หลังจากที่เดินเข้ามาภายในม่านพลังโปร่งแสง เย่ชิงหานปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาเล็กๆ อีกครั้ง ครั้งนี้เขาจึงแน่ใจแล้วว่าทุกๆ ด่านของมิติคู่ขนานภายในเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาเมื่อทะลวงผ่านมาได้จะมีหุบเขาทางเดินเล็กๆ ไว้ให้พักผ่อนอยู่ตลอด
ครั้งนี้เย่ชิงหานใช้เวลาพักผ่อนอยู่สามวัน ผ่านการต่อสู้มาสิบชั่วโมงติดต่อกันโดยไม่ได้หยุดพักทำให้สภาพร่างกายของเขาอิดโรยเป็อย่างมาก เขาไม่ใช่เทพเป็เพียงผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเพียงเท่านั้นจึง้าการพักผ่อนเหมือนๆ คนทั่วไป
สามวันผ่านไปเขาออกเดินทางอีกครั้งเข้าสู่มิติคู่ขนานด่านที่สี่
มารอสูรในด่านที่สี่ไม่แข็งแกร่งอะไรมากเป็มารอสูรระดับหกแมงมุมขาว เป็มารอสูรชนิดที่เย่ชิงหานไม่เคยพบเจอมาก่อน ได้ยินว่าเป็สายพันธุ์พิเศษที่มีแต่เฉพาะในป่าดำมืดหนึ่งในสามสถานที่แห่งความตายของทวีปัเพลิง ขนาดรูปร่างสูงหนึ่งเมตรกว่า ลำตัวมีขนาดใหญ่หนึ่งเมตรกว่า มีแปดขา ขามีหนาม หนามมีพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถพ่นใยแมงมุมได้ ใยไม่แข็งแรงทนทานมากนักแต่เหนียวติดแน่นน่ารำคาญทำให้เหยื่อเคลื่อนไวได้ยากลำบาก
แมงมุมขาว เย่ชิงหานไม่มองอยู่ในสายตาแม้แต่น้อยก็แค่น่ารำคาญนิดหน่อยเพียงเท่านั้น เสียเวลาสักหน่อยก็พอจะจัดการได้สบายๆ สิ่งที่ทำให้เย่ชิงปวดหัวที่สุดในด่านนี้กลับเป็ลักษณะภูมิประเทศเสียมากกว่า
มิติคู่ขนานด่านที่สี่แห่งนี้เป็ช่องเขาอีกเช่นเดียวกัน เพียงแต่...ช่องเขาแห่งนี้แตกต่างจากช่องเขาด่านที่แล้วมากเพราะเต็มไปด้วยทางแยกมากมาย เส้นทางวกไปวนมาจนแทบทำให้เย่ชิงหานหัวหมุน อาจจะพูดได้ว่าเป็เขาวงกตเลยก็ว่าได้
แม้ในด่านที่สามเย่ชิงหานจะเผชิญกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องของหมาป่าเหล็กนิล แต่ก็ใช้เวลาไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นก็ผ่านมาได้ แต่ทว่าในด่านที่สี่นี้เขาเดินวนไปมาอยู่เป็เวลาครึ่งเดือนแล้วก็ยังคงเดินวนอยู่อย่างนั้นเช่นเดิมไม่หยุด
แม้จะเดินวกไปวนมาอยู่เช่นนี้ก็ตามแต่มีก็มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกปีติยินดีขึ้นมาซึ่งก็คือ เขาพบเจอกับสมบัติล้ำค่าระดับิญญาสามชิ้นและเสื้อเกราะป้องกันระดับวิเศษอีกหนึ่งชิ้น
เย่ชิงหนิวเคยบอกกับเขาว่าภายในูเาสุสานทวยเทพมีผลไม้วิเศษและของล้ำค่ามากมาย ซึ่งถ้าหากโชคดีละก็อาจจะพบเจอเข้ากับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เป็ได้ ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เคยเจอแล้วและกินมามากแล้วแต่สมบัติล้ำค่าเพิ่งเคยเจอเป็ครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบเจอหลายชิ้นถึงเพียงนี้ด้วยมันทำให้เขาปีติยินดีและสงสัยเป็อย่างมาก ทำไมด่านก่อนๆ และตอนที่อยู่ภายในดินแดนแห่งภาพลวงตาถึงไม่ได้พบเจอสมบัติล้ำค่าเลยสักชิ้น?
