ในตอนนั้นเอง นักพรตเซวียนอี้และกั๋วฉานกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด แคว้นฉีเป็หนึ่งในแคว้นที่อ่อนแอที่สุดในทวีปตะวันออก ความแข็งแกร่งโดยรวมใกล้เคียงกับความแข็งแกร่งของแคว้นเฉียน เทียบกับขุมกำลังจากแคว้นที่ทรงอำนาจ ความแตกต่างมันมากมายนัก ทั่วทั้งแคว้นฉีไม่มีผู้เชี่ยวชาญจิติญญายุทธแม้แต่คนเดียว
นั่นคือเหตุที่ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์แทบไม่สนใจทั้งสองแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็แคว้นที่อ่อนแอที่สุดในทวีปตะวันออก การที่ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์มาที่แคว้นฉีเพื่อเชิญอัจฉริยะไปเข้าร่วมกับพวกเขา เป็โชคลาภอันดีต่อแคว้นฉี แต่เขาไม่ได้มีความสุขไปทั้งหมด และเขาเชื่อว่านิกายเทียนเจี้ยนและนิกายหุบเขาสุขสันต์เองก็รู้สึกเหมือนกัน
พวกเขาทั้งหมดต่างรู้ดีว่าหนานเป่ยเฉาเป็คนเช่นใด เขาไม่ใช่ผู้ที่สามารถพึงพอใจอยู่กับสถานที่เล็กๆเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมวังยุทธ สมดุลระหว่างขุมกำลังใหญ่ของแคว้นฉีจะถูกชายผู้นี้บดขยี้อยู่ดี เมื่อหนานเป่ยเฉาเข้าร่วมวังยุทธและราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์ ระดับการบ่มเพาะของเขาจะพุ่งทะยาน ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างนิกายใหญ่ทั้งสี่ นิกายใหญ่อีกสามจะต้องเผชิญกับวิกฤติอย่างแท้จริง
แต่ทว่าเจียงเฉินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขามีท่าทางตื่นเต้น ความคิดของเขาได้รับอิทธิพลอย่างมาก เขาไม่เคยหวาดกลัวว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่ง เพราะในความคิดของเขายิ่งศัตรูแข็งแกร่งมากเท่าใด ก็จะยิ่งท้าทายมากขึ้นเท่านั้น การปรากฎของราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์และวังยุทธได้ทำให้จิตใจเขาฟุ้งซ่ ทันใดนั้นเขาได้พบเป้าหมายใหม่ คือราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์และวังยุทธ
หนานเป่ยเฉาเป็ผู้ที่ไม่อาจจมปลักกับสถานที่เล็กๆ และตัวเจียงเฉินเองก็เป็ัในหมู่คนผู้ที่ไม่ช้าจะทะยานผ่าน์เก้าชั้น แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นฉีเป็เพียงก้าวเล็กๆไปสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับเจียงเฉิน วังยุทธและราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์กลายเป็เป้าหมายใหม่ของเขา
เจียงเฉินมีความทะเยอทะยานเป็อย่างมากและคิดการใหญ่ และไม่ช้าก็เร็ว เขาจะไปถึงจุดสูงสุดของทวีปตะวันออกและเริ่มการเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ เขาจะต้องนำสิ่งที่เคยเป็ของเขาในชีวิตที่ผ่านมากลับคืนมา ดาบเซียน์ของที่ร่วงหล่นที่หน้าผาเซียน และเมื่อร้อยปีก่อน เขาได้ใช้มันเบิกทางสู่โลกเซียน ในชีวิตนี้เขาจักต้องผ่า์อีก
นี่คือความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของเจียงเฉิน แคว้นฉีเป็เพียงก้าวแรกไปสู่เป้าหมายสุดท้ายของเขา ราชวงศ์าศักดิ์สิทธิ์และวังยุทธเป็ก้าวถัดไปของเขา
"นั่นไม่สำคัญ ยิ่งหนานเป่ยเฉาแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด มันยิ่งดีเท่านั้น ข้าล่ะกลัวนักหากศัตรูไม่แข็งแกร่งมากพอ ไม่เช่นนั้นกำหนดการณ์ที่จะต่อสู้ชี้ตายในหนึ่งปีย่อมไร้ความหมาย ท่านผู้นำไม่ต้องกังวลเื่นี้ให้มากนัก โครงสร้างของแคว้นฉีจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน และมันไม่อาจที่จะใช้เวลานานนักก่อนมันจะเกิดขึ้น แต่ผู้ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างแคว้นฉีมิใช่หนานเป่ยเฉา แต่เป็ข้า เจียงเฉิน!"
