ในสายตาเขา ภรรยาตัวน้อยคนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็สวยเหลือเกิน
หลังจากปลูกต้นอ่อนถั่วลันเตาไปราวๆ ห้าจิน ซูฉีเฉียวก็ยกถาดที่ปลูกเสร็จแล้วไปวางไว้ในห้องนอน
อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ หาก้าปลูกต้นอ่อนถั่วลันเตาจะต้องจุดตั่งนอน ยามนี้ที่บ้านเหลือฟืนไม่มาก วันนี้นางต้องไปหาฟืนมาเพิ่ม
ในตอนที่นางกำลังตั้งใจจะออกไปหาฟืน ด้านนอกก็มีเสียงหลานชายดังขึ้น
“ท่านอาสะใภ้ ท่านย่าของข้าให้มาเรียกท่านไปช่วยปลูกผัก” เ้าเด็กคนนั้นเอ่ยเสร็จก็หมุนตัววิ่งออกไป
ซูฉีเฉียวถอนหายใจ ตอนนี้พวกนางยังไม่ได้แยกครอบครัว แม่เฒ่าจางมีอะไรมาสั่งอีก อย่างไรนางก็คงต้องไป แต่ว่านางเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ปกติแม่เฒ่าจางก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้านางอยู่แล้ว หากเลี่ยงที่จะไม่พบเจอกับนางได้แม่เฒ่าจางก็จะทำ
งานเพาะปลูกที่ทำอยู่นั้นหากไม่ได้ยุ่งเป็พิเศษก็ไม่มีทางมาเรียกนางไปเด็ดขาด ยามนี้แค่ปลูกผักก็มาตามนางไป นี่เป็เื่ผิดปกติชัดๆ
แน่นอนว่างานก็ต้องช่วยทำ แต่ซูฉีเฉียวไม่ได้คิดจะรีบร้อน นางขึ้นไปหาฟืนบนเขาก่อนและถือโอกาสไปหาของป่าเล็กน้อยมาด้วย
ตลอดทางที่เดินมานั้น นางรู้สึกว่ามีคนเดินตามจากด้านหลัง
ทว่าตอนที่นางหันหลังไปกลับไม่พบเงาของใครสักคน
ระหว่างทางนางก็พบกับแม่เฒ่าฉีจากตระกูลหลิว แม่เฒ่าฉีกำลังแบกฟืนกองใหญ่ลงมาจากเขา
เมื่อเห็นแม่เฒ่ารูปร่างผอมแห้ง แต่กลับแบกฟืนกองใหญ่เช่นนั้น ซูฉีเฉียวก็รู้สึกเหนื่อยแทน
นางแสดงความหวังดี ซูฉีเฉียวเข้าไปช่วยแม่เฒ่าแบกฟืนลงไปจนถึงตีนเขา ต้องบอกเลยว่าแบกฟืนกองใหญ่เช่นนี้เหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าฉีที่อายุเกือบเจ็ดสิบปีคนนี้เหตุใดถึงยังมีเรี่ยวแรงขึ้นเขาอยู่อีก
ซูฉีเฉียวถอนหายใจและรีบขึ้นเขาไปหาฟืน นางไม่กล้าที่จะมัวโอ้เอ้ จึงเก็บผักป่าที่ไม่ได้สวยงามเท่าไรนักจากข้างทางเพื่อนำกลับบ้าน
ดื่มน้ำไปเพียงหนึ่งถ้วยนางก็รีบมุ่งหน้าไปช่วยงานที่บ้านหลักของตระกูลจาง
ยามที่เดินเลี้ยวโค้งไปนั้น ซูฉีเฉียวก็เห็นจางต้าและภรรยาเดินผ่านไปด้วยความงุนงง
นางครุ่นคิดว่าเวลานี้ก็มีจางต้าและพี่สะใภ้กำลังทำงานอยู่ จากความรู้สึกของนาง เื่ในครั้งก่อนคงจะทำให้ครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างแน่นอน
โชคดีที่แปลงปลูกผักไม่ได้ใหญ่มากนัก หลังจากที่แม่เฒ่าจางใช้ให้นางนำผักกาดขาวไปปลูกแล้วก็ปล่อยให้นางกลับบ้าน
