ตอนที่ 13
ั้แ่ตื่นมาเข้าห้องน้ำแล้วกนกก็นอนไม่หลับอีก จริงๆ เธอนอนไม่ค่อยหลับั้แ่เมื่อคืนแล้วเพราะคิดเื่ศิลาตลอดคืนเลยว่าจะง้อลูกชายยังไงดี พอตื่นเช้ามาเจอศิลาออกมาจากห้องของปัณณวีร์อีกยิ่งทำให้เธอสงสัยว่าออกมาจากห้องนั้นทำไมกัน แต่เธอก็ละเอาไว้ก่อนเพื่อมาเตรียมข้าวต้มหมูเป็มื้อเช้าด้วยมือตัวเองให้กับลูกชายเพื่อง้อ
“ตื่นกันแต่เช้าเลย ข้าวต้มเสร็จพอดีค่ะลูกมาทานเร็วกำลังร้อนๆ เลย” ศิลาเดินลงมาก่อน ในขณะที่ศรุตกับปัณณวีร์นั้นเดินคุยกันมาตามหลัง กนกก็เห็นว่าศิลาไม่ได้ติดปัณณวีร์มากขนาดนั้น อีกอย่างลูกชายคนเล็กของเธอรักความเป็ส่วนตัวจะตายไป จะไปนอนห้องกับคนอื่นได้ยังไงเธอยังคงมีคำถามในใจแต่ก็เลือกจะไม่ถามออกไปดีกว่าเนื่องจากเมื่อวานเพิ่งจะทะเลาะกันมาเธอจึงอยากจะเอาใจลูก
“หอมกรุ่นไปถึงข้างบนเลยครับแม่ ก็เลยต้องตื่นมาทานไง” ศรุตยิ้มแล้วเดินไปหาผู้เป็แม่ กอดเอวเธอไว้หลวมๆ และหอมแก้มอย่างที่ชอบทำเวลาออดอ้อนผู้เป็แม่ ต่างจากศิลาที่เดินมานั่งประจำที่แล้วเพราะเดี๋ยวอีกหน่อยดารินจะมารับ
“ปากหวานจริง ไปนั่งเถอะเราน่ะ หนูวีร์แม่ว่าจะถามอยู่ว่ามีเสื้อผ้าใส่รึเปล่า” กนกเอ่ยถามขึ้น
“อ่อ มีครับ พอดีผมมีติดรถมาอยู่น่ะครับ” เป็ปกติที่ปัณณวีร์ชอบมีชุดสำรองติดรถเอาไว้ด้วย แต่ชุดนี้เตรียมมาเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังก็ต้องได้นอนที่นี่
“หรอจ๊ะ อ่ะๆ ทานกันก่อนเลย”
“คุณพ่อล่ะครับ” ศิลาถามขึ้น
“คุณพ่อออกไปวิ่งที่สวนหมู่บ้าน พ่อเขายังไม่หิวหรอกมันยังเช้าอยู่” กนกพูดจบก็นั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะ มองลูกชายคนเล็กทานข้าวต้มที่เธอทำ “อร่อยไหมลูก”
“ครับ” ศิลาตอบกลับเพียงเท่านั้นและไม่ได้เงยหน้ามองผู้เป็แม่ด้วย ก้มหน้าก้มตาทานได้สักพัก ดารินก็มาถึง
“คุณกนกสวัสดีค่ะ”
“อื้ม มานั่งทานด้วยกันก่อนสิดาริน ศิลาเพิ่งทานไปไม่เยอะ”
“ผมต้องไปแล้วครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน” ศิลาพูดขึ้น หยิบทิชชูมาเช็ดปากเบาๆ แล้วสบสายตากนกที่มองมาอยู่อย่างน้อยใจที่ลูกชายดูจะรีบไป “ผมหายโกรธไปตั้งนานแล้วครับ”
พูดจบศิลาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับดาริน กนกยิ้มออกมาได้เมื่อได้ยินคำที่ลูกชายคนเล็กบอก ศรุตที่นั่งเงียบอยู่เอ่ยว่า “ผมไม่เอาแบบศินะครับแม่ ครั้งนี้น้องไม่โกรธแล้วแต่มีครั้งหน้าอีกนี่ไม่รู้ด้วยนะ”
“เข้าใจแล้ว แม่เข้าใจแล้ว เอาเป็ว่าเื่ลูกสะใภ้แม่จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีก หากันเอาเองเลย”
“ให้หาเองแน่นะครับ” ศรุตพูดย้ำให้คนเป็แม่ตอบให้ชัดเจนขึ้น เพราะหากบอกแบบนี้แล้วจะมาโวยวายหรือโกรธศิลาตอนเปิดตัวว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ได้เด็ดขาด นี่ศรุตคิดเพื่อเ้าน้องชายน้ำแข็งนั่นขนาดไหนเ้าตัวจะรู้รึเปล่า ปัณณวีร์ที่นั่งกินไปฟังบทสนทนาแม่ลูกไปเงียบๆ