เจียงเฉินค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่ง สองมือไขว้หลังและเขาแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องมองไปยังดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้าด้วยดวงตาเป็ประกาย พลังปราณที่รั่วไหลออกจากร่างของเขา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเพิกเฉยได้
นักพรตเซวียนอี้และกั๋วฉานต่างมองกันเอง ดวงตาของพวกเขาเผยถึงความประหลาดใจ ทุกๆครั้งเจียงเฉินมักให้ความประทับใจที่แตกต่างกันและตอนนี้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูยิ่งใหญ่นัก มันเป็จิติญญาของผู้ที่พยายามไปให้ถึงจุดสูงสุดของ์ แค่เพียงเขาที่ยืนอยู่ที่นี่ กลิ่นอายของผู้สูงส่งที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเทิดทูน
"ดีมาก เจียงเฉิน เ้านี่ไม่ธรรมดาจริงๆ พร์ของเ้าอาจเหนือยิ่งกว่าหนานเป่ยเฉา และข้าหวังจริงๆว่านิกายเซวียนอี้จะมีอัจฉริยะไร้ที่เปรียบ และข้าหวังว่าสักวันหนึ่ง นามของนิกายเซวียนอี้จะเป็ที่รู้จักทั่วทวีปตะวันออก"
นักพรตเซวียนอี้ยืนขึ้นจากนั่นเอามือตบบ่าเจียงเฉินและเดินจากไป
"น้องชาย เ้าเป็บุรุษผู้มากด้วยปาฎิหารย์ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เ้าไม่อาจทำไม่สำเร็จ ข้าเชื่อว่าหนานเป่ยเฉาไม่อาจวัดรอยเท้ากับเ้าได้"
กั๋วฉานพูดออกมาอย่างจริงใจ
"อย่างไรก็ตาม หนานเป่ยเฉาไม่อาจที่จะดูถูกได้ ตอนนี้มันได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เ้าจำเป็ต้องเร่งพัฒนาตนเอง และหมั่นฝึกฝน"
"ครั้งนี้ที่เดินทางไปยังหุบเขาสายหมอก ข้าได้รับสมบัติบางอย่างติดมือมาด้วย และด้วยสิ่งนั้น ข้าเชื่อว่าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์ขั้นปลายได้ พี่กั๋ว ข้าจะกลับไปยังที่พักและปิดด่านฝึกตน โปรดช่วยข้าดูแลหยวี่น้อยและอาหยานด้วย"
เจียงเฉินกุมมือต่อกั๋วฉาน
"น้องชาย เ้ามีสมาธิกับการบ่มเพาะเถิด ที่นี่ปล่อยให้ข้าดูแลเอง"
กั๋วฉานทุบอกให้สัญญา
เจียงเฉินพาหวงต้าออกจากยอดเขากั๋วฉาน จากนั้นกลับไปยังเรือนที่พัก แม้ว่าเขาจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์แล้ว เขายังคงไม่ได้เป็ศิษย์ในอย่างเป็ทางการ ดังนั้นเขายังคงพักอยู่ที่เดิม
แน่นอนเจียงเฉินไม่ได้ใส่ใจกับตำแหน่งศิษย์ใน ด้วยชื่อเสียงของเขาในนิกายเซวียนอี้ กระทั่งผู้าุโแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ยังต้องเคารพต่อหน้าเขา ตำแหน่งเล็กน้อยล้วนไม่สำคัญ
เรือนที่พักที่ได้รับความเสียหายได้ถูกหวังหยุนและศิษย์คนอื่นๆซ่อมแซมแล้ว และมันดูงดงามเหมือนก่อน เมื่อเจียงเฉินกลับไปยังเรือนที่พัก เขาปิดด่านฝึกตนทันที
"หวงต้า ข้าจะเก็บตัวบ่มเพาะและดูดซับไข่ทองคำ และข้าคิดว่าจำเป็ต้องใช้หนึ่งถึงสองวันในการทำมัน ช่วยคุ้มกันสถานที่แห่งนี้อย่าปล่อยให้ผู้ใดมารบกวนใน่เวลานี้เชียวล่ะ"
เจียงเฉินพูดออกมา
"บัดซบ เ้าขอให้บิดาทำเช่นนี้เสมอเลยนะ! นายท่านหมาเป็ตัวตนอันสูงส่ง แต่เ้าขอให้ข้าคุ้มกันที่นี่เพื่อเ้าเนี่ยนะ!"
