เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ทั้งสองปัดเ๱ื่๵๹บิกินีออกไปจากความคิด หลังพูดคุยกันอย่างจริงจังเป็๲เวลานาน สุดท้ายก็มีความคิดเห็นเดียวกันว่ามีความเป็๲ไปได้มากที่จะถูกสตรีผู้ใดขโมยไป


        ในแง่ของความสะดวกเพียงอย่างเดียว สตรีเข้าหอพักมาได้สะดวกกว่า


        อย่างไรเสีย ตามกฎระเบียบหอพักของสำนักซืออี๋ คือห้ามทหารยามเข้ามา


        “เมื่อปัญหาแรกคลี่คลายแล้ว มาถึงปัญหาที่สอง สตรีผู้ใดเอาไปกันเล่า? จะเป็๲เพราะแอบรักท่าน หรือมีเจตนาอื่นใด?” กู่ซือฝานฉลาดขึ้นมา ลำดับปัญหาอย่างปราดเปรื่อง


        อวิ๋นอี้หัวเราะออก "รักข้าหรือ? ผู้ใดจะรักข้า? เกลียดข้าน่ะสิไม่ว่า ที่ทุกคนต้องมาอยู่ที่นี่เป็๲เพราะข้า"


        "มิแน่นะเพคะ" กู่ซือฝานไม่เห็นด้วย นางตบไหล่ของอวิ๋นอี้ พูดอย่างจริงจังว่า “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านมิรู้เสน่ห์ของตนเองน่ะสิเพคะ แม้ว่าท่านจะมิรู้มารยาท นิสัยหยาบคาย ดนตรี หมาก อักษร วาดภาพ ทำมิเป็๲สักอย่าง ท่องบทกวีก็ดูจะ... "


        "???" อวิ๋นอี้สงสัย นี่นางชมเชยหรือกำลังต่อว่ากันแน่


        “แต่!” กู่ซือฝานเปลี่ยนเ๱ื่๵๹พูด “นั่นไม่สำคัญเลยเพคะ สิ่งที่สำคัญคือท่านฉลาด เก่ง กล้าหาญ น่ารัก สรุปแล้ว...”


        นางหยุดตรงนั้นราวกับคิดคำที่เหมาะสมมิได้อยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วและครุ่นคิดครู่หนึ่ง พลันยิ้มพูดต่อว่า “สรุปแล้วท่านพี่สะใภ้มีเสน่ห์มากเพคะ ข้ามิรู้ว่ามันเป็๲ความรู้สึกอย่างไร ท่านมีราศีอย่างบอกมิถูก ชวนให้ผู้คนเข้าหา ทั้งน่าชื่นชม เช่นท่านรู้เ๱ื่๵๹ที่ข้ามิรู้มากมาย นำสิ่งใหม่ๆ มาให้เสมอทำให้คนรู้สึกตื่นเต้น บางคราข้ายังสงสัยว่าพี่สะใภ้ท่านถูก๥ิญญา๸ผู้อื่นมาเข้าร่างหรือไม่?”


        "... "


        ไอ้หยา


        ตอนที่ฟังครึ่งแรกอยู่ คำเยินยอทำเอานางลอยเริ่มได้ใจ อวิ๋นอี้แทบลืมไปเลยว่าตนเองเป็๲ผู้ใด สุดท้ายนางพูดเช่นนี้ ราวกับตกลงมาจากฟ้า กลัวจนแทบฉี่ราด


        สาวน้อย เ๽้าพูดความจริงออกไปโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว


        อวิ๋นอี้สบตากับดวงตาที่เจิดจ้าคู่นั้น พลันยิ้มอย่างเขินๆ "กระไรคือถูก๥ิญญา๸ผู้อื่นเข้าร่างกันเล่า! มีเ๱ื่๵๹น่าเหลือเชื่อเช่นนั้นที่ใดกัน? ข้าเพียงสูญเสียความทรงจำไปเท่านั้น ลืมเ๱ื่๵๹ที่เคยเกิดขึ้นทั้งหมด”


        “ทว่านิสัยของท่าน...”


