เวลาหมุนผ่านไป ตอนนี้เซี่ยโม่ไม่เพียงจำสมุนไพรในหนังสือได้เกือบหมด ยังขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาได้หลายชนิด
ที่โชคดีคือ เธอมักได้เจอกับสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็ไก่ป่า กระต่ายป่าเป็ต้น เซี่ยโม่จะนำพวกมันกลับมาทำอาหารทุกครั้ง ทุกคนที่บ้านเลยได้กินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข
แน่นอนว่าเธอมักอาศัยโอกาสนี้หยิบของจากในโกดังสินค้ากลับมาที่บ้านด้วย
เช่นวันนี้บอกที่บ้านว่าเก็บไข่นกกระทาได้หลายฟอง แท้จริงแล้วเธอหยิบออกมาจากในโกดังสินค้าต่างหาก
พอพรุ่งนี้เธอก็บอกว่าเก็บเห็ดได้ แต่ความจริงเป็เห็ดที่คนงานของโกดังสินค้าเพาะเลี้ยงเอาไว้
วันมะรืนเธอนำปลาไนที่ยังมีชีวิตอยู่สองตัวออกมาจากในโกดังสินค้า บอกว่าจับได้จากแม่น้ำบนเขา
บนูเาย่อมมีแม่น้ำ เมื่อเป็เช่นนี้ก็ย่อมต้องมีคนไปจับปลาในนั้น เพียงแต่ไม่เคยได้ยินว่าปลาในแม่น้ำจะตัวใหญ่ถึงขนาดนี้
เธอเอ่ยอย่างมีลับลมคมในว่า “ทุกคนอย่าเอาไปบอกใครนะคะ หนูเดินตามกระแสน้ำจนไปเจอแอ่งน้ำแห่งหนึ่งเข้า ซึ่งน่าจะยังไม่เคยมีใครค้นพบ หนูจับปลาจากที่นั่นกลับมาสองตัว ในนั้นน่าจะยังมีเหลืออยู่อีกหลายตัว”
คุณตาพยักหน้าเห็นด้วย “โม่โม่พูดมีเหตุผล เื่นี้อย่าเอาไปบอกใครเชียว ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้”
คุณยายพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกันคิดในใจว่าหลานสาวของเธอช่างเป็คนโชคดีจริงๆ
คุณตาคุณยายเชื่อคำหลานสาวสนิทใจ ที่บ้านอู๋เลยมีกลิ่นหอมของปลาลอยอวลไปทั่วทั้งบ้านสองวันติดต่อกัน
โชคดีที่บ้านตระกูลอู๋ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ทั้งบ้านแต่ละหลังแถบชนบทจะอยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน เพื่อนบ้านหลังใกล้สุดห่างออกไปหลายสิบเมตร กลิ่นหอมของอาหารจึงโชยไปไม่ถึง
หลังจากอาหารการกินของที่บ้านดีขึ้น เซี่ยโม่ค้นพบว่าใบหน้าของคุณตาคุณยายดูมีน้ำมีนวลและมีเืฝาดขึ้น แม้แต่น้องชายก็ยังสดใสร่าเริงกว่าเดิม
ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้เธอรู้สึกพึงพอใจมาก
เช้าวันนี้เธอยังคงทำกิจวัตรประจำวันเดิมๆ เหมือนวันที่ผ่านมา เอาหญ้าแห้วหมูหนึ่งกระบุงไปให้กองการผลิต ก่อนจะขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร
เพิ่งจะมาถึงเชิงเขา ชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาดักหน้าเธอ แม้ชายหนุ่มกลุ่มนี้จะสวมชุดเหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป หากบุคลิกกลับเหมือนอันธพาล อีกฝ่ายเข้ามาล้อมเธอเอาไว้
เห็นท่าไม่ดีจึงคิดจะหันหลังวิ่งหนี
ทันใดนั้นเองชายรูปร่างอ้วนเตี้ย ใบหน้ามีแต่กระก็พุ่งเข้ามาขวางไม่ให้เธอหนี
เธอจำอีกฝ่ายได้ในทันที
นี่คือหลานของแม่เลี้ยงไม่ใช่หรือ คนที่เอาน้องชายของเธอไปทิ้งบนรถไฟ เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด อีกฝ่าย้าจะทำอะไรกันแน่
เธอทั้งโกรธและแค้น ยังไม่ทันจะไปเอาเื่ อีกฝ่ายก็แจ้นมาหาเธอถึงที่เสียแล้ว
เซี่ยโม่หยิบท่อนไม้ออกมาจากโกดังสินค้าโดยไม่ลังเล แล้วฟาดออกไป
หวางหมาจื่อไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกฟาดเข้าที่แขนเต็มแรง เขายืนอึ้งอยู่กับที่ รู้สึกชาไปทั้งแถบเหมือนแขนหักอย่างไรอย่างนั้น
กลุ่มชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนั้นพลันพุ่งเข้าใส่เซี่ยโม่ทันที เธอใช้ไม้ฟาดชายหนุ่มกลุ่มนี้ไม่ยั้ง
