ทุ่งหญ้าเริ่มกลายเป็สีทอง เหล่าแกะตัวอ้วนพีก็เริ่มขนหนาขึ้นจนมองเห็นขนเป็ชั้นๆ
ทั้งแสงแดดที่สาดส่องตลอดวัน ทั้งแหล่งน้ำ และแมกไม้ก็ล้วนแต่อุดมสมบูรณ์
เมื่อยืนมองจากปากถ้ำก็จะเห็นฝูงวัวฝูงแกะยืนเล็มหญ้าอยู่เต็มทุ่ง ด้านข้างมีลำธารสายน้อยไหลเอื่อยๆ ทั้งยังมีแม่นางน้อยแก้มแดงยืนส่งยิ้มหวานอยู่
ครั้งนี้ภาพตรงหน้าไม่ใช่ภาพลวงตา ทุกสิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาล้วนเป็ความจริง
แม่นางน้อยหน้ากลม ข้างกายมีสตรีไหล่กว้างเอวหนายืนอยู่ ในมือของทั้งสองจับเ้าแกะเอาไว้คนละตัว ทั้งยังกำลังสาละวนตัดขนของพวกมันไปด้วย
เหล่าชายหนุ่มในหมู่บ้านยามกลางวันก็ลงจากเขาไปทำงานด้านล่าง ส่วนเหล่าสตรีก็หยิบจับงานบนเขาแทน
ข้างฝูงแกะนั้นยังมีม้าสีนิลขนเป็มันวาวตัวหนึ่งยืนอยู่
เมื่อก่อนบนร่างของเ้าม้ายังพอมีขนสีขาวสีเทาแซมอยู่บ้าง ทว่ายิ่งนานวันเข้าขนของมันก็ยิ่งดำเป็เงา เส้นขนสีขาวสีเทาที่เคยงอกแซมอยู่ก็ไม่มีอีกแล้ว
ทั้งก้อนโตบนศีรษะมันก็ดีขึ้นแล้ว สะเก็ดด้านนอกหลุดออกจนหมด จะเหลือก็แต่เพียงความบวมเล็กน้อยเท่านั้น ดูแล้วคล้ายกับว่ามันมีตาเพิ่มมาอีกดวง
หางของมันก็เช่นกัน บัดนี้ขนยาวขึ้นมาก ยาวจนดูเหมือนกับแส้ปัดฝุ่นเส้นหนึ่ง
เมื่อเ้ามืดอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเฉินโย่วก็ต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน
เมื่อมองไปในฝูงแกะก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังจับแกะตัวนั้นทีตัวนี้ทีอยู่จริงๆ และแน่นอนว่านางไม่ได้มาเพื่อช่วยตัดขนแกะ ด้วยแม่นางหลัวไม่ยอมให้เด็กหญิงจับกรรไกร แม่นางหลัวนั้นเป็สตรีที่งดงามอย่างหาได้ยากยิ่ง และก็เพราะความงามเหนือสามัญของนางจึงทำให้นางไม่ค่อยเป็ที่ยอมรับของกลุ่มสตรีนอกูเานัก ทว่ายามอยู่บนูเาลูกนี้แม่นางคนอื่นล้วนเคารพแม่นางหลัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเหล่าแม่นางที่เคยเป็สตรีของนายท่านใหญ่ก็ล้วนอยู่ด้วยกันอย่างสามัคคี เพราะสำหรับพวกนางแล้วนายท่านใหญ่ก็คือฝันร้ายของพวกนาง
ฝันร้ายที่ไม่มีใครกล้าขัดขืน เพราะหากขัดขืนก็ย่อมไม่มีชีวิตเหลือมาจนถึงบัดนี้
ในคืนนั้นที่นายท่านใหญ่ครึ้มอกครึ้มใจคิดเื่เหลวไหลให้พวกนางเข้าปรนนิบัติพร้อมกันหลายคน ครั้งนั้นมีแม่นางคนหนึ่ง ด้วยความที่ร่างกายไม่อำนวยสีหน้าจึงดูลังเลอยู่เล็กหน่อย ผลลัพธ์คือเมื่อนายท่านใหญ่เห็นเข้าแม่นางคนนั้นก็ถูกทุบตีจนตายคาฝ่าเท้าของเขา
นายท่านใหญ่ยามเืเข้าตาแล้วไม่ว่าใครก็ห้ามไม่อยู่ ทว่าในตอนนั้นแม่นางหลัวเป็เพียงคนเดียวที่ก้าวออกไปบังแม่นางคนนั้นไว้