และในตอนที่นางกำลังจะกลับนั้น จางต้าและภรรยาก็ได้นำศพของบางสิ่งที่ตายแล้วเอาไปฝังไว้ตรงที่ผืนนั้น
ซูฉีเฉียวกลับบ้านได้อย่างง่ายดายและนำผักป่าที่เก็บมาเตรียมมาทำอาหาร
ก่อนที่นางจะเห็นนางจางหลิ่ว จางต้าและภรรยาเดินเข้ามาก่นด่า
“ตัวซวยอย่างเ้าน่าจะถูกจับถ่วงน้ำ[1]จริงๆ ดวงของเ้าแข็งเกินไปแล้ว คราแรกก็ทำให้แม่เฒ่าฉีล้มจนาเ็ ยามนี้ยังจะเข่นฆ่าสิ่งที่ใช้ทำเงินของครอบครัวข้าตายอีก ที่ดินผืนนั้นนองเือย่างอธิบายไม่ได้ สะใภ้อย่างเ้าผู้ใดเขาจะอยากได้กัน”
เมื่อเข้ามาในบ้าน จางต้าและภรรยาก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง ทั้งปาดน้ำตาทั้งคร่ำครวญ
จางเฉาิได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด ซูฉีเฉียวรับรู้ได้ทันทีว่าเหตุใดก่อนหน้านี้ตนจึงได้รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกพิกล นางรู้สึกว่าการที่จางต้าและสะใภ้ใหญ่ของตระกูลจางไม่ได้ลงมือทำอะไรมานาน ไม่ใช่เพราะพวกเขาลืมนางไปแล้ว แต่เพราะอยากจะตีนางให้ตายต่างหาก
ในหมู่บ้านชนบทเช่นนี้ ตราบใดที่ได้รับสมญานามว่าเป็คนที่มีดาวแห่งความโชคร้ายก็จะต้องรับชะตากรรมไปตลอดชีวิต
นางเผยรอยยิ้มเ็า มองไปยังจางต้าและภรรยา นางตัดสินใจจะดูว่าคนเหล่านี้้าทำอะไร
นางจางหลิ่วมองสะใภ้ใหญ่ที่ยังโวยวายไม่หยุดจึงยื่นมือออกไปห้ามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็มองไปที่จางเฉาิด้วยแววตารังเกียจเดียดฉันท์ ก่อนที่สุดท้ายนางจะใช้สายตาคู่นั้นมองไปยังซูฉีเฉียว
“เื่ของครอบครัวเหล่าซื่อ เคราะห์ร้ายของเ้ายังคงไม่ถูกลบล้างไป ตอนแรกข้าคิดว่าเื่ที่เกิดขึ้นเ่าั้เป็เพียงความบังเอิญ แต่วันนี้เ้าทำให้เกิดเื่ราวที่ไม่คาดคิดถึงสองเื่ติดต่อกัน นั่นเป็เครื่องยืนยันว่าหญิงสาวอย่างเ้าเป็ตัวซวยจริงๆ
เมื่อเช้าเ้าเพิ่งจะพบเจอกับแม่เฒ่าฉี แม่เฒ่าฉีก็ถูกเ้าทำให้ล้มจนตอนนี้ยังไม่ฟื้น ว่ากันว่านางจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็คงต้องพึ่งโชคชะตา เมื่อกลางวันที่เ้าไปปลูกผักที่บ้าน ถึงกับทำให้ขุดเจอซากของมัน มันใช้ชีวิตปกติดีมาตลอด แต่หลังจากที่เ้ากลับมามันก็ตายอยู่ตรงแปลงผัก ที่น่าโมโหก็คือที่ดินผืนนั้นมีขนาดกว้างขวาง แต่กลับนองไปด้วยเือย่างไร้เหตุผล เื่เหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะเ้า ข้าจะไม่เผยแพร่เื่ความซวยของเ้าออกไป เ้ากับเหล่าซื่อออกจากบ้านนี้ไปตัวเปล่าเสียเถิด ข้าไม่อยากจะให้คนในครอบครัวนี้ถูกเ้าทั้งสองคนทำให้ตายอีก”
