ครึกครื้นมาก”
หลานอี๋ยกยิ้มอย่างเข้าใจและเอ่ยหยอกเย้า “เข้าใจแล้วเพคะ... เพราะพิธีอภิเษกสมรสกำลังใกล้เข้ามาสินะเพคะ...”
“หลานอี๋ฉลาดถึงเพียงนี้ สมแล้วที่อบรมบรรดากูเหนียงจนน่าเอ็นดูได้ไม่น้อย”เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม
หลังเอ่ยหยอกล้อเสร็จจึงเดินเข้าไปในห้องไม่นานนักอาหารและสุราถูกยกเข้ามาจัดวาง อิงอิงและเยี่ยนเยี่ยนเดินเข้ามาหลังเอ่ยหยอกเย้ากันไม่กี่ประโยค บทเพลง ‘เหรินตัวเจียว[1]’ ก็เริ่มบรรเลง ซงซวี่ก็ได้เดินทางมาถึงพอดี
“เฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ย ไม่พบกันนานนักพ่ะย่ะค่ะข้าน้อยนึกว่าเตี้ยนเซี่ยทรงลืมข้าไปเสียแล้ว!” ซงซวี่เอ่ยหยอกล้อทันทีที่พบหน้า
เพราะอยู่ในหอนางโลม ซงซวี่จึงไม่เคร่งครัดมากนักทุกคนเป็สหายกันทั้งนั้น หากมัวแต่ระมัดระวังตัวมากเกินไปจะหมดสนุกเอาได้เมื่อก่อนเขาเคยเที่ยวเล่นกับองค์รัชทายาทและเฉินอ๋องอยู่หลายหนล้วนสามารถหยอกล้อและสนทนากันถูกคอกันยิ่งนัก
หลังเฉินอ๋องกับซงซวี่พูดคุยกันอย่างเฮฮาครู่หนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าบริเวณหน้าประตูผู้มาเยือนพลันผลักประตูเพื่อเข้ามา “น้องสาม เปิ่นกงยังมาไม่ถึงเหตุใดจึงเริ่มบรรเลง..บทเพลงเสียแล้ว? ช่างเป็เ้าภาพที่ไม่ได้เื่เสียจริง”
ขณะกล่าวออกไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นซงซวี่ก็อยู่ด้วยเช่นกันวาจาพลันชะงักชั่วครู่ ทว่าไม่ได้ชัดเจนมากเพราะเขายังคงเอ่ยวาจาหยอกล้อต่อจนจบ
ทว่าความคิดหยอกล้อกลับไม่หลงเหลือเสียแล้ว บังเอิญเกินไปกระมังเหตุใดถึงเรียกซงซวี่มาด้วย?
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนพวกเขาจะร่วมดื่มกินด้วยกันแต่เ้าสามกับซงซวี่ไม่ไปมาหาสู่กันเป็การส่วนตัวทุกครั้งที่พวกเขาทั้งสามอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาล้วนมีเขาเป็เ้าภาพหากบอกว่าครั้งนี้เ้าสาม้าพบปะพอเป็พิธีแต่ดูจะประจวบเหมาะเกินไปสักหน่อยกระมัง
หึ... รอมาครึ่งค่อนวันกลับไม่ได้ยินว่าหรงชิงไปแจ้งทางการแท้จริงแล้วเขาไปขอให้บุตรเขยช่วยนี่เอง ถือว่าขวัญกล้าไม่น้อยเื่เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเ้าสามเช่นนี้คาดไม่ถึงว่าเขายังกล้าไปขอให้เ้าสามช่วยสองพ่อลูกตระกูลหรงคู่นี้ช่างมีลูกเล่นเสียจริง ทั้งความอาจหาญและความรู้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะตามทัน
“ที่แท้ก็ยังมีคนอื่นด้วยหรือ? เปิ่นกงนึกว่าน้องสามอยากจะแสดงความเคารพต่อเหวยซง[2] ขึ้นมากะทันหันเสียอีก? แท้จริงแล้วเ้า้าเชิญผู้อื่นและให้เหวยซงมานั่งร่วมงั้นรึ!น้องสาม เ้าช่างไม่จริงใจเสียจริง สมควรถูกลงโทษนัก!” องค์รัชทายาทเอ่ยทั้งรอยยิ้ม
ซงซวี่ไม่รู้มาก่อนว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาตอนนั้นเขายังจงใจถามจั๋วจิ่วเด็กรับใช้ที่มาส่งจดหมาย แต่จั๋วจิ่วกลับบอกว่า “เตี้ยนเซี่ยมีรับสั่งให้หนูฉายมาส่งจดหมายให้ท่านโหวน้อยไม่ได้เชิญผู้อื่นขอรับ”
เมื่อเป็เช่นนี้ จึงรู้ว่านี่คืองานเลี้ยงหงเหมิน[3] เสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงรีบฉวยโอกาสเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ย ท่านควรจะลงโทษตนเองสักหนึ่งจอก! ไม่ใช่ต้องสองจอกถึงจะสมควร! ข้าน้อยนึกว่าเตี้ยนเซี่ยเรียกข้าน้อยมาแค่คนเดียวคราแรกยังรู้สึกดีใจไม่น้อยนึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วท่าน้าแสดงความเคารพต่อพี่ชายและเรียกข้าน้อยมานั่งร่วมด้วยเท่านั้น”
องค์รัชทายาทชำเลืองมองซงซวี่ คนทั้งสองเข้าใจในทันทีซงซวี่้าเตือนองค์รัชทายาทว่านี่ไม่ใช่งานเลี้ยงธรรมดาเพราะเขาก็มาที่นี่โดยไม่รู้เื่อะไรเช่นกัน
เฉินอ๋องไม่ปฏิเสธ กลับยกจอกสุราอย่างสบายใจแล้วเอ่ย “ก็ดีเปิ่นหวางเขียนเทียบเชิญไม่ละเอียด ทำให้ท่านทั้งสองเข้าใจผิดเสียแล้ว เปิ่นหวางจะดื่มสองจอกเพื่อเป็การขออภัยต่อท่านทั้งสอง!”