ความจริงแล้วเขาไม่รู้เท่านั้นเองว่าสมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพล้วนร่วงหล่นมาตอนที่เส้นทาง์เปิดออก จะมีโอกาสได้พบเจอหรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตาวาสนาของแต่ละคน
ในตอนที่เย่ชิงหานถูกดูดเข้ามาภายในูเาสุสานทวยเทพ ระยะเวลาที่เส้นทาง์เปิดออกครั้งล่าสุดนั้นผ่านมาหลายปีแล้ว สมบัติล้ำค่าส่วนใหญ่ที่ร่วงหล่นลงมาล้วนถูกผู้ที่เข้ามาเสาะหาสมบัติเมื่อตอนที่เส้นทาง์เปิดออกในครั้งที่แล้วพบเจอไปจนเกือบจะหมดไม่เหลือ แต่เนื่องจากว่าภายในด่านนี้ที่ลักษณะภูมิประเทศซับซ้อนและกว้างใหญ่ ทำให้สถานที่หลายแห่งยังไม่ถูกผู้คนสำรวจเจอมาก่อน ดังนั้นเขาจึงโชคดีได้พบเจอหลายชิ้น ดังเช่นแหวนทองเหลืองที่เขาใส่อยู่บนนิ้วในตอนนี้ก็เป็บิดาของเขา เย่เตา ที่พบเจอโดยไม่คาดฝันเช่นเดียวกัน
เดินวนไปมาอย่างคนตาบอดอยู่ยี่สิบกว่าวันในที่สุดเขาก็หาปากทางเชื่อมต่อจนเจอ ออกแรงอยู่ชั่วครู่จัดการกับแมงมุมขาวที่เฝ้ารักษาอยู่ปากทางจากนั้นเดินเข้าไปแล้วโผล่ออกยังภายในหุบเขาเล็กๆ อีกครั้ง
.................................
ทำการทะลวงผ่านมาสามด่านรวดไม่ได้ทำให้เย่ชิงหานรู้สึกยินดีมากมายแต่อย่างใด เมื่อถูกส่งมายังหุบเขาเล็กๆ ที่มีไว้ให้พักผ่อน เย่ชิงหานรีบทำการนั่งขัดสมาธิฝึกฝนขึ้นในทันที จากนั้นทำการทดลองเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาเพื่อที่จะศึกษาค้นคว้าหาหนทางในการแตกขยายเจ็ดกระบวนท่าเย่หวงต่อ
เพราะต่อไปคือมิติคู่ขนานด่านที่ห้า เย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าด่านหนึ่ง ด่านห้า ด่านเก้า และด่านสิบสองที่เป็ด่านสุดท้าย ทั้งสี่ด่านที่กล่าวมาล้วนผ่านได้อย่างยากลำบาก หากไม่ระวังอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะฝึกฝนอีกสักหน่อย ลองดูว่าจะสามารถเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้อีกหรือไม่ คิดหวังว่าจะสามารถทำให้สามสิบแปดกระบวนท่าเย่หวงกลายเป็สี่สิบเก้ากระบวนท่าเย่หวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่อยู่ในสภาวะความสงบแห่งิญญาทั้งพลังิญญาและพลังปราณรบของเขาจะเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจดีว่าหากอยากที่จะผ่านด่านที่เหลืออยู่ได้อย่างมั่นใจและไม่ยากลำบากมากนัก พลังฝีมือของตนเองจะต้องแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นไปว่านี้อีก ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไรยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