คราแรกซูฉีเฉียวอยากจะโต้แย้ง แต่เมื่อได้ยินว่าให้ออกจากครอบครัวไปตัวเปล่านางก็ชะงักไปทันที อันที่จริงในใจกลับเปี่ยมไปด้วยความสุข นางไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวการที่ต้องออกไปจากครอบครัวนี้ อย่างไรพวกนางก็มีมือมีเท้า สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเอง
แต่ว่าหากจะดีใจตอนนี้ก็คงจะเร็วไปสักหน่อย
“ทว่ารอให้ร่างกายของเหล่าซื่อหายดีก่อน เมื่อพวกเ้าไปล่าสัตว์ก็จะต้องส่งเงินกลับมาให้ที่บ้านสามตำลึงเงินทุกปี” นั่นคือสิ่งที่นางจางเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง นางเป็โจรชัดๆ หลายปีก่อนเหล่าซื่อออกไปล่าสัตว์ก็กอบโกยไว้ได้มาก ปีหนึ่งได้เงินสามตำลึงเงิน ขับไล่พวกนางออกไปแล้วก็ยังจะเก็บเงินเช่นนี้อีกหรือ
“ท่านแม่…ท่านไม่ได้คิดเผื่อพวกเราเลยหรือ พวกเราก็ต้องกินต้องใช้เช่นกัน” ซูฉีเฉียวรู้สึกเศร้าโศกและขุ่นเคือง แม่เ้า นางไม่เคยเห็นแม่สามีที่ไหนลำเอียงเช่นนี้มาก่อน เงินที่ได้แต่ละปีจะต้องนำมามอบให้นางทั้งหมด
นางจางเผยรอยยิ้มเ็า “การที่เรียกร้องจากพวกเ้ามากก็เป็เพราะความกตัญญู ไม่ว่าอย่างไรพวกเ้าก็ต้องทำ”
ซูฉีเฉียวโกรธจนต้องกัดฟัน แม่สามีคนนี้เอาเื่ความกตัญญูมาอ้าง ใครใช้ให้ยุคนี้เป็ยุคแห่งความกตัญญูกันเล่า
ทางฝั่งจางเฉาิที่ฟังอยู่ก็โกรธอย่างมาก วันนี้เขาได้เห็นความชั่วร้ายของมารดาคนนี้ด้วยตาตนเองแล้ว ยามแรกตัวเขาก็รู้สึกผิด แต่เพราะความเ็ปจากความผิดหวังที่นางจางหลิ่วได้สั่งให้แยกตัวออกไป ทำให้เขากวาดสายตาเ็าไปยังนางจางหลิ่ว “พวกเราจะออกไปจากที่นี่และจะยอมมอบเงินให้กับพวกท่าน แต่ในหนึ่งปีพวกเราจะมอบให้แค่สองตำลึงเท่านั้น พวกเราต้องใช้ชีวิต ข้ามีลูกมีภรรยาที่ต้องเลี้ยงดู เงินจากการล่าสัตว์ในแต่ละปีจะได้อยู่ที่สามตำลึง ปีนี้ยังถือว่าโชคดีที่ได้เงินจากการทำงานเพิ่มอย่างหนัก พวกท่านได้สองตำลึง พวกข้าห้าคนจะเหลือหนึ่งตำลึง เื่ที่ลูกทำให้ได้ก็มีเท่านี้ หากท่านแม่ไม่ตอบตกลง เช่นนั้นพวกท่านก็บีบบังคับให้พวกเราตายเถิด”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ ทำให้นางจางหลิ่วตกตะลึง จางต้าและภรรยาก็ยิ่งตาค้าง ซูฉีเฉียวลอบปรบมือรัวๆ
บุรุษผู้นี้รู้แจ้งเห็นจริงแล้วสินะ เขารู้จักที่จะต่อสู้เพื่อความผาสุกของตนเองแล้ว ถึงแม้จะเป็เพียงเื่เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ถือว่าเป็จุดเริ่มต้นที่ดี ข้าวยังต้องกินทีละคำ การเปลี่ยนแปลงของคนก็ต้องเป็ไปทีละขั้นเช่นกัน
“เหล่าซื่อ ที่ผ่านมาไม่เจอหน้ากันแค่ไม่กี่วัน เ้าก็เรียนรู้ที่จะต่อต้านแม่แล้วหรือ เ้า…เ้ามันคนอกตัญญู ข้าจะตีเ้าให้ตาย”