“แน่สิ ทานกันไปนะแม่จะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวละ” กนกลุกขึ้นเดินไปลูบไหล่ศรุตและมองมาที่ปัณณวีร์ด้วยแวบหนึ่งก่อนจะเดินจากไป ทั้งสองทานข้าวกันต่อก่อนจะออกไปทำงานพร้อมกันเพียงแต่รถคนละคัน
เพิ่งผ่านวันเกิดดาราหนุ่มสุดฮอตมาแค่วันเดียวก็มีแฮชแท็กคู่จิ้นติดเทรนทวิตเตอร์อีกแล้วใน่สายของวัน พูดถึงงานวันเกิดของศิลาที่มีการจัดฉลองเล็กๆ ในบ้าน ซึ่งคนที่ลงรูปถ่ายในแต่ละปีนั้นก็เป็กนกผู้เป็แม่ แต่มีปีนี้ที่ไม่ได้ลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่มีคนโพสต์ต่อๆ กันมาถึงเหตุที่ว่านักแสดงสาวสวยอย่างนับดาวนั้นได้เข้าไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านด้วย ซึ่งแน่นอนว่างานเฉพาะครอบครัวแบบนี้หากไม่สำคัญหรือว่าสนิทสนมกันจริงก็คงไปไม่ได้ โพสต์ต้นเหตุที่ว่านั้นก็เพียงแอคแอคหนึ่งที่บอกว่าตัวเองเห็นนับดาวกับกนกที่ห้าง ทั้งสองขึ้นรถกลับด้วยกันแค่นี้ก็ทำให้คนใส่สีตีไข่กันไปต่างๆ นานาได้แล้ว และเมื่อวานนับดาวก็อัพสตอรี่ Happy birthday ให้ศิลา ลงหลังจากที่กลับมาจากบ้านอีกฝ่ายอย่างจงใจ แฟนคลับที่จิ้นทั้งสองฝ่ายก็ต่างมโนกันว่านับดาวต้องไปจริงแน่เลยเพราะคำที่เธอเขียนลงในสตอรี่หลังคำอวยพรนั้นคือ 'อาหารอร่อยมากค่ะ'
แค่นี้ก็ทำให้มีแฮชแท็กขึ้นมาแล้ว และที่ว่าอีกฝ่ายไปทานข้าวที่บ้านศิลาก็คงจะจริง มีคนชอบก็มีคนไม่ชอบ แฟนคลับศิลาที่ไม่ชอบเธอบ้างก็บอกว่าแค่เพื่อนร่วมงานแค่นั้น เื่ไปกินข้าวเป็เื่จริงจะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่ไปในฐานะไหนนั้นก็ต้องดูอีกที เพราะเ้าของงานหาได้สนใจเลย และแทบจะไม่พอใจด้วยซ้ำ แต่สำหรับนับดาวแล้ว ตอนนี้ถือว่าได้กวนประสาทศิลาได้แล้ว
"พี่เจนเยี่ยมจริงๆ ค่ะ" นับดาวเอ่ยชมผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่จัดการทุกอย่างให้ เนื่องจากแอคที่โพสนั้นเป็เจนที่สมัครแอคใหม่แล้วไปโพสข่าว
"เสียดาย พี่น่าจะไปตามแอบถ่ายน้องตอนเข้าบ้านน้องศิลานะ"
"แค่นี้คนก็เชื่อแล้วค่ะ สมัยนี้คนเชื่ออะไรแบบนี้ง่ายจะตาย เชื่อก่อนค่อยหาว่าจริงหรือไม่จริง" เป็อย่างที่นับดาวว่า คนกรองข้อมูลที่ได้รับน้อยลง เพียงเห็นว่าเป็ที่สนใจเยอะก็เลือกจะเชื่อ
"อาทิตย์หน้ามีอัดรายการด้วยกันนะคะอย่าลืม"
"ไม่ลืมหรอกค่ะ"
"พี่ว่านะต้องมีถามแน่ๆ เื่ความสัมพันธ์ของทั้งสอง พี่จะเตรียมคำตอบให้ เป็คำตอบแบบกำกวมหน่อย พี่เชื่อว่ายังไงน้องศิลาก็ไม่ปฏิเสธออกมาหรอกค่ะ เหมือนทุกทีก็นิ่งๆ ตามข่าวไม่หือไม่อือ"
"เพราะไม่หือไม่อืออะไรนี่แหละค่ะ ทำให้ดาวหงุดหงิดกับพี่เขาอ่ะ คนอะไรดูไม่ทุกข์ร้อน พอพี่เขาเป็แบบนี้มันก็มีพวกแฟนคลับพี่เขาออกมาโพสต์อีกนะคะว่าทางเราหิวแสงบ้างแหละ อยากเกาะกระแสดังบ้างแหละ ซึ่งมันคือความจริงนะคะ เรากำลังเกาะเขาดังดาวไม่ค่อยสบายใจเหมือนกันพอมีคนมาว่า"
