สืออีอ่อนแรงลง ล้มลงกับพื้นแล้วอาเจียนออกมาเป็เืสด เขามองหลานเยว่เฉิงด้วยสายตาที่ไม่ยินยอม
“นายท่าน น้อง...น้องสาวข้า น้องสาวข้านาง...” เขาขมวดคิ้ว พูดออกมาอย่างยากลำบากด้วยสติที่เหลือเพียงน้อยนิด
“น้องสาวเ้าหายไปตั้งนานแล้ว ไร้ร่องรอยไปั้แ่หลายเดือนก่อน ไม่รู้ว่านางจะตายอยู่ที่มุมใดของเมืองหลวงล่ะนะ” หลานเยว่เฉิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ท่านโกหกข้าหรือ?” สืออีน้ำตาคลอเบ้า
“ผู้ใดใช้ให้เ้าหลอกง่ายเองเล่า ข้าจะบอกอันใดให้ ั้แ่ครั้งแรกที่เ้าทรยศข้า ข้าก็ไม่เคยเห็นเ้าเป็ลูกน้องอีก หากมิใช่ว่าเ้ายังมีประโยชน์ เ้าคงมิได้มีชีวิตมาถึงตอนนี้หรอก”
“เ้าควรจะดีใจนะที่ยังได้ทำประโยชน์ให้ข้าก่อนจะตาย” หลานเยว่เฉิงมองอย่างเหยียดหยาม ดวงตาของเขาเย็นะเื
เขายกดาบขึ้นพลันแทงสืออีอีกครา
แสงสะท้อนจากดาบประทับลงบนใบหน้าของสืออี เขาไม่มีแรงจะขัดขืน จึงทำได้เพียงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
บริเวณโดยรอบเงียบสงบอย่างน่าขนลุก ความเ็ปสาหัสที่เขาจินตนาการไว้นั้นมิได้เกิดขึ้น เวลาผ่านไปเขาจึงลืมตาด้วยความแปลกใจ
ที่เบื้องหน้า ถันถั่นกำลังคุกเข่าลง นางใช้ตนเองบังดาบให้เขา
“ถัน...ถัน...ถั่น” ดวงตาของสือแดงก่ำ เขาเอ่ยปากด้วยความใ
เขาตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นและคิดจะปีนขึ้นมา แต่ความเ็ปแสนสาหัสที่หน้าอกก็ทำให้เขาล้มลง สำลักเืสดๆ ออกจากปาก ร่างทั้งร่างโชกเืไปกว่าครึ่งตัว
“ท่าน...ท่านพี่ ต้อง...ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ” ถันถั่นหันหน้ากลับมายิ้มให้เขา พูดจบนางก็หลับตาและล้มลงไปด้านหน้า
ท่านพี่...
สืออีมองดูนางก็สั่นไปทั้งตัวด้วยความไม่เชื่อ เขากัดฟันไว้และค่อยๆ คลานไปหา
“ถันถั่น...ถันถั่น...ถันถั่น...” เขาเรียกชื่อนางไม่หยุด แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ
“ท่านพี่? หาเสียให้ทั่วเมืองหลวง ที่แท้น้องสาวเ้าก็อยู่ที่เมืองนี้” หลานเยว่เฉิงแสยะยิ้มแล้วเดินไปเบื้องหน้าสืออี ยืนบังร่างของถันถั่นไว้
“ออกไป” สืออีจ้องมองถันถั่นผ่านช่องว่างระหว่างขาของเขา
“อย่าเศร้าไปเลย พวกเ้าจะได้ไปอยู่ด้วยกันแล้ว ถึงเวลานั้นต้องขอบคุณข้าด้วยล่ะ” หลานเยว่เฉิงพูดอย่างสนุกสนานแล้วยกดาบขึ้นอีกครา เล็งไปที่สืออี
แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเ็ปที่ข้อมือ ไร้เรี่ยวแรงจนต้องปล่อยดาบลงกับพื้น
เขาขมวดคิ้ว มองเข็มเงินเรียวยาวที่แทงเข้าไปในข้อมือของตน ดวงตาของเขาก็เ็าลง “คุณหนูเวินซี ในเมื่อมาแล้วก็อย่าหลบอยู่ในมุมมืดเลยขอรับ”