นางจางหลิ่วโกรธมาก เหล่าซื่อที่เป็คนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาทำตามที่นาง้ามาโดยตลอด แต่ยามนี้ขัดคำสั่งนางเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไรกัน
มือข้างหนึ่งเหวี่ยงมา จางเฉาิไม่หลบหลีกแม้แต่น้อย ทำให้ใบหน้าปรากฏรอยฝ่ามือทั้งห้านิ้ว ทำเอาซูฉีเฉียวที่เห็นถึงกับอ้าปากค้าง
แม่สามีคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว
“ท่านแม่…ข้ารู้ดีว่าท่านไม่ได้มองว่าข้าเป็ลูกในสายเื เื่นั้นข้าไม่โกรธท่าน วันนี้อยากตบตีข้าก็ได้ทำแล้ว เงินก็จะเอา ท่านอยากจะได้อะไรอีก ข้ายังพูดคำเดิม ไม่เช่นนั้นท่านก็ฆ่าเราทั้งห้าคนตายไปเสียตอนนี้เลย หรือท่านจะให้ทางเลือกได้มีชีวิตรอดกับข้า ทุกปีหลังจากนี้พวกท่านจะได้เงินปีละสองตำลึง ครอบครัวของพวกท่านหนึ่งปีใช้เงินไม่เกินหนึ่งตำลึง เงินสองตำลึงเป็เงินที่ข้าให้ได้มากที่สุดแล้ว ท่านอยากได้อะไรอีก ท่านแม่ การที่ท่านบีบบังคับให้พวกเราตายมีผลดีอะไรต่อท่านหรือ พวกข้าอยากมีชีวิตรอดก็ต้องอยู่ให้ได้ หรือมีเพียงพวกท่านที่มีชีวิตได้ ส่วนพวกข้าไม่สมควรอย่างนั้นหรือ”
วาจาที่กล่าวแทบร่ำไห้เป็สายเื แค่ได้ฟังก็ทำเอาซูฉีเฉียวรู้สึกราวกับจะร้องไห้ นางเห็นว่าด้านนอกมีเงาคนเดินเข้ามา คำพูดที่นาง้าก่นด่านางจางหลิ่วก็ถูกกลืนหายไป เป็เื่ดีที่จะทำให้ผู้อื่นได้เห็นความชั่วร้ายในวิธีการของแม่สามีที่เอาแต่เื่ความกตัญญูมากดขี่พวกนาง
นางจางหลิ่วโมโหมาก นางตั้งใจจะก้าวขึ้นมาเพื่อสั่งสอนจางเฉาิอีกครั้ง
“แคกๆ…ข้าว่านะตระกูลจาง ไม่เป็อะไรหรอกที่พวกเ้าสร้างปัญหามานานเช่นนี้ กล่าวกันตามตรง การขับไล่ผู้อื่น อีกทั้งยังเรียกร้องให้จ่ายเงินปีละสองตำลึง เช่นนี้น่าจะพอได้แล้วกระมัง คนเราสูงส่งอยู่ที่ปัญญา ตระกูลจาง หากพวกเ้าบีบบังคับให้พวกเขาตายจริงๆ แล้วพวกเ้าจะได้อะไรหรือ บุตรชายของเ้าต้องเรียนหนังสือ บุตรสาวก็ต้องออกเรือน การที่เ้าชี้นิ้วสั่งบุตรชายเหล่านี้คงไม่ใช่เื่ผิด แต่เ้าก็ต้องเหลือหนทางให้ตนเองรอดเช่นกัน เหมือนกับพวกสัตว์นั่นแหละ หากให้พวกมันทำแต่งาน ไม่คำนึงถึงการทะนุถนอม สุดท้ายมันเหนื่อยและตายไป เช่นนั้นไม่ใช่เ้าหรอกหรือที่สูญเสีย ตระกูลจางฟังที่ข้าพูดเถิด ต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน”
อันที่จริงนางจางหลิ่วเองก็รู้เหตุผลนี้ เดิมทีนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ครอบครัวของจางเฉาิมอบเงินทั้งหมดให้ตนเองอยู่แล้ว แต่ว่าเมื่อจางเฉาิต่อต้านคำพูดของนางและทำให้นางขายหน้าต่อหน้าผู้อื่น ยามนี้เมื่อถูกผู้เฒ่าในหมู่บ้านโน้มน้าวนางก็โอนอ่อนตาม