กล่าวจบก็ยกจอกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวด้วยความสบายใจตามด้วยรินสุราอีกหนึ่งจอกและกระดกรวดเดียวอีกหน
เมื่อวางจอกสุราลงจึงถอนหายใจออกมา “เฮ้อ... จิตใจไม่อาจสงบมาั้แ่เช้ากระทั่งยามเขียนจดหมายยังเลอะเลือนเสียแล้ว”
“หือ? เื่อะไรทำให้น้องสามต้องเป็กังวลเช่นนี้? หรือหญิงงามนางใดของน้องสามออกเรือนกับพ่อค้าต่างเมืองอีกแล้ว?” องค์รัชทายาทหยอกเย้า
“เป็เื่ที่หนักหนากว่านั้นอยู่สักหน่อยพ่ะย่ะค่ะ...”เฉินอ๋องขมวดคิ้วเป็ปม “เพราะเกิดเื่กับคุณหนูตระกูลหรงข้าไปเยี่ยมเยียนจวนแม่ทัพหรงั้แ่เช้าตรู่ถึงได้รู้ว่าคุณหนูหรงถูกลักพาตัวไปั้แ่เมื่อคืน!ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็โจรจากที่ใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะขวัญกล้ายิ่งนัก บังอาจกระตุกหางเสือเช่นนี้”
“อ้อ? มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ?” องค์รัชทายาทตรัสอย่างประหลาดพระทัย
ซงซวี่ตกตะลึงและเอ่ยพลางคิดพิจารณา “มีเื่เช่นนี้ด้วยหรือ? ตระกูลหรงไปแจ้งทางการแล้วหรือไม่? นี่ไม่ใช่เื่เล็กๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!”
คราแรกซงซวี่คิดว่าเป็เื่แปลกที่เฉินอ๋องเชิญพวกเขาสองคนมาโดยไม่ยอมให้พวกเขารู้และยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเฉินอ๋องทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรแต่เมื่อได้ยินเฉินอ๋องกล่าวเช่นนี้ถึงรู้สาเหตุของเื่นี้ในทันที
การที่องค์รัชทายาทเสด็จไปหาเขาและพูดคุยเื่ของแคว้นเหลย แท้จริงแล้วไม่ได้เป็เพียงการพูดคุยยามว่างเท่านั้นคาดว่าจุดประสงค์ขององค์รัชทายาทคือการสืบเื่ศัตรูเก่าของแม่ทัพหรงจากเขาเพื่อเป็ข้ออ้างในการลักพาตัวคุณหนูหรงนอกจากนั้นยังเอาจุ้ยเมิ่งฉางไปอย่างง่ายดายเื่นี้ต้องเป็ฝีมือขององค์รัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉินอ๋องจิบสุราสายตามองพิจารณาองค์รัชทายาทและซงซวี่อย่างจงใจให้พวกเขารู้ตัว“โจรพวกนั้นทิ้งจดหมายไว้อย่างโจ่งแจ้งบอกว่าเป็คนจากแคว้นเหลยและมาเพื่อล้างแค้นแม่ทัพหรงเดิมทีแม่ทัพหรงคิดจะแจ้งทางการ แต่เมื่อเห็นรอยเท้าที่โจรผู้นั้นเหลือทิ้งไว้ระหว่างประลองฝีมือกับเขากลับบอกว่า...ไม่ใช่คนแคว้นเหลยอะไรนั่น ข้ารู้แล้วว่าเขาเป็ใคร”
“เด็กรับใช้ไปตรวจสอบหน้าต่างหลังเรือนจึงพบก้านต้นกกก้านหนึ่งโดยบังเอิญภายในก้านต้นกกมีผงสีขาวหลงเหลืออยู่หมอประจำตรวจสอบก็บอกว่า...คือจุ้ยเมิ่งฉางอะไรนั่น เดิมทีข้าคิดจะใช้ฐานะบุตรเขยไปเยี่ยมเยียนเขาก่อนเสียหน่อย แต่ผู้ใดจะรู้ว่าต้องพบเื่เช่นนี้ เปิ่นหวางคร้านจะสนใจจึงฟังเพียงคำกล่าวยืนยันจากแม่ทัพหรง”
“คำกล่าวยืนยันอะไร?” องค์รัชทายาทแสร้งยกยิ้มเช่นคนไม่รู้เื่“หรงชิงผู้นั้นเป็คนซื่อตรง หากเขารับปากแล้ว จะต้องทำได้อย่างแน่นอนอย่าบอกว่าเขายังยืนยันจะให้บุตรสาวแต่งงานกับเ้า เกิดเื่เช่นนี้หากเขายังยืนยันเช่นนี้... น้องสาม อย่าหาว่าพี่ชายเช่นข้าปากมาก เื่นี้อาจไม่ใช่โชคดีของเ้าก็ได้!”
เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้มเช่นกัน “จะไม่เป็เช่นนั้นได้อย่างไรหากแต่งกับสตรีที่ถูกโจรย่ำยีก็คงไม่มีความหมายอะไรโชคดีที่แม่ทัพหรงยืนยันกับข้าว่าเขารู้แล้วว่าจุ้ยเมิ่งฉางเล็ดลอดมาจากที่ใดนอกจากนั้นยังบอกว่ามีวิธีการจับทั้งโจรและของกลางรวมถึงสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของบุตรสาว ทว่าข้าอยากจะรอดูเื่สนุกมิสู้พวกเรารอดูอยู่ที่นี่กันเถิด หากพ้นเที่ยงวันไปอาจมีละครอุปรากรให้ดู...”
ขณะเฉินอ๋องกล่าวยังหันไปชำเลืองมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาแฝงนัยยะอีกหน
องค์รัชทายาทยังดีสักหน่อย สามารถเอ่ยวาจาหยอกล้อไม่ลุกลี้ลุกลนสีหน้ายังคงเป็ปกติ ทว่าซงซวี่กลับเริ่มนั่งไม่ติดที่เบนสายตาหลบและเอาแต่ยกจอกสุราขึ้นดื่มเพื่อเป็เกราะกำบัง
ทันใดนั้นเขาก็วางจอกสุราลงและตบเข่าดังฉาด “ไอหยา! แย่แล้วๆ...”
“เป็อะไรไป?” เฉินอ๋องเอ่ยถาม
“ข้าลืมไปว่าเที่ยงวันนี้ท่านพ่อจะทดสอบเื่การเรียนของข้า!มัวแต่ดีใจหลังได้รับเทียบเชิญจากเตี้ยนเซี่ยจนเผลอลืมไปเสียสนิท!หากท่านพ่อพบว่าข้าไม่อยู่ในจวน จะต้องรู้แน่นอนว่าข้ามาเที่ยวสุรานารี!ครั้งนี้ท่านพ่อจะต้องหักขาข้าแน่นอน!”
ขณะกล่าวลุกขึ้นทำความเคารพเฉินอ๋อง “เตี้ยนเซี่ยข้าน้อยรู้สึกผิดยิ่งนักที่จะต้องกลับไปก่อนวันหน้าข้าน้อยจะเป็เ้ามือเชิญเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยและไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยไปดื่มสุราหอเทียนเซียงเพื่อเป็การขออภัยต่อเตี้ยนเซี่ยทั้งสองพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินอ๋องยกยิ้มและไม่รั้งเขาเอาไว้ “ในเมื่อคุณชายมีเื่สำคัญเปิ่นหวางจะรั้งไว้ได้อย่างไร? หากคุณชายถูกบิดาตีจนก้นปริขึ้นมาจริงๆเปิ่นหวางคงรู้สึกผิดไม่น้อย...เชิญคุณชาย เปิ่นหวางจะไปส่ง”
“ไม่กล้ารบกวนเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ ขอเตี้ยนเซี่ยโปรดระงับฝีพระบาท”ซงซวี่เอ่ย
ขณะกล่าวค้อมคำนับองค์รัชทายาทและเฉินอ๋องอีกครั้งก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินออกไป
เฉินอ๋องเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “คุณชายกลัวจะถูกฟาดก้นถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
ขณะเอ่ยวาจาหยอกล้อยังคงก้าวเท้าเดินตามไป
องค์รัชทายาทรีบเดินตามไปเช่นกันเนื่องจากกลัวว่าซงซวี่จะขี้ขลาดจนเปิดโปงตนและเขาไม่อยากให้เ้าสามกับซงซวี่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง
[1]เหรินตัวเจียวหมายถึงหญิงผู้เป็ที่รักช่างน่าเอ็นดู
[2]เหวยซงคำเรียกแทนตัวของผู้เป็พี่ชาย
[3]งานเลี้ยงหงเหมินหรืองานเลี้ยงลอบสังหารที่เซียวอวี่จัดขึ้นเพื่อลอบสังหารหลิวปัง