“คุณชายหลาน คิดไม่ถึงเลยนะเ้าคะว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่” เวินซีเอ่ยพลันะโลงจากต้นไม้ใหญ่
“คุณหนูเวินซี เจอกันอีกแล้วนะขอรับ ไม่เจอครู่เดียวราวกับผ่านไปสามสารทเชียวขอรับ” หลานเยว่เฉิงดึงเข็มเงินออก จงใจพูดหยอกล้อนาง
เวินซีเหลือบมองเขา ก่อนที่สายตาจะหันไปมองสืออีและถันถั่นที่อยู่บนพื้น เมื่อเห็นทั้งสองาเ็หนัก สีหน้าของนางก็มืดมนลง
“คุณ...คุณหนูเวินซี ได้โปรด... ช่วยน้องสาวข้าด้วยขอรับ ขอร้องล่ะ” เมื่อได้เห็นเวินซี สืออีก็ราวกับได้คว้าฟางเส้นสุดท้ายช่วยชีวิต เขาเอ่ยปากวิงวอน
“ข้าจะจัดการเอง เ้ามิต้องพูด”
เวินซีเอ่ยอย่างเ็า สายตาของนางมองกลับไปที่หลานเยว่เฉิง นางไม่พูดอันใดมาก ดีดเข็มเงินเล่มหนึ่งออกจากฝ่ามือตรงไปที่ดวงตาของเขา
เขาหันศีรษะหลบ พลันรู้สึกได้ถึงความเ็ปภายในร่างกาย หลานเยว่เฉิงขมวดคิ้ว ในตอนที่หันไปมองเวินซี สายตาของเขายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
“คุณหนูเวิน ยามนี้ข้าไปก่อนล่ะ เรายังมีโอกาสได้พบกันอีก เจอกันคราหน้าข้าจะทำให้เ้าเป็คนของข้าให้จงได้”
เวลานี้เขาาเ็ทั้งยังได้รับพิษ จึงมิใช่คู่ต่อสู้ของเวินซี เมื่อไม่คิดจะต่อสู้เขาก็หยิบผงเครื่องหอมออกมาจากอก ใช้โอกาสในตอนที่นางยกมือขึ้นปิดหน้า วิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่า
เวินซีคิดจะไล่ตามไป แต่เมื่อเห็นสืออีและถันถั่น นางก็ถอนหายใจแล้ววิ่งกลับไปหาพวกเขา
นางยกถันถั่นขึ้นอย่างระมัดระวัง เมื่อััได้ว่าร่างนั้นเย็นเฉียบก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี นางรีบยกแขนเสื้อของถันถั่นขึ้นแล้วเอามือััชีพจร
ชีพจรหายไปแล้ว
เวินซีขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองาแ ตำแหน่งคือหัวใจ จึงรู้ว่าเด็กสาวถูกปลิดชีพภายในดาบเดียว
นางมองร่างของถันถั่นที่ไร้ิญญาด้วยความรู้สึกว่างเปล่า นี่เป็ครั้งแรกที่นางไร้หนทางเช่นนี้
“คุณหนูเวินซี ข้าปักเสร็จแล้วเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินซีชอบหรือไม่เ้าคะ?”
“คุณหนูเวินซีงามมากเลยเ้าค่ะ”
......
เสียงของถันถั่นยังคงดังก้องอยู่ในหูของนาง เศษเสี้ยวภาพในอดีตของทั้งสองพลันปรากฏขึ้น ความรู้สึกผิดและโทษตัวเองเกิดขึ้นในใจของเวินซีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หากนางมาเร็วกว่านี้ก็คงจะดี แม้จะเป็เวลาเพียงก้านธูป ถันถั่นก็คงไม่ตาย
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา นางกอดถันถั่นไว้ในอ้อมแขนอย่างเศร้าโศก
“คุณหนูเวินซี น้องสาวข้า...” สืออีเห็นทุกการกระทำของนาง น้ำเสียงของเขาก็สั่นเทา
“ตายแล้ว” เวินซีรู้สึกโกรธสืออี แล้วเอ่ยอย่างเ็า
“คุณหนูเวินซี ข้า...”