เพียงแต่ว่าฝึกฝนผ่านไปสามวันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้าสู่สภาวะความสงบแห่งิญญาได้เลยสักครั้ง จากนั้นเขาจึงหยุดการฝึกฝนลงอย่างจำใจแล้วทำการอาบน้ำชำระร่างกาย ถอดเสื้อเกราะหนังสีทองออกแล้วเปลี่ยนใส่เสื้อเกราะระดับวิเศษที่เก็บได้จากมิติคู่ขนานด่านที่สี่แทน เสร็จสรรพจึงเดินเข้าไปยังเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาเพื่อเข้าไปยังมิติคู่ขนานด่านที่ห้าต่อไป
แสงสีขาวเปล่งประกายขึ้นทัศนียภาพรอบด้านพลันเปลี่ยนแปลงไปในทันที เขารู้สึกราวกับว่าได้เดินทางมาถึงเทือกเขารกร้างฉันนั้น ภายในมิติคู่ขนานด่านที่ห้าลักษณะภูมิประเทศเป็ผืนป่า ที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้ที่หนาทึบ ต้นไม้หนาม ไม้เลื้อย และเครือเถาวัลย์... สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้แยกแยะได้ยากว่าภายในมีอันตรายแอบแฝงอยู่หรือไม่
เย่ชิงหานปล่อยสนามพลังออกมาในทันทีพร้อมกับถือกริชเอาไว้ในมือ จากนั้นทำการสำรวจดูสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งสี่ทิศอย่างระมัดระวัง สถานที่แห่งนี้ เครือเถาวัลย์ และใบไม้หนาแน่นเป็อย่างมาก แม้แต่เขาเองก็ยังแยกแยะทิศทางไม่ออกจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าให้ระมัดระวังมารอสูรและสัตว์ประหลาดที่แอบหลบซ่อนอยู่ภายใน
‘เอ่ออ...สถานที่แห่งนี้มีเครือเถาวัลย์และไม้เลื้อยมากมายจนเกินไป ทั้งบนต้นไม้และบนพื้นทุกๆ ที่ล้วนเต็มไปด้วยเครือเถาวัลย์และไม้เลื้อย โดยเฉพาะอย่ายิ่งขนาดของมันอวบใหญ่มาก ช่างเป็อะไรที่แปลกประหลาดเสียจริง อืม...ค่อยๆ เดินไปช้าๆ สำรวจดูสภาพแวดล้อมโดยรอบไปด้วยอย่างระมัดระวังน่าจะดีกว่า’
เย่ชิงหานครุ่นคิดอยู่ภายในใจฝีเท้าค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สองตาสำรวจดูทั่วทั้งสี่ทิศ สองหูตั้งขึ้นคอยจับฟังเสียง จิตใจเป็สมาธิรวมอยู่จุดเดียวเตรียมตัวรับมือกับมารอสูรและสัตว์ประหลาดที่จะโจมตีเข้ามา
เพียงแต่ ในขณะที่เท้าของเขาได้เหยียบลงไปบนเถาวัลย์เส้นหนึ่งบนพื้นโดยไม่ทันรู้ตัว ทันใดนั้นรอบๆ ตัวของเขาพลันบังเกิดเสียงคล้ายของแหลมชนิดหนึ่งจำนวนนับไม่ถ้วนดังเสียดแทงแหวกอากาศเข้ามา ราวกับว่าทั่วทั้งป่ารอบๆ ตัวเขาพลันมีชีวิตขึ้นมาฉันนั้น
วืดๆ...
กอหญ้าเริ่มสั่นไหว ต้นไม้ดึกดำบรรพ์เริ่มสั่นไหว พุ่มไม้หนามเริ่มสั่นไหว แม้กระทั่งพื้นดินเองก็เริ่มสั่นไหวขึ้น!
“แย่แล้วมีสัตว์ประหลาดโจมตี อาาา...ไม่ใช่ นี่มันเครือเถาวัลย์!”