นายท่านใหญ่ที่ดื่มไปไม่น้อยแล้วก็เอาแต่กล่าววาจาผรุสวาท ‘นับประสาอะไรกับการหลับนอนกับสตรีหลายคนในคราวเดียว พวกเ้าคอยดูต่อไปเถิดว่ากระทั่งกับบุตรสาว ข้าก็จะเอามาบำเรอข้า’
ถึงยามเช้าต่อมาก็ได้ยินว่านายท่านใหญ่เมามายจนพลัดตกสระกระดูกไปแล้ว สาวใช้เสี่ยวชุนก็ตามไปด้วยแล้ว
ต่อมาเหล่าคนที่อยู่ในถ้ำเชลยก็ถูกปล่อยตัวออกมา คนจากถ้ำเชลยนั้นดวงแข็งยิ่ง คาดไม่ถึงว่าถ้ำทรงกากบาทแห่งนี้จะมีคนอาศัยอยู่มากมายเพียงนี้
นับั้แ่นั้นวิถีชีวิตของผู้คนในค่ายโจรบนูเาแห่งนี้ก็เปลี่ยนไป
แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีแต่คนชรา คนป่วยและคนพิการ ทว่าชีวิตของผู้คนบนูเาลูกนี้ก็ยังคงดีวันดีคืน
จะกล่าวว่าเปลี่ยนจากนรกเป็์ก็คงไม่เกินจริงนัก ดังนั้นแม่นางหลัวถึงแม้จะดูแบบบางอ่อนแอ ทั้งกิริยาของนางยังช่างงดงามเย้ายวน แต่กลับไม่เคยมีใครเอานางไปนินทาลับหลังเลยสักครั้ง
ในคืนนั้นก็มีเพียงแต่แม่นางแบบบางอ่อนแอคนนี้ที่กล้าออกมาปกป้องทุกคนจากนายท่านใหญ่
แม่นางหลัวไม่เพียงแต่กล้าหาญ ความรู้ก็ดีงามไม่แพ้กัน อย่างเช่นงานหยาบๆ อย่างการทำขนแกะ เมื่อได้คำแนะนำจากแม่นางหลัวก็ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งแม่นางหลัวยังมาร่วมลงแรงทำงานกับทุกคนด้วย
คนอื่นๆ เมื่อได้คุยกับแม่นางหลัวสักประโยคก็พลอยรู้สึกเป็เกียรตินัก เพราะแม่นางหลัวยามกล่าวอันใดก็ล้วนแต่มีหลักการ
โดยปกติแล้วนายท่านสามเป็ผู้ดูแลเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหมดในค่าย
ส่วนแม่นางหลัวก็นับว่าเป็ผู้ดูแลสตรีทุกคนในค่ายเช่นกัน
ภายใต้การอบรมดูแลของแม่นางหลัวจึงทำให้มีชายหนุ่มไม่น้อยที่กลัวภรรยาขึ้นมา ว่าไปแล้วในค่ายแห่งนี้ผู้มีอำนาจสูงสุดอาจไม่ใช่นายท่านสาม แต่เป็แม่นางหลัวต่างหาก
เฉินโย่วน้อยยังคงวิ่งไล่จับแกะอย่างวุ่นวายอยู่กลางฝูงแกะ
ใบหน้าน้อยเผยรอยยิ้มสดใสราวกับแสงตะวัน
ช่างมีชีวิตชีวานัก
ข้างกายนางนั้นยังมีพรมผืนใหญ่ปูอยู่ บนพรมผืนใหญ่นั้นยังมีทารกน้อยนอนอยู่อีกหกเจ็ดคน พวกเขาล้วนเป็ทารกที่เพิ่งเกิดใหม่บนูเาลูกนี้
ด้วยวันนี้อากาศดี เหล่ามารดาทั้งหลายจึงจับทารกมานอนรวมกัน
ทารกเหล่านี้ช่างตัวเล็กนัก
ยามเพิ่งคลอดร่างกายก็ค่อนข้างจะอ่อนแอ
ทว่าท่านหมอหูก็กล่าวไว้แล้วว่าเด็กเหล่านี้ไม่ได้เป็โรคอะไร เพียงแต่ร่างกายอ่อนแอไปสักหน่อย ดังนั้นเพียงแค่ดูแลให้ดีก็ย่อมจะดีขึ้นเอง แล้วก็ต้องอาบแดดให้มากหน่อย
ผู้คนบนเขายามดูแลลูกหลานนั้นค่อนข้างจะดิบเถื่อน ผู้ใหญ่ก็ทำงานไป ส่วนเด็กๆ ก็นอนอาบแดดอยู่บนพรม ทว่าก็ยังไม่ลืมกำชับเฉินโย่วให้คอยดูแลน้องๆ ไว้
แม่นางบนูเาแม้จะดูซื่อๆ แต่ความจริงแล้วกลับหลักแหลมไม่เบา