“ไม่ต้องเรียกข้า สืออี เ้าบอกว่าคิดถึงน้องสาวอยู่เสมอ เหตุใดถึงจำนางไม่ได้?”
“ข้า...”
สืออีพูดไม่ออก ความรู้สึกผิดและความเกลียดชังอัดแน่นอยู่ในหัวใจของเขา เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายหยิบดาบจากพื้น เตรียมจะปาดคอฆ่าตัวตาย
แต่ด้วยสายตาและมือที่รวดเร็วของเวินซี จึงปัดดาบเล่มนั้นให้ตกไป
“คุณหนูเวินซี ปล่อยให้ข้าตายเถิด เป็ความผิดของข้าเอง ข้าทำผิดต่อท่าน ต่อถันถั่น ที่ทุกอย่างเป็เช่นนี้ก็เพราะข้า หากมิใช่เพราะข้า ถันถั่นก็คงไม่ตาย”
เมื่อสืออีคิดว่าตนเองเป็เหตุให้น้องสาวถูกฆ่า เขาก็เห็นว่าสองมือของตนนั้นเต็มไปด้วยเื เป็ความผิดที่ไม่อาจจะละเว้นได้
“ตายหรือ? ถันถั่นใช้ชีวิตแลกมาเพื่อให้เ้าตายไปหรือ?”
“หากมิใช่เพราะถันถั่น วันนี้เ้าคงได้ตายในมือข้าไปนานแล้ว”
เวินซีพูดด้วยน้ำเสียงเ็าและรู้สึกไม่พอใจเมื่อมองดูสืออี
ั้แ่วินาทีที่เขาเรียกนางว่าคุณหนูเวิน นางก็จำเขาได้ นางยอมอ่อนข้อให้เขาเพราะไม่อยากจะให้ถันถั่นเสียใจ
“คุณหนูเวิน ข้า...แค่ก...แค่กแค่ก...” สืออีอยากจะพูดแต่กลับเริ่มไออย่างรุนแรง
“กลับไปที่ร้านเครื่องหอมก่อน” เวินซีหยิบยาบำรุงให้สืออีได้ทานก่อน
อาการาเ็ของเขามิได้อันตรายถึงชีวิต เพียงแค่เสียเืมาก ยาเม็ดนี้จะทำให้เขามีแรงกลับไปถึงร้านเครื่องหอมได้
“ขอรับ” สืออีตอบตกลง
เวินซีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพลันส่งสัญญาณออกไป
ไม่นานก็มีทหารลับจำนวนมากออกมาจากทุกทิศทุกทาง เมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาก็นำสืออีและถันถั่นกลับร้านเครื่องหอม
ศพในร้านเครื่องหอมยังมิได้ถูกจัดการ กลิ่นคาวเืตลบอบอวลอยู่ภายในตลอดเวลา
จ่างกุ้ยซ่อนตัวอยู่ตรงมุมร้าน ตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อเห็นเวินซีกลับมา เขาก็กัดฟันรีบวิ่งไปทันที
“คุณหนูเวินซี เกิดอันใดขึ้นขอรับ? คนพวกนั้นเป็ผู้ใดกัน?” เขาหยุดอยู่ข้างๆ เวินซี และมองดูทหารลับที่ประตูอย่างสงสัย เมื่อเห็นถันถั่นถูกอุ้มเข้ามา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า “คุณหนูเวินซี ถันถั่นเป็อันใดไปขอรับ?”
“ถันถั่นถูกฆ่าตาย จ่างกุ้ย เื่นี้ซับซ้อนนัก ไว้ข้าจะเล่าให้เ้าฟัง ยามนี้เราต้องรักษาสืออีก่อน มิฉะนั้นเขาจะเป็อันใดไปอีกคน”
เวินซีเอ่ยโดยไร้ความรู้สึก นางโบกมือเบาๆ สืออีก็ถูกทหารลับพยุงไปที่สวนหลังเรือน จากนั้นนางจึงเดินตามพวกเขาไป
“คุณหนูเวินซี ข้าจะช่วยด้วยขอรับ” เขากลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว จ่างกุ้ยมองดูถันถั่นครู่หนึ่งก็รีบวิ่งตามพวกเขาไป