คนสกุลหลี่ต่างตื่นใ
ปีใหม่มีแต่สิริมงคล เหตุใดจึงมีคนมาผูกคอตายกันเล่า?
หลี่ซานวางลูกน้อยไว้ในเปลแล้วเดินออกไปข้างนอก เห็นจ้าวซื่อกำลังยืนอยู่หน้าประตูรั้วสอบถามกับชาวบ้านอยู่
“ผู้ใดผูกคอตายหรือ”
“หวังฝูจื้อในสกุลหวัง”
ที่แท้ก็เป็หวังฝูจื้อที่หักหลังสกุลหวังนั่นเอง
หลายวันก่อนหลี่ซานยังเห็นหวังฝูจื้อเอาของไปขายที่นอกหมู่บ้าน เดินเหินมั่นคง ใบหน้าแดงระเรื่อ ดูแล้วสุขภาพแข็งแรงดี
จ้าวซื่อถามพลางขมวดคิ้ว “วันปีใหม่แท้ๆ หวังฝูจื้ออยู่ดีๆ จะมาผูกคอตายเื่ใดกัน”
“เ้าไม่รู้เื่หรือ นังจิ้งจอกแพศยาจางซื่อหนีตามผู้ชายนอกหมู่บ้านไปแล้ว หนีไปได้สามวันแล้วด้วย หวังฝูจื้อคิดไม่ตกจึงไปหาต้นไม้บนูเาผูกคอตายน่ะสิ เฮ้อ... ได้ยินว่าลิ้นของเขาห้อยออกมาด้วย น่ากลัวจะตาย เ้าอย่าได้ไปดูเชียว”
จ้าวซื่อได้พบกับหม่าซื่อ และเฟิงซื่อทุกวัน นางจึงรู้เื่ต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านทั้งหมด แต่กลับไม่ได้ยินว่าจางซื่อหนีตามผู้ชายไป จะว่าไปแล้วจางซื่อก็เป็สตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง อยากมีเงินก็ไม่มี อยากได้อำนาจก็ไร้อำนาจ จะหนีไปที่ใดได้ จึงร้องถามขึ้นมาว่า “จางซื่อหนีตามผู้ชายไปหรือ”
“ใช่แล้ว นางหนีตามผู้ชายไปแล้ว เฮ้อ... แต่แรกที่จางซื่อเข้ามาที่หมู่บ้านเรา ข้าเห็นว่าสายตาของนางล่อกแล่ก ต้องไม่ใช่ผู้หญิงดีๆ ที่เรียบร้อยเป็แน่ ข้ายังเคยบอกหวังฝูจื้ออ้อมๆ แล้ว แต่เขาไม่ฟังคำข้า เ้าดูเอาเถิด จางซื่อหนีตามผู้ชายป่าเถื่อนไปแล้วจริงๆ”
จ้าวซื่อเอ่ยเสียงเย็นว่า “หวังฝูจื้อมาผูกคอตายเพราะผู้หญิงแบบนี้ ช่างโง่เสียจริงๆ”
“ก็มิใช่หรอกหรือ หวังฝูจื้อนี่โง่แท้ๆ คราก่อนก็ฟังคำของจางซื่อจนหักหลังสกุลหวัง หนนี้ก็มาผูกคอตายเพราะจางซื่ออีก”
จ้าวซื่อส่ายหน้าเอ่ยอย่างเสียดายว่า “คนผิดคือจางซื่อ แล้วหวังฝูจื้อจะมาผูกคอตายเื่อันใด”
“น่าสงสารก็แต่หวังต้าเฉิงลูกชายของหวังฝูจื้อ วันปีใหม่แท้ๆ ต้องมาจัดงานศพกับไว้ทุกข์เสียแล้ว”
พวกผู้ชายในหมู่บ้านทยอยกันขึ้นเขาไป บ้างก็อยากไปดูเอาสนุก บ้างก็จะไปช่วยเก็บศพลงมา
จ้าวซื่อเห็นหลี่ซานเข้าไปในห้อง ก็นึกว่าเขาจะไปสวมงอบขึ้นเขาไปช่วยด้วย จึงรีบบอกว่า “ท่านอย่าไปเลย”
ครั้งหวังฝูจื้อยังอยู่เคยเอาวิธีทำเตียงเตาของสกุลหลี่ไปเปิดเผย อีกทั้งคนที่ตายเช่นนี้ก็ไม่เป็มงคลเลย สกุลหลี่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วยทำไมกัน
หลี่ซานไม่ได้คิดจะไปดูศพของหวังฝูจื้อบนเขาแม้แต่น้อย ยิ่งไม่อยากไปช่วยเก็บศพด้วย จึงหันหน้ามาอธิบายว่า “ข้าไม่ได้จะไปที่ใด ข้าจะเข้าห้องไปอุ้มลูก”
“ท่านทำเช่นนี้ก็ถูกแล้ว” จ้าวซื่อเดินเข้าไปหาและเอ่ยเสียงเบา ว่า “ปีใหม่อย่าไปยุ่งกับเื่อัปมงคล”
อู่เอ้อร์ออกมาจากห้องครัวตั้งใจจะมาถามว่า “นายท่าน ฮูหยินขอรับ จะให้ข้าน้อยไปสอบถามให้หรือไม่ขอรับ”