เห็นว่าครอบครัวของเฉินโย่วนั้นแม้จะมีเด็กถึงสี่คน ทว่าแต่ละคนก็ล้วนหล่อเหลา ร่างกายกำยำทั้งยังฉลาดเฉลียว
เช่นนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามจึงพาลมาเป็ข้ออ้างให้ลูกๆ ของพวกนางได้สนิทสนมกับเฉินโย่วสักหน่อยก็ย่อมไม่เสียหายอันใด
เฉินโย่วนั้นตั้งใจทำหน้าที่ผู้พิทักษ์ของตนมาก เมื่อผู้ใหญ่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บขนแกะ นางนั้นก็สาละวนอยู่กับการไล่แกะและดูแลเด็กๆ เช่นกัน ในคราแรกที่เด็กยังนอนหงายอาบแดด นางก็มาคอยช่วยพลิกตัวให้เด็กๆ ได้นอนคว่ำอาบแดด
ว่าไปแล้วตอนนางยังเป็ทารก พี่ชายก็ดูแลนางเช่นนี้
หลัวอู๋เลี่ยงระหว่างที่กำลังสนทนากับเหล่าสตรีในหมู่บ้าน ก็คอยมองเฉินโย่วอยู่ตลอด
เห็นมืออ้วนๆ ของนางรีบจับทารกที่เพิ่งจะกลิ้งหล่นออกมาจากพรมกลับไปวางไว้ให้กลับไปอาบแดดเช่นเดิม
นอกจากเด็กๆ และชายหลังค่อมเหล่าปาที่ยืนอยู่ไกลๆ บนทุ่งหญ้าแห่งนี้ ที่เหลือก็ล้วนมีแต่สตรีด้วยกันเอง ดังนั้นยามที่พวกนางทำงานจนเหนื่อยก็มักจะถลกชายเสื้อขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนกำยำแข็งแรงของพวกนาง
ทุกนางต่างก็เป็เช่นนี้
หลัวอู๋เลี่ยงไม่ได้ทำตามพวกนาง ทว่าชุดที่นางสวมเดิมทีก็โปร่งสบายเหมาะแก่การทำงาน มิได้สวมชุดยาวลากพื้นดังเช่นวันวาน
เหล่าชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าพวกนางทำเช่นนี้ก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาใกล้เขตนี้ ทว่าก็มีคนหนึ่งที่เป็ข้อยกเว้น
นั่นคือท่านอาจารย์กัว
ในตอนแรกที่ท่านอาจารย์กัวเข้ามาในเขตนี้เพื่อสอนพวกนางทอผ้าขนสัตว์ ทุกคนรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินนัก ทว่าเมื่อมองชายหนุ่มที่เป็ห่วงแม่นางหลัวที่สุดอย่างนายท่านสามก็ยังไม่คัดค้านอะไร คนอื่นๆ จึงไม่ได้กล่าวอะไรขึ้นมาเช่นกัน
จวบจนเมื่อเริ่มจะมีปัญหาวุ่นวายจึงได้ค้นพบว่าท่าทีของท่านอาจารย์กัวนั้นราวกับหลิวเซียหุยอย่างไรอย่างนั้น กระทั่งแม่นางหลัวก็ยังไม่อาจทำให้เขาชายตามองได้
มาถึงแล้วก็กล่าวเพียงเื่งาน
เหล่าแม่นางที่ขวัญเทียมฟ้าจึงได้แต่พากันแกล้งลวนลามเขา ปรากฏว่าชายชรานั้นถึงกับหน้าแดง ราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีนางใดมาก่อน
ต้องใช่แน่ ความรู้สึกบอกว่าต้องใช่อย่างแน่นอน
แม่นางเหล่านี้ล้วนเป็สตรีในค่ายโจร ดังนั้นจึงได้เก่งกล้านัก หลังจากค้นพบเื่ที่อาจารย์กัวไม่เคยใกล้ชิดสตรีกันแล้วก็พากันหัวเราะจนท้องแข็ง
แม่นางหลัวแม้จะร่วมหัวเราะไปกับสตรีคนอื่นๆ แต่ก็ยังกล่าวโน้มน้าวทุกคนว่า “ที่ท่านอาจารย์กัวยังไม่มีคู่ครองนั้นคงมีเหตุผลบางอย่าง พวกเ้าอย่าหัวเราะเขาอีกเลย”