ชายหนุ่มกลุ่มนี้ถูกฟาดจนเจ็บและชาไปทั้งตัว ก่อนจะถอยไปตั้งหลักอย่างหวาดกลัว ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี
การต่อสู้ในยกแรกนี้เซี่ยโม่เป็ฝ่ายเอาชนะไปได้ พอเห็นว่าชายหนุ่มกลุ่มนี้ล่าถอยไปแล้ว จึงหันหลังวิ่งไปทางหมู่บ้าน
ระยะนี้เซี่ยโม่มักจะตื่นขึ้นมาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวัน วันละหนึ่งชั่วโมง กอปรกับต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรทั้งวัน ร่างกายจึงแข็งแรงขึ้นมาก ทั้งยังคล่องแคล่วว่องไวขึ้นไม่น้อย
หลังจากเด็กสาววิ่งหนีไป ชายหนุ่มกลุ่มนี้ถึงเพิ่งได้สติกลับคืนมา จากนั้นก็วิ่งตามไป
ชาติที่แล้วหลังจากเกิดเื่ลักพาตัว เซี่ยโม่ระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
กลับชาติมาเกิดใหม่ หลังจากช่วยน้องชายกลับมาได้ เธอก็ไปตัดขาดกับบิดาและแม่เลี้ยง ล่วงเกินแม่ดอกบัวขาวและทำให้แม่ดอกบัวขาวเสียหน้า เธอเลยมั่นใจอย่างยิ่งว่าแม่เลี้ยงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
เธอเลยยืนหยัดที่จะออกกำลังกายทุกวัน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย ชาตินี้เธอไม่มีทางเป็คนอ่อนแอแบบชาติที่แล้วอีกเด็ดขาด
อีกทั้งเธอยังมีที่พึ่ง ในโกดังสินค้ามีกระบองไฟฟ้า เธอสามารถนำมันออกมาใช้ป้องกันตัวได้
เธอหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาเตรียมเอาไว้ เกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้ใช้มัน
ไม่ว่ายุคสมัยไหน กระบองไฟฟ้ากับกระบองธรรมดาล้วนหน้าตาเหมือนกัน พวกหวางหมาจื่อนึกว่าที่มือของเด็กสาวคือกระบองธรรมดา เลยหยิบกระบองจากพื้นขึ้นมาโดยไม่ลังเล
ยกแรกเธอเป็ฝ่ายชนะ แต่ยกนี้เธอไม่กล้าเสี่ยง พอเห็นบรรดาชายหนุ่มตรงหน้าหยิบกระบองขึ้นมา เธอวิ่งไปทางหมู่บ้านพร้อมกับร้องะโ “ช่วยด้วย…มีคนจะฆ่าฉัน…”
ตอนนี้คือ่ปิดเทอมฤดูร้อน เด็กๆ เลยได้พักอยู่บ้าน แต่ก็มีบางคนที่ขึ้นเขาไปหาของป่า
วิ่งมาจนใกล้จะถึงหมู่บ้าน เธอบังเอิญได้เจอคนรู้จักเข้าพอดี ตอนนี้ทุกคนในหมู่บ้านล้วนทราบกันหมดแล้วว่า เธอคือหลานสาวบ้านอู๋
ได้ยินเสียงร้องะโ ทุกคนต่างหยุดเดินแล้วหันไปมอง
พอเห็นว่ามีชายกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไล่ตามเซี่ยโม่มาก็รีบเข้าไปช่วยเหลือ
เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังมาทางนี้ เธอรีบเก็บกระบองไฟฟ้า
เห็นทุกคนต่างพากันมุงเข้ามากลายเป็เื่ใหญ่ หวางหมาจื่ออธิบายเป็พัลวันว่า “ทุกคนเข้าใจผิดแล้ว พวกเราแค่มาดูตัวเท่านั้น”
ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มคนมุงดู เขาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยเถียงกลับอย่างไม่เกรงใจ “ถุย ดูตัวอะไร แกหลบอยู่ในพุ่มไม้ พอเห็นเธอ แกก็รีบพุ่งเข้าไปจะจับตัวเธอทันที ฉันว่าพวกแกไม่ได้มาดูตัวหรอก แต่มาลักพาตัวมากกว่า”
หวางหมาจื่อรีบอธิบาย “พวกเราไม่ใช่พวกลักพาตัว พวกเรามาดูตัวจริงๆ”
ใครคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงดัง “พวกแกมาจากหมู่บ้านไหน”
หวางหมาจื่อซึ่งมีรูปร่างอ้วนเตี้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยกระพูดตอบ “พวกเรามาจากเฉินเจียโกว ป้าของฉันเป็คนแนะนำฝ่ายหญิงให้ ฉันต้องจ่ายเงินไปถึงร้อยหยวนกว่าจะได้มาดูตัว ป้าบอกว่าฝ่ายหญิงขี้อาย ทั้งยังบอกให้ฉันมารับฝ่ายหญิงเอง ฉันก็เลยเรียกเพื่อนมาด้วย”