"ไม่ทำแบบนี้จะทำแบบไหนล่ะคะ พี่จะบอกอะไรให้นะคะน้องดาว เดี๋ยวนี้น่ะความเก่งความสวยอย่างเดียวไม่พอนะคะ เพราะงั้นอะไรจะทำให้เราไปได้ไกลขึ้นก็ต้องเกาะไว้สิคะ ทั้งงานทั้งคนติดตามเข้าก็มาเรื่อยๆ เลย" เจนอยู่ในวงการนี้มานาน ในบางครั้งเธอก็ไม่สนวิธีการ ขอแค่ไม่ใช่การใช้ตัวเข้าแลกเธอก็พร้อมจะผลักดันเด็กที่เธอดูแลเต็มที่
"แต่ว่าเื่พวกนี้คุณพ่อดาวไม่ค่อยชอบนะคะ หากเห็นคอมเมนท์แย่ๆ เกี่ยวกับดาวต้องดุดาวแน่ๆ" แม้นับดาวจะเป็เด็กเอาแต่ใจไปหน่อยแต่เธอก็กลัวพิษณุผู้เป็พ่อมากเช่นเดียวกันเวลาที่พ่อโกรธ
"น้องดาวก็อย่าให้พ่อรู้สิคะ ถ้าเห็นก็แค่บอกไปว่ามันเป็เื่บังเอิญ แฟนคลับเขาจิ้นกันเขาก็ตามสืบกันเองอะไรทำนองนั้น เราไม่ยอมรับซะอย่างใครจะทำอะไรได้" เจนยิ้มให้ เธอจะให้พิษณุรู้ไม่ได้ว่าเธอสอนนับดาวแบบไหน ทางไหนเพราะคนคนนั้นรักลูกสาวยังกับอะไร และก็รักศักดิ์ศรีมากเช่นเดียวกัน
หากรู้มีหวังได้เลิกจ้างเธอแน่ และอีกอย่างยิ่งนับดาวดังขึ้น มีงานมากขึ้น เธอก็ได้ส่วนแบ่งมาจากอีกคนอีกที่หางานและรับงานให้ เท่ากับว่าเธอได้รายได้สองทาง จะทิ้งไปได้ยังไง
"แต่..." นับดาวยังไม่ได้พูดอะไรต่อเสียงมือถือก็ดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อที่เมมไว้ของคนที่โทรมา 'Daddy' แค่พูดถึงอีกคนก็โทรมาทันทีทำเอานับดาวมองหน้าเจนอย่างเลิ่กลั่ก
"คุยปกติค่ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าทางเราปล่อยข่าวสร้างกระแสเองเชื่อพี่ คุณพ่อคงโทรมาหาตามประสาพ่อแหละ" เจนพูดให้นับดาวคลายกังวล เธอพยักหน้ารับก่อนจะลุกออกไปคุยโทรศัพท์กับพิษณุ
ศิลานั่งรอเข้าฉากอยู่เล่นมือถือไปก็หงุดหงิดใจ แม้จะคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็แบบนี้แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี กระแสละครเขาไม่ว่าเลยอย่างที่เคยเป็มา แต่กับเื่นี้มันเกินไป จะโทษที่แฟนคลับเอาไปจิ้นเอาไปชิปกันก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะคนที่พานับดาวเข้าบ้านดันเป็แม่ของศิลาซะเอง
"นั่งหน้าเครียดเชียว" ดารินเดินมานั่งพร้อมยื่นน้ำให้หลังจากหายไปเอาน้ำมา
"เบื่อแล้วครับ" ศิลาถอนหายใจยาวก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม
เขาเบื่อแล้วชีวิตแบบนี้ เป็อยู่ทุกวันนี้ไม่ได้มีความสุขเลย หากในวันวันหนึ่งไม่มีปัณณวีร์ ศิลาไม่รู้ว่าจะเป็ยัง จะเบื่อ จะเหนื่อย จะเหงาแค่ไหน ทุกวันที่เขาอยู่เพราะเขามีจุดหมายปลายทางคือปัณณวีร์ พลันนั่งคิดอะไรเพลินๆ ไปเรื่อย น้ำหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพร้อมส่งยิ้มให้ทั้งดารินและศิลา ดารินนั้นยิ้มตอบส่วนศิลาก็เป็ศิลา น้ำหนึ่งชินแล้วและได้แต่นึกในใจว่าทำไมไม่เห็นเหมือนตอนที่อยู่กับปัณณวีร์เลยนะ