ความวุ่นวายในการแยกครอบครัวจบด้วยการที่ทั้งคู่ย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนทรุดโทรมหลังนี้
เื่ที่น่าโมโหก็คือ มีดหนึ่งเล่มและหม้อหนึ่งใบในบ้านของพวกนางก็ถูกนางจางหลิ่วยึดกลับไป
จากสิ่งที่นางพูด นั่นคือการให้ออกจากครอบครัวไปตัวเปล่า ดังนั้นสิ่งที่นางเคยมอบให้ก็จะถูกนางเอากลับไปด้วย…
อันที่จริงของเ่าั้เป็สิ่งที่เ้าของร่างเก่าจัดเตรียมเอาไว้ต่างหาก แต่ซูฉีเฉียวก็ไม่อยากจะถือสาหาความอะไรกับพวกนาง
ขอแค่ภายภาคหน้าไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้อีก แยกกันเช่นนี้คงเป็เื่ที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ว่าหลังจากที่นางแยกครอบครัวมา จางต้าและภรรยาก็หาเื่ที่จะแยกครอบครัวเช่นกัน หลังจากที่สร้างความวุ่นวายอยู่สองสามวัน สุดท้ายแล้วนางจางหลิ่วก็จำใจยอมแยกครอบครัว
ได้ยินมาว่าจางต้าและภรรยาไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ดีมากพอ คนตระหนี่อย่างนางจางหลิ่วจะยอมมอบของมากมายให้กับพวกนางได้อย่างไรกัน แม้แต่ที่ดินก็แบ่งให้กับพวกนางแค่หนึ่งหมู่[2]เท่านั้น แน่นอนว่าคนที่ได้น้อยที่สุดก็ยังได้รับการแบ่งที่ดินถึงสองหมู่ ที่ดินที่เป็ดินทรายก็ได้รับไปถึงสองหมู่ เมื่อคำนวณดูแล้ว ครอบครัวของจางต้าเองก็ยังถือว่ามีทรัพย์สินของครอบครัวอยู่
ส่วนซูฉีเฉียวและจางเฉาิสองคนนั้น ไม่มีที่ดินแม้แต่เฟิน[3]เดียว
“ภรรยา จากนี้ข้าจะไปถางที่สำหรับเพาะปลูก” จางเฉาิเอ่ยออกมาขณะที่กำลังเก็บของในเรือน เขาอดกลั้นอยู่ครึ่งค่อนวันถึงได้เอ่ยประโยคนี้ออกมา
ซูฉีเฉียวรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง “เื่ถางที่เป็สิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่ว่าหลังจากนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะต้องอยู่ที่นี่สักหน่อย ที่ที่เ้าไปล่าสัตว์ข้าได้ยินมาว่ามันเป็สถานที่ที่ไม่เลวเลย พวกเราไปถางที่ดินเพาะปลูกกันที่นั่น หลังจากนี้ครอบครัวของพวกเราก็ไปอาศัยอยู่ที่นั่น เ้าไม่เคยคิดเช่นนั้นหรือ”
ไปให้ห่างจากที่นี่ ไม่ต้องแบ่งปันอาหารกับแม่สามีใจเหี้ยม ซูฉีเฉียวคิดว่าตนเองจะต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากแน่
มือที่ถือข้าวของอยู่ของจางเฉาิชะงักไป เงยหน้ามองด้วยแววตาเหลือเชื่อ “ภรรยา เ้าหมายความว่า…ต่อไปพวกเราจะถางที่ดินเพาะปลูก ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นู่นหรือ ข้า…ข้าไม่เคยคิดถึงเื่นี้เลย ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องคิดเื่นี้อย่างจริงจังแล้ว”