หวงต้าพูดออกมาอย่างสลดใจ
เจียงเฉินกรอกตาขาว จากนั้นเขาตบลงบนหัวของหวงต้า ทันใดนั้นเขานึกถึงทุกๆครั้งที่เขาขอให้หวงต้าคุ้มกันขณะที่เขาปิดด่าน เ้าหมานี่มักจะนอนหลับ แน่นอนว่าระดับการบ่มเพาะของมันจะก้าวะโทุกครั้งเพื่อมันตื่นขึ้น
"เ้าหมาเวร หุบปากและคุ้มกันบิดาซะ เว้นแต่เ้าจะหลับ อย่างไรก็ตามหากเ้าจะนอนหลับทางที่ดีเ้าควรจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์!หากไม่ยอมคุ้มกันระหว่างข้าทำการปิดด่านและไม่ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ บิดาจะขยี้น้องชายหมาของเ้าแน่นอน!"
เจียงเฉินข่มขู่หวงต้า หลังจากนั้นเขาหันกลับเข้าห้องโดยไม่สนใจสายตากินเืกินเนื้อของหวงต้า
"กล้าดีอย่างไรมาข่มขู่จะขยี้น้องชายหมาของข้า?! นี่มันสุดจะทนแล้วโว้ย!ท่านย่าทวดมันเถอะ นายท่านหมาผู้นี้โกรธแล้ว โฮ่ง โฮ่ง แฮร่! บัดซบ! เ้าหนู เมื่อเ้าออกมาข้าจะกัดก้นเ้าให้บวมเลย!"
หวงต้าแยกเขี้ยวออกมาขณะที่มันะโและกลิ้งไปรอบๆในเรือนที่พักด้วยความโกรธ
ภายในห้อง เจียงเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะ เขาได้ปรับตนเองให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม จากนั้นนำไข่ทองคำออกมาจากแหวนมิติ
"ไข่ทองคำนี่บรรจุแก่นแท้พลังงานของหมูป่าหนามอัคคี และพลังงานที่อยู่ภายในมีมากมายนัก หากข้าได้ดูดซับมันทั้งหมด ข้าสามารถที่จะสร้างตราประทับัได้ถึงหนึ่งร้อยดวงและทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์ขั้นปลายได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางทั่วไป ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีกต่อไป"
ดวงตาของเจียงเฉินวาวโรจน์ ไข่ทองคำนี่ได้รับมาโดยคาดไม่ถึงอย่างแท้จริงระหว่างการเดินทางในหุบเขาสายหมอก เร็วๆนี้เขาจะลงไปยังนรกอเวจีและเป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายอย่างยิ่ง หากว่าเขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์ขั้นปลายและรากฐานของข้าก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นจะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าไปยังนรกอเวจี
นอกจากนี้เจียงเฉินได้เห็นว่าหมูป่าหนามอัคคีได้ต่อสู้อย่างไร เขาสนใจความสามารถดั้งเดิมของมันอย่างมาก ความสามารถที่ทำให้เขามีการป้องกันที่ทรงพลังและสามารถใช้จู่โจมได้ด้วย หากเจียงเฉินได้รับการสืบทอดความสามารถดั้งเดิมของหมูป่าหนามอัคคีมา จะทำให้เขาได้รับไพ่ตายที่ทรงพลังเพิ่มอีกหนึ่ง
เปรี๊ยะๆๆ...
เสียงเปรี๊ยะๆดังออกมาจากร่างของเจียงเฉิน ทักษะร่างแปลงัเริ่มโคจรด้วยความเร็วสูงและดูดซับไข่ทองคำทีละน้อยทีละน้อย
เช้าวันถัดมา เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฎขึ้นเหนือท้องฟ้า ทันใดนั้นเสียงะโดังก้องจากด้านนอกประตูหลักนิกายเซวียนอี้
"เจียงเฉิน จงออกมารับความตายเดี๋ยวนี้!"
เสียงะโดังสนั่นดุจฟ้าผ่า และมันดังก้องทั่วูเาเซวียนอี้ คลื่นเสียงได้กลายเป็ระลอกคลื่นกวาดผ่านทั่วสถานที่ ส่งผลให้ทุกคนในนิกายเซวียนอี้ได้ยินอย่างชัดเจน
"ใครกัน?กล้าดีอย่างไรมาแหกปากหน้าประตูั้แ่เช้าตรู่?มันคิดว่าที่นิกายเซวียนอี้ไม่มีีผู้ใดสู้มันได้?"
"มารดามันเถอะ!เ้าสารเลวนั่นเป็ใครกัน?มันกล้าดีอย่างไรมาที่นิกายเซวียนอี้และมาแหกปากให้ศิษย์พี่เจียงเฉินออกมารับความตาย?มันเบื่อชีวิตแล้วงั้นเรอะ?"