"มีข่าวได้เกือบทุกวันจริงๆ นะ" น้ำหนึ่งเอ่ยแซวกลับได้สายตาดุจเหยี่ยวมองมาตาขวาง เธอจึงปิดปากขำเล็กน้อย หากเป็เมื่อก่อนคงจะไม่กล้าเข้ามาเล่นหรือพูดคุยกับศิลา แต่พอได้รู้จักมากขึ้นจากปัณณวีร์และบางครั้งที่เธอกับปัณณวีร์นัดกินข้าวด้วยกัน ก็มักถูกศิลาบอกให้มากินที่ห้องตลอดหากเขาว่าง เพราะหากออกไปกินข้างนอกตัวเขาไปด้วยไม่ได้
นานวันเข้าพอได้รู้จักก็รู้ว่าจริงๆ ศิลาก็ไม่ได้ดุหรือว่าน่ากลัวอะไรอย่างที่หลายๆ คนกลัวเพราะเขาไม่พูดกับใคร แต่นั่นเพราะเขาไม่ค่อยชอบพูดกับคนแปลกหน้า หากไม่รู้จักเขาก็จะสนทนาด้วยเล็กน้อย ไม่ทักเขาก่อนเขาก็จะไม่ทัก จนน้ำหนึ่งก็คิดว่าคนแบบนี้มาเป็ดาราได้ยังไงกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฝีมือการแสดงของศิลาดีมากจริงๆ เนื่องจากไม่เคยได้ร่วมงานแสดงกันมาก่อน
"ละครน่ะ ถ้ามันดีจริงมันก็ขายตัวมันได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจนักหรอกกับแค่กระแสคู่จิ้น" น้ำหนึ่งพูดขึ้นเหมือนกับพูดลอยๆ แต่ก็บอกกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตามองไปรอบๆ กองดูทีมงานที่กำลังเตรียมเซ็ทฉากและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ
"ดูอย่างเื่ที่ทำให้วีร์มันดังมาได้สิ มันไม่เคยโปรโมทหรือว่าให้คู่พระนายเซอร์วิสแฟนคลับเยอะเลย พอละครออนแอร์กลับมีคนมาดูเยอะจนน่าใ เชื่อสิเื่นี้ก็เหมือนกัน ไม่ชอบก็ปฏิเสธไปเถอะ ดูก็รู้ว่าฝั่งนั้นอยากเกาะกระแสดัง" ด้วยความที่อยู่ในวงการมานานกว่าน้ำหนึ่งแนะนำได้เสมอ วงการบันเทิงมันก็บันเทิงจริงอย่างชื่อนั่นแหละ
"ใช่ค่ะน้องน้ำหนึ่ง" ดารินพูดขึ้นมาบ้าง "เจนอ่ะนะแค่อ้าปากก็เห็นถึงลิ้นไก่แล้ว มันนิสัยเป็ไงเราเคยเจอกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเด็กคนไหนที่นางดูแลนะ นางชอบดันให้ดังเพราะเกาะกระแส"
น้ำหนึ่งพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หากเป็คนมีความสามารถก็ดีไป แต่หากไม่ใช่คนมีความสามารถแล้วละก็ ดังได้ไม่นานก็ดับ แต่น้ำหนึ่งดูแล้วว่านับดาวคนนี้ฝีมือการแสดงไม่เลวเลย เพียงแต่อยู่กับคนผิดก็เท่านั้น...
"ขอบคุณ" ศิลาพูดขึ้น น้ำหนึ่งชะงักไปก่อนจะแกล้งแซวอีกครั้ง
"ว้าววว น้องศิลาพูดขอบคุณพี่ด้วย ฮ่าๆๆ" ศิลาถลึงตาใส่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้คบกับปัณณวีร์มาได้ เป็คนแบบเดียวกันนี่เอง กวนเหมือนกันไม่มีผิด
ปัณณวีร์ : นี่ถ้าพี่บอกว่าพี่ก็ได้ไปฉลองงานวันเกิดด้วยจะมี #ศิลาวีร์ ไหมนะ
ศิลาเข้าไปอ่านข้อความของปัณณวีร์ที่ส่งมาก็เผยยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดู ตัวเขาอยากจะให้มีแฮชแท็กนี้จะตาย
ศิลา : เอาสิครับ พี่ปล่อยข่าวเลยผมจะไม่ปฏิเสธ
ปัณณวีร์ : เหมือนที่ไม่ปฏิเสธนับดาวอ่ะหรอ?