เย่ชิงหานเมื่อได้ยินก็สะดุ้งใขึ้นในทันที หน้าเปลี่ยนสีรีบสาดส่องสายตาสำรวจไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ ในใจคิดว่าคงมีสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่างเริ่มโจมตีเข้ามาใส่เขาแล้ว เพียงแต่วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งราวกับโดนผีหลอกอย่างไรอย่างนั้น
ป่าโดยรอบทั้งสี่ทิศกำลังสั่นไหวจริง แต่เป็เครือเถาวัลย์มากมายที่กำลังทำให้สั่นไหว ทั้งที่เลื้อยอยู่บนต้นไม้และที่เลื้อยอยู่ตามพื้นดินมากมายนับไม่ถ้วนต่างล้วนเริ่มเลื้อยพุ่งตรงเข้ามาหาเย่ชิงหานทั้งหมด
ชั่วพริบตาเดียว...เครือเถาวัลย์ร้อยกว่าเส้นทั้งเส้นอวบใหญ่และเส้นเล็กเรียวทั้งหมดพุ่งลงมาจากท้องฟ้า พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน พุ่งมาจากทั้งสี่ทิศแปดด้าน ชั่วพริบตาเดียวเครือเถาวัลย์ทั้งหมดพลันห่อหุ้มเย่ชิงหานเอาไว้ภายในราวกับนกน้อยในกรงทอง
เครือเถาวัลย์มากมายพันขดเข้าหากันไปมาอย่างหนาแน่นจนกลายเป็รูปทรงกลมขนาดกว้างใหญ่สิบกว่าเมตรดูคล้ายกับลูกฟุตบอลสีเขียวใหญ่ั์ซึ่งห่อหุ้มเย่ชิงหานเอาไว้ภายใน
“นี่มันเื่บ้าอะไรกัน?” เย่ชิงหานมองดูเครือเถาวัลย์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายนอกสนามพลังซึ่งกำลังพันขดเข้าหากันไปมาอย่างหนาแน่นไม่รู้ว่ากี่ชั้นต่อกี่ชั้น เห็นดังนั้นภายในใจของเขาเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาในทันที
เขาเข้าใจดีว่าเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาจะต้องมีสัตว์ประหลาดหรือมารอสูรแปลกๆ ออกมาโจมตีใส่เขาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมาเขาก็พบเจอกับสัตว์ประหลาดและมารอสูรที่ยังไม่เคยพบเจอมาก่อนมาแล้ว เพียงแต่...สัตว์ประหลาดในรอบนี้ทำเอาเขาตื่นตระหนกเป็อย่างมาก สัตว์ประหลาดในด่านนี้กลับเป็พืช แถมยังโจมตีใส่เขาด้วยรูปแบบที่ป่าเถื่อนเช่นนี้อีกด้วย
ฟิ้ว!
เย่ชิงหานไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ อีกทำการควงกริชฟันพลังแสงคมมีดออกไปใส่เครือเถาวัลย์ที่อยู่ด้านหน้าทันที พลังแสงคมมีดที่คมกริบตัดเครือเถาวัลย์ขาดออกไปได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ทว่าเย่ชิงหานกลับพบเจอกับเื่น่าเศร้าอย่างหนึ่งขึ้น เครือเถาวัลย์ที่พันขดเข้าด้วยกันที่อยู่ด้านนอกสนามพลังมีมากมายหลายชั้นจนเกินไป ไม่รู้ว่าด้านนอกห่างออกไปยังมีอยู่อีกกี่ชั้น พลังคมมีดเมื่อสักครู่แม้จะตัดเครือเถาวัลย์ขาดได้อย่างไม่ยากเย็นนักก็จริง แต่ก็ตัดขาดออกไปได้เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น ไม่รู้ว่าข้างนอกยังเหลืออีกกี่ชั้นที่พลังคมมีดยังตัดไปไม่ถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เส้นเถาวัลย์ที่ถูกตัดขาดไปนั้นเพียงไม่กี่วินาทีมันก็งอกกลับออกมาแล้วพันขดเข้าหากันดังเดิม
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เย่ชิงหานยังคงไม่ถอดใจควงกริชในมือฟันพลังแสงคมมีดออกไปติดต่อกันสามครั้งรวดทำการเล็งโจมตีไปยังจุดๆ เดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้