หมู่บ้านเฉินเจียโกวอยู่ติดกับูเาจึงมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มาก บางคนดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์เป็หลัก ฐานะของคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่ค่อนข้างยากจน
พอฐานะยากจนจึงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานด้วย มีแต่ต้องใช้วิธีลักพาตัว
ผู้หญิงบางคนถูกซื้อตัวไปไม่ใช่แค่ไปเป็ภรรยาของผู้ชายแค่คนเดียว แต่ต้องไปเป็ภรรยาของพี่ๆ น้องๆ ของผู้ชายคนนั้นด้วย
เมื่อมีเื่นี้จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากแต่งงานกับคนในหมู่บ้านนี้
ชาวบ้านต่างหันไปมองหน้ากัน ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะเอ่ยขึ้นมา “ดูตัวต้องมีชื่อกับรูปภาพของฝ่ายหญิง แต่ที่พวกแกทำมันคือการลักพาตัวชัดๆ”
หวางหมาจื่อเอามือตบที่ศีรษะไม่แรงนัก “รูปภาพฉันก็มีเหมือนกัน ไม่เชื่อก็ดู เธอชื่อว่าเซี่ยโม่ คือเด็กสาวคนนี้แหละฉันจำได้”
เซี่ยโม่รู้สึกว่าเื่นี้ดูมีเงื่อนงำ หวางหมาจื่อบอกว่า้ามาดูตัว เธอเลยคิดว่านี่อาจจะเป็แผนของแม่เลี้ยง
ชาติที่แล้วหลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบลง แม่เลี้ยงจ้างคนมาลักพาตัวเธอ ทำให้ชื่อเสียงของเธอเสียหาย ทั้งหมดก็เพื่อให้บุตรสาวของตัวเองได้ลงเอยกับเซี่ยวฉางเซิง
ชาตินี้เธอสามารถตามหาตัวน้องชายจนเจอ อีกฝ่ายต้องแค้นเธอมากแน่ เงียบไปหลายวัน วันนี้ถึงเพิ่งลงมือเล่นงานเธอ
เธอก้าวเท้าออกไปพร้อมกับเอ่ยเหน็บแนม “คุณยังมีหน้ามาพูดอีก ใช่ คุณป้าของคุณคือแม่เลี้ยงของฉันจริง แต่พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาขายฉัน”
หวางหมาจื่อตอบกลับอย่างไร้ยางอายว่า “ขายอะไร ทำไมถึงได้พูดจาไม่น่าฟังแบบนั้น พ่อเธอเป็คนยกเธอให้ฉัน”
มุมปากยกยิ้มเ็า เพราะกลัวจะมีเื่แบบนี้เกิดขึ้น วันนั้นที่เธอตัดความสัมพันธ์กับบิดาและแม่เลี้ยง ถึงได้ให้เขียนสัญญาเป็ลายลักษณ์อักษรไว้
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “แม้แต่พ่อก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเื่การแต่งงานของฉัน พวกเราตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว”
เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า ที่จริงแล้วคือยื่นมือไปหยิบหนังสือตัดขาดความสัมพันธ์จากในโกดังสินค้าออกมาอ่านให้ทุกคนฟัง
“…ไม่ว่าจะแต่งงาน เจ็บป่วย หรือเสียชีวิตล้วนไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ทั้งยังมีลายมือชื่อของผู้ใหญ่บ้านลงนามเป็พยานด้วย”
ชาวบ้านทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“ฉันก็ได้ยินเื่นี้เหมือนกัน หลานชายของเหล่าอู๋ถูกแม่เลี้ยงให้คนพาตัวไปทิ้งบนรถไฟ เด็กสาวคนนี้ถึงได้ตัดขาดกับพ่อมันแล้วก็แม่เลี้ยง คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อมันกับแม่เลี้ยงจะยกเธอให้หลานชาย หน้าไม่อายจริงๆ”
“การกระทำแบบนี้มันไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ชัดๆ!”
ชายชราคนหนึ่งกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า “เ้าหนุ่ม เื่นี้เธอเองก็น่าจะรู้ ไม่งั้นคงไม่แอบอยู่ในพุ่มไม้รอให้เธอปรากฏตัวแทนที่จะไปบ้านเธออย่างเปิดเผย อีกอย่างเด็กสาวคนนี้ก็ยังอายุน้อย เธออายุมากกว่าตั้งหลายปี”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้