ศิลา : ไม่เหมือนกันนะ กับพี่คือความจริง กับเขาเป็ข่าวปลอม
ปัณณวีร์ : ดูท่าข่าวปลอมจะเป็ข่าวจริงนะ เพราะคุณศิลาไม่ออกมาบอกอะไรเลย
ปัณณวีร์พิมพ์ตอบข้อความศิลาไปอมยิ้มไป ตัวเขารู้ดีว่าอะไรเป็อะไร แต่ก็แกล้งพิมพ์บอกไปแบบนั้น ทำเอาศิลาคิดว่าคนพี่คงจะงอนแน่ๆ
ศิลา : ไม่ต้องห่วง ผมจะเคลียร์เองครับ ไม่ให้แฟนผมรู้สึกนอยด์อีกแล้ว
ปัณณวีร์ : ดีมาก งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ให้รางวัลดีไหม ชดเชยที่เมื่อวานไม่ให้ด้วย
ศิลา : ห้ามคืนคำนะครับ รางวัลต้องตามใจผมนะ
ปัณณวีร์ : ก็ต้องตามใจอยู่แล้ว เ้าลูกหมา
ศิลาคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิมจนน้ำหนึ่งกับดารินมองหน้ากัน ดารินชะเง้อคอมองที่จอถึงได้รู้ว่ากำลังคุยกับแฟนอยู่ ไม่น่าถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมา
"เหม็น เหม็นความรัก" น้ำหนึ่งเบ้ปาก พูดเสียงเบา
ทางด้านปัณณวีร์ก็ยิ้มออกมาและกดส่งสติ๊กเกอร์รูปหมาไปส่งท้าย ช่างเหมือนกับศิลาเวลาดีใจจนหูหางกระดิกเหลือเกิน จนชาที่นั่งอยู่ด้วยเกาหัวอย่างงงๆ ที่ปัณณวีร์นั่งยิ้ม เธอเรียกถึงสามครั้งแล้วแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิน
"พี่วีร์คะ!" ครั้งนี้ชาเสียงดังขึ้นมาหน่อยเ้าของห้องจึงสะดุ้งรับ
"หะ...หื้อ ว่าไง?" ปัณณวีร์รีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็ปกติ
"ชาจะบอกถามว่าเที่ยงนี้จะสั่งข้าวมาเลยไหมคะหรือจะออกไปทาน"
"สั่งมาดีกว่า พี่จะเข้าไปดูทีมตัดต่อด้วย่บ่าย ี้เีออกไป"
"ได้ค่ะ ว่าแต่พี่เหม่ออะไรอ่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือน..." ชาเว้นวรรคไป ใช้นิ้วเคาะที่ปลายคางตัวเองเบาๆ ก่อนพูดว่า "เหมือนพี่กำลังมีความรักเลย"
"บ้า" ปัณณวีร์พยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้มให้กับการแซวของชา ยิ่งเห็นว่าคนพี่พยายามกลั้นยิ้มไว้จึงแกล้งใหญ่
"แน่ะ จะยิ้มแสดงว่ามี"
"ไม่มี ไปเลยไป ไปสั่งข้าวแล้วก็กาแฟให้พี่ด้วยนะ" ปัณณวีร์รีบเปลี่ยนเื่คุยทันทีแล้วทำเป็ก้มหน้าก้มตาทำงานแต่จริงๆ แค่หลบผู้ช่วยไม่ให้เห็นที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออยู่
ในที่สุดวันที่นับดาวกับศิลาจะได้เจอกันอีกครั้งเพราะต้องอัดรายการ แฟนคลับหลายคนมารอที่หน้าบริษัท ั้แ่ตอนนั้นเื่งานฉลองงานวันเกิดของศิลา ก็ไม่มีข่าวอะไรให้ตามอีกเลยระหว่างสองคนนี้ เพราะศิลาไม่ได้ไปไหนนอกจากกองถ่ายและกลับมาที่คอนโด ศิลายืนรับการ์ดรับจดหมายและของจากแฟนคลับอยู่ครู่หนึ่งเพราะ่นี้ไม่ได้ออกงานที่ไหน
พอเห็นรถตู้ของนับดาวมาถึงศิลาก็หันไปมองดาริน เหมือนกับรู้กันเธอจึงเดินเข้ามาหาแล้วพูดขึ้น
"เดี๋ยวต้องพาศิลาไปแต่งหน้าทำผมก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่ค่ะ" ไม่รีรออะไรดารินจับแขนศิลาและพากันเดินเข้าตึกไปไม่รอให้นับดาวได้เดินมาหาเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าไม่เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้เห็นอยู่ด้วยกัน ทำเอานับดาวรู้สึกไม่ชอบใจเพราะกำลังจะเดินไปหาพอดี
"ศิลากับนับดาวแม่เห็นว่าเหมาะกันที่สุดนะ" กนกพูดขึ้นขณะที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ในห้องสตูดิโอที่ใช้อัดรายการ