"ข้าคิดว่ามันมาหาที่ตาย เื่ที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด หลี่หวู่หลิงจากนิกายเทียนเจี้ยนมาที่นี่แต่เช้าและ้าสังหารศิษย์พี่เจียงเพื่อแก้แค้นแทนพี่ชายของเขา หลี่หวู่ซวง แต่ท้ายที่สุดมันก็ถูกศิษย์พี่เจียงสังหาร"
"ไปดูกันเถอะ ไปดูกันว่าผู้ใดกระสันอยากตายถึงขนาดนั้น"
ไม่นานหลังจากนั้น ศิษย์จำนวนมากได้ออกมาจากนิกายเซวียนอี้ บรรดาศิษย์ในได้บินมาที่นี่อย่างรวดเร็ว รวมถึงบรรดาศิษย์นอกที่วิ่งตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง บนท้องฟ้าด้านนอกนิกายเซวียนอี้ ชายผู้สวมชุดสีเทาราวกับขี้เถ้ากำลังลอยอยู่บนอากาศ ชายผู้นี้อายุราวๆยี่สิบตอนปลาย เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา และมันดูสูงส่ง พลังปราณของมันพวยพุ่งสู่์ และจิตสังหารแผ่ออกมาอย่างรุนแรง
สัญลักษณ์ดาบสั้นไขว้บนอกของชายผู้นั้น มันเป็สัญลักษณ์ของนิกายเทียนเจี้ยน
"ท่านย่าทวดมันเถอะ! นี่มันมาจากนิกายเทียนเจี้ยน แต่มันเป็ใครกัน? เหตุใดข้าไม่เคยพบมันมาก่อน?"
"พลังปราณของมันกล้าแกร่งมาก มันเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์!เมื่อใดกันที่นิกายเทียนเจี้ยนมีผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังหนุ่มเช่นนี้?"
"ข้ารู้จัก นามของมันคือ หยุนฉาน มันเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งนิกายเทียนเจี้ยน มันได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์เมื่อสองปีก่อน และได้กลายเป็ศิษย์หลักของนิกายเทียนเจี้ยน หลังจากนั้นมันได้ออกไปฝึกฝนสักแห่งและตอนนี้มันได้กลับมาแล้ว"
"คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็ศิษย์หลักของนิกายเทียนเจี้ยน ศิษย์คนใดที่สามารถทะลวงเข้าสู่แก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อนอายุสามสิบจะได้กลายเป็ศิษย์หลัก แต่ศิษย์หลักมีเพียงไม่กี่คน และแต่ละคนได้ไปยังสถานที่ใหญ่โตกว่านี้เพื่อที่จะฝึกฝน ดังนั้นพวกเขาจะไม่อยู่ภายในนิกาย ข้าคิดว่าหยุนฉานผู้นี้มาที่นี่เพื่อสังหารศิษย์พี่เจียงและแก้แค้นให้แก่เหลียงเซียว"
..............
หลายคนจำชายผู้นี้ได้ มันเป็ศิษย์หลักของนิกายเทียนเจี้ยน ในแคว้นฉีศิษย์หลักเป็ดั่งสัญลักษณ์ ในแต่ละนิกายจะมีศิษย์หลักอยู่ไม่เกินสองคน ผู้ที่สามารถเป็ศิษย์หลักได้จะต้องเป็อัจฉริยะที่หาได้ยาก และทุกคนจะมีความภาคภูมิใจและหยิ่งยโส เมื่อพวกเขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะออกจากแคว้นฉีและทำการฝึกตนในสถานที่ใหญ่โตและทรงพลังยิ่งกว่า
หยุนฉานเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากของนิกายเทียนเจี้ยน เมื่อสองปีก่อน มันได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์และได้ออกจากนิกายเทียนเจี้ยนไป และตอนนี้มันได้กลับมาเมื่อไม่นานและได้รู้ว่าเหลียงเซียวถูกเจียงเฉินสังหาร นั่นทำให้มันโกรธเกรี้ยวและบุกมายังนิกายเซวียนอี้เพื่อสังหารเจียงเฉิน
"ศิษย์หลักแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็อัจฉริยะที่แท้จริง!เหล่าผู้าุโนิกายของนิกายเทียนเจี้ยนไม่อาจลงมือกับศิษย์พี่เจียงด้วยตนเองได้หลังจากที่เขาได้สังหารเหลียงเซียว และไม่มีศิษย์คนใดในหมู่ศิษย์รุ่นเยาว์ของนิกายเทียนเจี้ยนที่สามารถมีชัยเหนือศิษย์พี่เจียง เมื่อหยุนฉานกลับมา พวกมันสามารถใช้อัจฉริยะรุ่นเยาว์เพื่อไปท้าทาย นั่นทำให้พวกมันมีข้ออ้างได้อย่างดี"
"บรรดาศิษย์หลักต่างเป็สัตว์ประหลาดที่ผิดปกติ!แม้ว่าหยุนฉานเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น มันสามารถสู้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้! บางทีศิษย์พี่เจียงเฉินอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้มันก็เป็ได้"