เขารู้แค่ว่าที่นั่นเป็สถานที่สำหรับล่าสัตว์ แต่เื่ลงหลักปักฐานพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่นั่น ตัวเขาไม่เคยคิดถึงเื่นี้มาก่อน เพราะที่นั่นมีแต่ครอบครัวของเหล่าพรานล่าสัตว์ บางครอบครัวก็มีการเพาะปลูก แต่ได้ผลออกมาไม่ดีนัก
และเพราะเหตุนั้น ทำให้ที่ผ่านมารอบข้างมีแต่ผู้คนที่ไปล่าสัตว์
ค่ำคืนนี้จางเฉาิพลิกหงายพลิกคว่ำไม่อาจข่มตาหลับได้
เขาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ก่อนและหลังของครอบครัวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตัวเขาก็ถือว่าเห็นแจ้งชัดเจนแล้วว่าตัวเขาและภรรยา ต่อให้เอาใจประจบประแจงผู้เป็มารดา แต่อย่างไรก็คงไม่ได้รับความเมตตาจากนาง
เมื่อก่อนเขารู้สึกผิดต่อพวกเขาเ่าั้ แต่ยามนี้เขากลับคิดว่าเหตุใดตัวเขาจะต้องรู้สึกผิดด้วยเล่า ในทางกลับกัน ภาระผูกพันของเขาที่มีต่อผู้เป็บิดาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพี่ชายทั้งหลายเลยด้วยซ้ำ
แต่ตัวเขาและภรรยาก็ได้รับความลำบากยากแค้นและความเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด
เขาไม่ได้คิดเพื่อตนเอง ดังนั้นเขาจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลตระกูล ทำให้ภรรยาและบุตรสาวถูกข่มเหงรังแก เื่นั้นต่อให้อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพบเจอ ในเมื่อเป็เช่นนั้น ก็สู้…ย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่นู่นเสียจะดีกว่า
อันที่จริงการไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถอยู่รอดได้เสียหน่อย ดูเหมือนว่าจะมีอยู่สองครอบครัวที่อยู่รอดในที่แห่งนั่นได้ด้วยเช่นกัน เมื่อถึงเวลาที่เขาย้ายไปก็สร้างเพิงซ่อมแซมบ้านสักหน่อย ถางที่เพื่อเพาะปลูกอีกสักนิด คิดหาวิธีแล้วก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถปลูกผักและพืชพรรณได้อีกสักหน่อย…
—-----------------------------------------------------------------------
[1] ถ่วงน้ำ หรือ เฉินถัง (沉塘) หมายถึง วิธีการลงโทษแบบโบราณที่จะนำชายหญิงที่เป็ชู้กันไปขังในเล้าหมูที่ทำจากไม้ไผ่และยัดก้อนหินเข้าไป จากนั้นจึงโยนลงไปในน้ำเพื่อจับถ่วงน้ำ
[2] หมู่ หมายถึง หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 หมู่มีขนาด 666.66666666667 ตารางเมตร
[3] เฟิน หมายถึง หน่วยวัดพื้นที่ของจีน 1 เฟินมีขนาดเท่ากับ 66.7 ตารางวา 10 เฟินมีขนาดเท่ากับ 1 หมู่