"แม่ครับ" ศรุตเอ่ยเตือน "ศิลาไม่กลับบ้านมาอาทิตย์หนึ่งเนี่ย แม่คิดว่าแค่เื่งานหรอครับ เพราะว่าไม่อยากจะกลับต่างหาก"
กนกรีบหันมองลูกชายคนโต "แสดงว่ายังไม่หายโกรธแม่จริงๆ"
"โกรธน่ะหายแล้วละครับ แต่อาจจะยังไม่อยากกลับคงเพราะกลัวว่าแม่จะจับคู่ให้อีกละมั้ง" ศรุตจงใจพูดประชดให้คนเป็แม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำให้ลูกต้องกลัวและไม่อยากจะกลับบ้าน กนกจึงหันไปมองศิลา
"อยากจะถามถึงประเด็นร้อนแรงในโซเชียลเมื่ออาทิตย์ก่อนหน่อยครับ เนื่องในงานวันเกิดของน้องศิลานั้นน้องนับดาวได้ไปฉลองที่บ้านด้วยไหมครับ เป็ที่ถกเถียงกันเหลือเกิน ไขความกระจ่างให้แฟนๆ ได้รู้กันหน่อย" พิธีกรในรายการเอ่ยถามขึ้น ศิลายังคงนิ่งอยู่เป็นับดาวที่ตอบแทน
"เื่นี้...ดาวไปจริงค่ะ ไปกับคุณแม่ของพี่ศิลา ก็เป็งานเลี้ยงเล็กๆ แหละค่ะแต่ก็ไม่ได้มีแค่ดาวนะคะ คุณวีร์เองก็ไปเหมือนกัน" นับดาวพูดด้วยรอยยิ้มสดใสของเธอ ก่อนที่เสียงทุ้มจะพูด
"ไปจริงครับ คุณแม่รู้จักกับคุณพ่อของน้อง คุณแม่ก็เอ็นดูเด็กผู้หญิงเพราะช่างเอาใจแม่ผมเลยสนิทกับน้องนับดาวน่ะครับ" ศิลาตอบในเชิงว่าตัวเองไม่ได้เชิญนับดาวไป แต่เป็แม่ที่พาไปเองซึ่งก็ทำเอานับดาวหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย กนกเองก็รู้สึกกับลูก
"อย่างนี้นี่เอง แล้วน้องนับดาวสนิทกับคุณแม่แบบนี้ ความสัมพันธ์กับน้องศิลาเป็ยังไงบ้างครับ จากคู่จิ้นจะเป็คู่จริงไหม" คำถามนี้ในสคริปต์ไม่มีเพราะเจนได้ให้ถามจี้เข้าเื่ความสัมพันธ์ของทั้งสองอีก
"มันคือเื่ของอนาคตค่ะ" นับดาวตอบก่อนอีกตามเคยพร้อมหันมองศิลาด้วยสายตาอ่อนหวาน "จริงไหมคะพี่ศิลา"
เพราะคิดว่าศิลาก็คงไม่ปฏิเสธตามเคยจึงกล้าถามแบบนั้น ดารินที่ยืนมองอยู่ก็ยิ้มรอคำตอบของศิลา
"เราเป็แค่พี่น้องกันครับ ผมเอ็นดูนับดาวเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง น้องทั้งเก่งทั้งแสดงดี แล้วก็สวยน่ารัก เอ็นดูน้องกันเยอะๆ นะครับ" ศิลายิ้มให้กล้องเล็กน้อย น้อยนักที่เ้าตัวจะเล่นกับกล้องแบบนี้
นับดาวฝืนยิ้มให้กับคำชมของศิลาที่ดูเหมือนหวานแต่พอได้ชิมกลับรู้ว่ามันขม เจนเองก็ไปต่อไม่ถูก ดารินจึงเดินเข้ามาใช้ไหล่ชนไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ให้รู้ว่าเขามาหา
"เป็ไงละ อย่าสอนเด็กให้มัวแต่มาเกาะกระแสดังเลย เอาเวลาไปตั้งใจทำงานและเรียนให้เยอะๆ เถอะ นับดาวน่ะอนาคตไปได้ไกลเลยถ้าไม่ดับซะก่อน เพราะเธอน่ะ" พูดจบดารินก็เดินเอาน้ำเอาผ้าไปให้ศิลาเพราะพักเบรกพอดี ไม่สนใจคนที่ถูกว่าและยืนกำหมัดอยู่ด้วยความเจ็บใจ
"พรุ่งนี้ไม่มีงานหนิ ไม่กลับบ้านล่ะเดี๋ยวแม่ก็งอนหรอก" ปัณณวีร์ถามขณะที่นอนในอ่างให้ศิลาสระผมให้อยู่อย่างสบาย
"อยากอยู่กับพี่มากกว่า อีกอย่างกลับไปก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี" เพราะเขาไม่เคยจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้เป็แม่เลย กลับบ้านไปก็อยู่ใครอยู่มันจะมีก็แค่กินข้าวด้วยกันเท่านั้น
"แต่พรุ่งนี้พี่ก็ไม่ได้หยุดนะ ไม่ได้อยู่ด้วยอยู่ดีอ่ะ"