จ้าวซื่อบอกว่า “ไม่ต้อง ครั้งคนผู้นั้นมีชีวิตอยู่เคยทำเื่ผิดต่อบ้านเรา” นางเข้าไปในห้องแล้วถามว่า “พี่ซาน หวังฝูจื้ออายุได้สักห้าสิบปีหรือไม่”
“ไม่นี่ ข้าจำได้ว่าสองสามปีก่อนเขาเพิ่งอายุสี่สิบปีเท่านั้น”
“คนทำผิดก็มิใช่เขาสักหน่อย เหตุใดต้องผูกคอตายด้วย”
“ข้าเดาว่าจางซื่อต้องขโมยเงินทั้งหมดในบ้านไปแน่ หวังฝูจื้อโมโหมากจึงไปผูกคอตาย”
“หวังฝูจื้อไม่มีหัวคิด เื่ทั้งใหญ่น้อยล้วนเอาแต่ฟังคำจางซื่อ พอจางซื่อหนีไป หวังฝูจื้อก็มาฆ่าตัวตาย กลับปล่อยให้จางซื่อลอยนวลอยู่เหนือกฎหมายเปล่าๆ”
“หมู่บ้านในรัศมีหลายสิบลี้นี้ ก็มิใช่จะมีแต่หวังฝูจื้อคนเดียวที่เมียหนีไป เหตุใดผู้อื่นไม่ได้ผูกคอตาย มีแค่หวังฝูจื้อที่ผูกคอตายเล่า?”
จ้าวซื่อกล่าวว่า “ถึงจะเป็เช่นนี้ ผูกคอตายก็ไม่ถูก คนน่าสงสารก็ต้องมีที่น่าชิงชัง”
หลี่ซานอุ้มลูกน้อยมาหอมครั้งหนึ่ง “นั่นสิ ตายดีมิสู้มีชีวิตอยู่อย่างย่ำแย่ ถ้าข้าเป็หวังฝูจื้อ จ้างให้ก็ไม่เป็เช่นนี้”
“ปีใหม่ท่านอย่าพูดจาแบบนี้เลย”
หลี่ซานสามีภรรยาด่าทอจางซื่อว่า แล้งน้ำใจ ไร้คุณธรรม และต่อว่าหวังฝูจื้อว่า ไม่รู้จักถนอมชีวิตตน
ไม่นานนักคนในหมู่บ้านก็หามศพของหวังฝูจื้อลงมา อู่โก่วจื่อก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเ่าั้ด้วย พอผ่านบ้านสกุลหลี่ก็เข้าไปข้างใน
อู่โก่วจื่อสวมชุดกระโปรงสีแดงตัวใหม่ มวยผมสองข้าง ท่าทางร่าเริงแจ่มใส แต่รองเท้ากลับเปื้อนโคลน
หลี่หรูอี้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เอ็ดไปว่า “อู่โก่วจื่อ เ้ายังกล้าไปดูคนตายด้วย ใจกล้าเสียจริงๆ”
อู่โก่วจื่อแลบลิ้น “ข้าไม่ได้ดู ข้ายืนอยู่ห่างๆ แค่อยากฟังว่าเกิดเื่ใดขึ้นกับบ้านหวังกันแน่เท่านั้น”
หลี่หรูอี้ถามว่า “เ้าได้ยินเื่ใดมาบ้าง”
“จางซื่อหนีตามผู้ชายไปและยังขโมยเงินของบ้านหวังไปสามสิบตำลึงด้วย”
“คนที่พาจางซื่อหนีไปก็คือ คนขายของเร่ ที่ก่อนนี้เคยมาขายของที่หมู่บ้านเราทุกเดือน”
“หวังฝูจื้อกับหวังต้าเฉิงไปตามจางซื่อที่หมู่บ้านที่คนขายของเร่อยู่ แต่คนขายของเร่ขายเรือนขายที่ดินจนหมดและหนีไปแล้ว ไม่รู้ว่าพาจางซื่อไปที่ใด”
“หวังฝูจื้อกับหวังต้าเฉิงจึงไปหาจางซื่อที่บ้านของลูกสาวนาง ปรากฏว่าลูกสาวของจางซื่อกลับย้อนมาตำหนิว่า จางซื่อหายตัวไปที่บ้านของหวังฝูจื้อ จะให้หวังฝูจื้อพ่อลูกอธิบายมา”
“หวังฝูจื้อพ่อลูกทะเลาะตบตีกับลูกสาวและลูกเขยของจางซื่อ หวังต้าเฉิงาเ็ พอกลับมาเมื่อคืนวาน หมี่ซื่อ สงสารหวังต้าเฉิงและโมโหที่หวังฝูจื้อไปตามหาผู้หญิงชั่วเช่นจางซื่อ จึงค่อนแคะหวังฝูจื้อไปหลายประโยค ผู้ใดจะรู้ว่าหวังฝูจื้อออกไปจากเรือนกลางดึกและขึ้นเขาไปผูกคอตายบนต้นไม้เสียแล้ว”
อู่โก่วจื่อเป็คนพูดจาเก่งอยู่แล้ว ต่อมาได้ทำการค้าจึงยิ่งพูดเก่งกว่าเดิม นางเล่าได้เป็ฉากๆ เล่าเื่เื่หนึ่งั้แ่ต้นจนจบได้อย่างชัดแจ้งและละเอียดยิ่งนัก