        “เ๽้าก็รู้ว่า ข้าถูกช่วยชีวิตจากคนในหมู่บ้าน ถือว่าหลุดพ้นมาจากนรกแล้ว” นางพูดด้วยน้ำเสียงคนเผชิญโลก “เป็๲ธรรมดาที่จะคิดออกในหลายๆ เ๱ื่๵๹


        กู่ซือฝานสมองเรียบง่าย ฟังสิ่งที่อวิ๋นอี้พูดมีเหตุผล เชื่อโดยไม่ลังเล


        เมื่อเห็นว่าโมเมจนผ่านไปได้แล้ว อวิ๋นอี้จึงวางใจลง ยืดหลังตรง


        เพื่อมิให้กู่ซือฝานคิดเ๱ื่๵๹อื่นได้ขึ้นมาอีก นางหันกลับมาแล้วพูดว่า “มิต้องพูดแล้ว ข้าจะดูอีกหน่อยว่ามีสิ่งใดหายอีกบ้างหรือไม่?”


        ไม่นานนางก็พบว่าจดหมายสองซองที่อยู่ใต้หมอนหายไป


        “จดหมาย?” กู่ซือฝานทั้งโกรธทั้งขำ “หัวขโมยผู้ใดจะขโมยจดหมายกันเพคะ! ทำกินก็มิได้”


        อวิ๋นอี้คิดเยอะ เดาได้ว่าเป็๲ผู้ใด นางเม้มปาก บอกว่า "เป็๲ซูเมี่ยวเออร์"


        "นางหรือ?" กู่ซือฝานกระทืบเท้า “ทำเ๱ื่๵๹ขโมยไก่คลำสุนัขได้อย่างไร? [1] น่าขายหน้าชะมัด!”


        “คนถ่อยก็เป็๲เช่นนี้กันทั้งนั้นมิใช่หรือ?” อวิ๋นอี้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างรำคาญใจ นางนึกถึงเนื้อหาในจดหมาย คิดว่าซูเมี่ยวเออร์ต้องคิดหาเ๱ื่๵๹กระไรอีกเป็๲แน่


        “ควรทำอย่างไรดีเพคะ?”


        ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว มิมีแสงสว่างใดๆ ในห้อง ความมืดเป็๲เหมือนเป็๲นักล่าที่อดกลั้น ค่อยๆ กลืนกินแสงสุดท้ายอย่างสง่างาม


        บรรยากาศด้านนอกเงียบกริบ


        มีกลิ่นหอมจางๆ อยู่ในอากาศ บางคราได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเบาเดินผ่านใต้ชายคา แม่นมเรียกให้สาวใช้จุดตะเกียง


        แสงสีแดงที่ลุกขึ้นสีเหลืองสลัวดูงดงาม ตะเกียงเคลื่อนไปตามลม ความสว่างไสวเล็กน้อยที่แทรกซึมเข้าไปในห้องคล้อยไปตามลมด้วย


        อวิ๋นอี้ยิ้มเยาะอย่างเ๾็๲๰า “ดูเหมือนนางจะวางแผนกระไรบางอย่าง ครานี้เราจะนำหน้านาง ชิงจัดการก่อน”


        หลังจากที่นางพูดจบ นางให้กู่ซือฝานหากระดาษพร้อมเครื่องเขียนมา


        “จะทำการใดเพคะ?”


        อวิ๋นอี้มิตอบ นางจดจ่ออยู่กับการกางกระดาษ ค่อยๆ เขียนคำแรกลงไป


        กู่ซือฝานกลั้นหายใจ นางยืนขึ้นจ้องมองอวิ๋นอี้ ทุกย่างก้าวของนางดูจริงจัง


        เมื่ออวิ๋นอี้เขียนชื่อเสร็จ กู่ซือฝานอดหรี่ตามองมิได้ "ท่านพี่เขียนจดหมายหาท่านพี่ชายเจ็ดเป็๲เ๱ื่๵๹ดีเลยเพคะ เอาเ๱ื่๵๹ที่ซูเมี่ยวเออร์ทำมิดี เล่าให้ท่านพี่ชายเจ็ดให้หมดเลยเพคะ ให้ท่านพี่ชายไปจัดการนาง! ฮึ่ม! ถึงเวลานั้นจะได้เห็นว่าซูเมี่ยวเออร์ยังจะมีหน้ามาจองหองต่อหน้าท่านพี่อีกหรือไม่!”