"กลับมาเร็วก็พอครับผมรอที่ห้อง หลับตานะผมจะล้างแล้ว" ปัณณวีร์ทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย เมื่อล้างผมเสร็จแล้วศิลาก็ก้มลงไปจูบหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเอาผ้ามาเช็ดผมให้
"งั้นจะรีบกลับมาหา" ใจจริงอยากหยุดอยู่กับคนน้องทั้งวันเลยแต่ต้องรีบทำงาน
วันต่อมาศิลาก็แต่งตัวมิดชิดไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้คอนโด รีบไปซื้อของมาเตรียมไว้สำหรับทำอาหาร ถึงจะไปใน่ที่ไม่ค่อยมีคนเพราะคนก็ทำงานกันแต่ก็มีบางคนที่ยังจำเ้าตัวได้ แต่ก็แค่ขอถ่ายรูป ไม่ได้ตามกรี๊ดอะไรขนาดนั้น
ปัณณวีร์กลับมาถึงห้องของศิลาก็เห็นของมากมายถูกหั่นเตรียมเอาไว้แล้ว เหลือแค่ปัณณวีร์มาทำก็เท่านั้นเพราะศิลาทำไม่เป็ มีหน้าที่เตรียมของและเก็บของก็พอแล้ว
"ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวลงมาทำนะ" ปัณณวีร์กอดคอคนน้องจากด้านหลังพร้อมหอมแก้มอีกฝ่าย
"ครับ ผมรอได้" ศิลาหันหน้าไปหา ปัณณวีร์จึงยื่นหน้ามาให้หอมอย่างรู้งานก่อนจะไปอาบน้ำ
"ยังไม่กลับบ้านนะ ไปคอนโดศิลา วันนี้ฉันไปหาลูกสักหน่อย" กนกบอกกับคนขับรถ จึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปทางใหม่
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็มาถึงคอนโดหรูที่ส่วนใหญ่แล้วก็มีแต่คนรวยๆ อยู่กันเพราะหรูหราและระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ซึ่งห้องที่ปัณณวีร์อยู่นั้นเป็ห้องที่เขาเช่าจากศรุตอีกที เพราะหากให้ซื้อปัณณวีร์ก็ยังไม่กล้าเพราะราคาก็แพงเอาเื่เหมือนกันแต่กนกไม่รู้ว่าลูกชายได้ซื้อคอนโดไว้ที่นี่อีกที่ และไม่รู้ว่าปัณณวีร์ก็พักที่นี่เหมือนกัน
"ครับแม่" ศิลารับสายจากผู้เป็แม่ที่นานๆ ทีถึงจะโทรมา
[แม่อยู่หน้าคอนโดลูกแล้ว ลงมารับแม่หน่อยลูก แม่คิดถึงก็เลยมาหา] เพราะเธอไม่มีคีย์การ์ด ไม่รู้รหัสจึงขึ้นไปไม่ได้ จำต้องโทรให้ลูกชายลงมารับ ยังไงก็มาถึงแล้วจะไม่ลงมารับก็คงไม่ได้
"แม่มาหรอครับ" ศิลามองหน้าคนพี่ที่กำลังจะชิมน้ำแกงอยู่
[ใช่ลูก รีบลงมารับแม่หน่อยนะ แม่ซื้อของมาไว้ให้เต็มเลย]
"ครับ" ศิลาตอบแค่นั้นก่อนจะรีบวางสายไป "แม่ผมมาหาที่คอนโด พี่กลับห้องด่วนเลยครับ"
"ทำไมถึงมานะ ไม่เคยเห็นจะมาเลย งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาเสื้อผ้าในตู้เราก่อน" เพราะปัณณวีร์เอาเสื้อผ้ามาไว้ที่นี่บางส่วน เวลามาค้างด้วยกันก็จะได้ไม่ต้องลงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง
"ไว้แม่กลับแล้วผมจะโทรบอกนะครับ" ปัณณวีร์หอบเอาเสื้อผ้าไว้เต็มไม้เต็มมือ ศิลากดลิฟต์ให้และลงไปพร้อมกัน แต่ปัณณวีร์ออกจากลิฟต์ไปก่อน
เมื่อกนกเข้ามาในห้องของลูกชายก็ทำเอารู้สึกแปลกใจที่ได้กลิ่นอาหาร พอมองไปยังครัวก็เห็นว่ามีวัตถุดิบมากมายวางอยู่ ก็ยิ่งทำให้แปลกใจเพราะศิลาทำอาหารเป็ที่ไหน
"แม่มาหาผมถึงที่นี่มีอะไรรึเปล่าครับ" ศิลาเอ่ยถามขณะเดินเอาของที่แม่ซื้อมาให้มากมายไปเก็บและเอาน้ำมาให้
"แม่คิดถึงก็แค่นั้น ศิลาไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้ว เพราะยังโกรธแม่อยู่รึเปล่า"
"เปล่าครับ ผมแค่อยากอยู่คอนโดเฉยๆ" กนกพยักหน้าเล็กน้อยแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม พลางมองไปทั่วห้อง
"แล้วนี่ทำอาหารหรอ??"