หลี่หรูอี้ส่ายหน้าบอกว่า “นึกไม่ถึงว่ายังมีเื่อยู่ในนั้นอีกตั้งมากมาย”
จ้าวซื่อทอดถอนใจว่า “คนเป็ภรรยาเช่นหมี่ซื่อก็โชคร้ายเสียจริงๆ วันหน้าหวังต้าเฉิงจะต้องกล่าวโทษหมี่ซื่อไปทั้งชีวิต”
อู่โก่วจื่อถอนใจเบาๆ “อืม... แม่ข้าก็ว่าเช่นนี้”
ทันใดนั้นหลี่หรูอี้ก็พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านจำได้หรือไม่ว่า คนขายของเร่ยังเคยหลอกถามวิธีทำเต้าหู้จากปากท่านอารองด้วยนะเ้าคะ”
จ้าวซื่อเม้มปากแน่นครู่หนึ่งก็เอ่ยเสียงเย็นว่า “ไอ้เ้าคนขายของเร่นั่นไม่มีวันได้ดีแน่”
อู่โก่วจื่อออกจากบ้านหลี่และไปบอกกับคนในหมู่บ้านว่า “คนขายของเร่จ้องหมู่บ้านเราอยู่นานแล้ว ก่อนนี้ยังเคยหลอกถามวิธีทำเต้าหู้ของบ้านหลี่ด้วย”
ครานี้คนในหมู่บ้านทุกคนก็โมโหกันใหญ่ จึงสนับสนุนให้หวังต้าเฉิงไปฟ้องคนขายของเร่ที่ที่ว่าการอำเภอ
หวังต้าเฉิงเสียใจที่ต้องเสียบิดาไป ทนรับความแค้นนี้ไม่ไหว จึงไปตีกลองร้องทุกข์ที่ที่ว่าการอำเภอจริงๆ
ในวันสิ้นปี นายอำเภอห้าวกำลังเตรียมจะไปฉลองปีใหม่กับคนในครอบครัว ผู้ใดจะรู้ว่ากลับมีคดีเสียนี่ ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องหงุดหงิดทั้งนั้น เขาจึงขึ้นว่าความด้วยความโมโห เมื่อฟังหวังต้าเฉิงเล่าจนจบ ก็ให้เ้าหน้าที่ไปพิสูจน์ศพและสืบดูว่าเป็ความจริง ก็เคียดแค้นคนขายของเร่ที่พาภรรยาผู้อื่นหนี และทำให้หวังฝูจื้อต้องฆ่าตัวตาย จึงมีคำสั่งในทันทีว่า ให้ออกประกาศจับคนขายของเร่และจางซื่อ
ไม่ใช่แค่ในอำเภอฉางผิงเท่านั้น แต่ยังส่งใบประกาศจับไปยังตัวอำเภอในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ด้วย เพื่อขอให้ขุนนางท้องถิ่นช่วยติดตามจับคนไปพร้อมกัน
ตอนที่หวังต้าเฉิงออกมาจากที่ว่าการอำเภอก็พลบค่ำแล้ว แต่ละบ้านล้วนจุดประทัดและกินอาหารคืนสิ้นปีกันคึกคักอย่างยิ่ง มีก็แต่เขาผู้เดียวที่เดินอยู่ในตัวอำเภออย่างเศร้าสร้อยเดียวดาย
เขาเดินไปอย่างเหม่อลอย เลี้ยวไปที่หน้าประตูหอสูงสี่ชั้น ที่มีผ้าแถบสีแดงแขวนอยู่เต็มไปหมด
ชายกลางคนสวมหมวกสีดำ ใส่เสื้อตัวยาวสีเทา และสวมกางเกงสีดำผู้หนึ่งเข้ามาทักทาย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หอของเรามีแม่นางที่งามดังเทพธิดาทุกคน พี่ชายท่านนี้รีบเข้าไปหาความสำราญเถิด”
“ไม่ล่ะ ข้าไม่ไป” หวังต้าเฉิงเงยหน้าขึ้นมอง เขาบังเอิญเดินเข้าไปในหอคณิกาหรือนี่ อย่าว่าแต่ตัวของเขาสวมชุดไว้ทุกข์เต็มยศเลย ต่อให้ไม่ได้ไว้ทุกข์เขาก็จะไม่เข้าไปในสถานที่เช่นนี้ เขาจึงหันหลังกลับและรีบเดินออกมาทันที
ชายวัยกลางคนด่าตามหลังเสียงเบาๆ ว่า “ถุย... ดูท่าทางกระจอก ก็รู้แล้วว่าเป็พวกคนยากจน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงแสนไพเราะของเด็กสาวร้องเรียกมาจากข้างบน “ท่านอาต้าเฉิง!”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้