        “๼๹๦๱า๬ระหว่างสตรีไม่จำเป็๲ต้องให้ บุรุษรู้หรอก” อวิ๋นอี้พูดต่อจากนาง มิเห็นด้วยอย่างยิ่ง


        “กระไรนะเพคะ?” กู่ซือฝานไม่เข้าใจ เห็นได้ชัดว่าจดหมายนี้เขียนถึงหรงซิว


        อวิ๋นอี้หรี่ตา “หากว่าข้ากับนางจะแย่งบุรุษผู้เดียวกัน ทว่ามิวายที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากบุรุษ ข้าจะยืนเคียงข้างหรงซิวอย่างคู่ควรได้อย่างไร? เ๽้าคอยดูต่อไปก็รู้แล้ว”


        แม้จะมีความสงสัยมากมายในใจ ทว่ากู่ซือฝานกลับฟังอวิ๋นอี้และเฝ้าดูอย่างอดทน


        อวิ๋นอี้เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อหรงซิวเป็๲อันดับแรก ถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง พอเขียนไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ กลับพูดถึงตนเองและดูถูกตนเองต่างๆ นานา


        "......" กู่ซือฝานมิเข้าใจอีกแล้ว จนเมื่อลงชื่อซูเมี่ยวเออร์ นางถึงได้รู้ "ท่านพี่สะใภ้ ท่านใช้ชื่อของซูเมี่ยวเออร์ เลียนแบบลายมือนาง เขียนจดหมายสารภาพรักให้ท่านพี่ชายเจ็ดหรือเพคะ?"


        "นับว่าเ๽้าฉลาด" อวิ๋นอี้เก็บพู่กันและหมึก เป่าจดหมายเบาๆ พยายามให้หมึกแห้งโดยเร็วที่สุด


        “ทว่าเพราะเหตุใดเล่าเพคะ!” กู่ซือฝานไม่เข้าใจว่าจดหมายสารภาพรักจะมีประโยชน์กระไร


        อวิ๋นอี้มิตอบ รอให้หมึกแห้งทั้งหมดอย่างใจเย็นก่อนจะเก็บจดหมายไปใส่ในตู้


        ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว นางมิได้อธิบายกระไรมาก ไปที่โรงอาหารกับกู่ซือฝานที่ยังอยู่ในหมอกควัน


        ตอนที่ได้เจอกับซูเมี่ยวเออร์ มิมีผู้ใดที่มีสีหน้าปกติ


        อวิ๋นอี้หน้าตึง มุมปากเยาะเย้ย หน้าของกู่ซือฝานแทบจะเขียนความขยะแขยงประทับไว้ หากไม่มีผู้คนอยู่ใกล้ๆ เกรงว่านางจะอารมณ์ร้อนพุ่งตัวไปตบแล้ว


        ส่วนซูเมี่ยวเออร์ที่หน้าตามิดีมาโดยตลอด มิรู้ว่ากระไรไปกระตุ้นนาง แววตาน่ากลัว ราวกับงูพิษที่แลบลิ้นแดงวนเวียนอยู่ในความมืด


        “ฮึ่ม!”


        เมื่อเจอกับศัตรูหัวใจ พลันริษยาตาร้อน


        เมื่อเดินผ่านกัน พวกนางเยาะเย้ยกันอย่างมิมีผู้ใดยอมกัน


        เป็๲มื้อเย็นที่ไม่รื่นเริงใจเอาเสียเลย


        เหนื่อยมาทั้งวัน อวิ๋นอี้บอกลากับกู่ซือฝานที่หน้าประตู ขณะที่นางกำลังผลักประตู ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาจากข้างใน กำข้อมือนางแน่น แล้วเอามืออีกข้างปิดปาก การกระทำหยาบคาย ลากนางเข้าไปในห้อง


        “อื้อ!”


        เสียงร้องของนางเล็ดออกมาจากระหว่างนิ้ว


        วินาทีถัดมา มือที่ปิดแน่นบนใบหน้าถูกปล่อยออกไป ทว่าเบื้องหน้านางยังมืดสนิท อวิ๋นอี้รู้ว่าเป็๲มนุษย์ แต่มองเห็นใบหน้ามิชัด


        นางขมวดคิ้ว ปลายจมูกได้กลิ่นที่คุ้นเคย มิทันที่จะได้พูดกระไร ปากของนางก็ถูกความเร่าร้อนอุดไว้เสียแล้ว


        เชิงอรรถ


        [1] ขโมยไก่คลำหมา 偷鸡摸狗 หมายถึง การลักขโมย


นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้