"ใช่ครับ อยากฝึกทำเองบ้าง" เพราะของมันเยอะและเวลากระชั้นชิดทำให้เก็บไม่ทันซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรอยู่แล้ว อ้างว่าทำเองก็สิ้นเื่
"เก่งจังเลย" กนกลุกขึ้นยืนแล้วเดินดูรอบๆ ห้อง ห้องนี้เธอเคยมาแต่ก็ไม่บ่อยนัก ทุกอย่างในห้องอยู่อย่างเป็ระเบียบตามนิสัยของเ้าของห้อง
"มีเวลาทำความสะอาดบ้างไหมลูก" เธอเดินดูนั่นดูนี่ราวกับแม่ที่มาตรวจดูความเรียบร้อยของลูกเวลาออกมาอยู่คนเดียว ศิลาก็ไม่ได้เดินตามอะไรเพราะคิดว่ายังไงก็ไม่มีอะไรให้เก็บแล้วเนื่องจากว่าของใช้ของปัณณวีร์ส่วนใหญ่ก็ใช้กับเขา มีแค่เสื้อผ้าแต่เ้าตัวก็เอากลับไปแล้ว
"กำไลสวยดีนะคะลูก" ศิลารีบเข้าไปหาทันทีเพราะลืมว่าตัวเองวางกล่องกำไลไว้ไม่ได้เก็บเข้าชั้น
"ครับ" กนกมองดูกำไลอย่างพินิจพิเคราะห์ว่าเหมือนกับเคยเจอกำไลแบบนี้ที่ไหนแต่ก็นึกไม่ออกว่าเจอที่ข้อมือของปัณณวีร์ในเช้าวันถัดจากวันเกิดศิลา และดีที่เธอไม่ได้เห็นชื่อที่สลักว่าศิลาวีร์ไว้ ศิลาก็ขอเอาไปเก็บซะก่อน
"แล้วเสื้อผ้านี่ ปกติลูกซักเองหรือว่าส่งร้านลูก เื่ของลูกชายกนกแทบจะไม่เคยรู้เลยว่าอยู่ที่คอนโดเขาใช้ชีวิตยังไง เธอเดินเข้ามาเห็นตะกร้าผ้าพอดีจึงได้ถามขึ้น
"ซักเองครับ" ศิลาตอบกลับมาในขณะเก็บกล่องกำไลเข้าตู้และล็อกตู้ไว้อย่างดี โดยไม่ได้หันมองผู้เป็แม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่
กนกหยิบเสื้อเชิ้ตตัวที่อยู่ในตะกร้าออกมาดูด้วยความคุ้นตา แต่เห็นว่าขนาดของเสื้อเมื่อเทียบกับศิลาแล้วนั้นเ้าตัวคงจะใส่ไม่ได้ กนกมองลูกชายสลับกับเสื้อก่อนจะวางกลับไว้และพยายามนึกในหัวว่าเคยเจอเสื้อตัวนี้ที่ไหน ศิลาเห็นแม่เงียบไปก็หันไปมอง เห็นว่ากนกกำลังยืนคิดอะไรอยู่จึงไม่ได้เอ่ยเรียกอะไร
กนกคิดไปคิดมาอยู่นานก่อนจะนึกออก...
เสื้อตัวนี้เป็เธอที่ซื้อเองกับมือเพื่อให้เป็ของขวัญวันเกิดกับปัณณวีร์ และเมื่ออาทิตย์ก่อนในงานวันเกิดศิลา ปัณณวีร์ก็ใส่เสื้อตัวนี้ไปจึงทำให้เธอคุ้นตา แต่ก็เกิดความสงสัยในใจอีกว่าแล้วทำไมเสื้อของปัณณวีร์จึงมาอยู่ในตะกร้าของศิลาได้...
TBC.