ผลลัพธ์คือเมื่อแม่นางหลัวไม่กล่าวอันใดก็ไม่เป็ไร ทว่าเมื่อกล่าวออกมาแล้ว แม่นางเ่าั้ก็เข้าใจและเชื่อฟังคำของนางในทันที
ในค่ายแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดเป็ความลับ หลัวจากวันนั้นเหล่าชายหนุ่มในค่ายเมื่อเห็นท่านอาจารย์กัวไปช่วยเหลือเหล่าแม่นางเื่ทอผ้าก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอีก เพียงแต่ยามเมื่อเห็นท่านอาจารย์กัวเดินผ่านก็พลันรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
กระทั่งนายท่านสามก็ยิ่งปฏิบัติกับท่านอาจารย์กัวอย่างดี บางคราถึงขั้นเอ่ยปากชวนชายชรามาร่วมดื่มสุรากับตน
นายท่านสามคิดถึงเื่ที่ตนชวนท่านอาจารย์กัวสนทนาในคืนนั้น ในใจก็รู้สึกราวกับว่าตนนั้นคงได้สาดเกลือลงบนแผลใจของชายชราเสียแล้ว
ไม่คาดคิดว่าชายที่อยู่ในวัยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ทั้งยังมีการศึกษาอย่างท่านอาจารย์กัวที่แท้จะไม่เคย......
ราชครูนั้นไม่รู้สาเหตุที่เหล่าแม่นางมองมาทางตนทีไรก็เอาแต่ยิ้ม ยามเขายังอยู่ในวังหลวงก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับการมีปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มใหญ่ถึงเพียงนี้เท่าไรนัก อีกทั้งสตรีในวังหลวงก็ล้วนแต่เป็สตรีของฮ่องเต้ เขาเองก็ไม่เคยจะได้พบ ยกเว้นเพียงแค่ฮองเฮา สตรีนางอื่นกระทั่งเหลือบมองให้เต็มตาเขาก็ยังไม่กล้า
นอกจากนี้ยังไม่มีใครกล้ามาหยอกล้อเขาอีกด้วย
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด คนในค่ายแห่งนี้ที่กำลังหยอกล้อเขานั้นกลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมาก ทั้งที่เหล่าสนมที่แสนจะงดงามพิลาสเ่าั้ก็เคยส่งสายตายั่วยวนมาให้ ทว่าเขากลับไม่เคยจะรู้สึกคุ้นชิน
ทว่าบัดนี้เหล่าสตรีที่กำลังเผยท่อนแขนกำยำเหล่านี้ ยามที่พวกนางใช้ท่อนแขนกำยำนั้นตบลงมาบนไหล่ของตนช่างทำให้เขารู้สึกเป็ธรรมชาตินัก
“แม่นางต้าโกว ยามเ้าล้างขนแกะใช้แรงมากไป เมื่อล้างเสร็จขนจึงได้หายไปหมด”
“เ้าก็ด้วยแม่นางสุ่ย ยามเ้าใช้เครื่องหวีขน เ้าจะใช้เท้าเหยียบก็ยังพอไหวอยู่ แต่อย่าได้ใช้มือหักมันเลย”
ราชครูกลางวงสตรีนั้นแน่นอนว่าไม่ได้มาเพื่อหยอกล้อ เขาตอบรับคำขอของแม่นางหลัวเื่ที่ให้มาช่วยจัดการขนแกะเหล่านี้
ในใจเขายังนึกถึงเื่ที่เฉินโย่วเคยกล่าวว่าอยากสวมเสื้อผ้าบางๆ ในฤดูหนาวมาโดยตลอด จึงตัดสินใจจะทอให้ขนแกะเหล่านี้กลายเป็ผ้าบางๆ ให้ได้ เขายังพอจำเื่ที่เขียนไว้ในตำราที่ตกทอดมาของบรรพบุรุษได้รางๆ เพียงแต่ในตอนแรกเห็นว่ามันเป็เพียงเื่เล็กน้อยจึงไม่ได้สนใจนัก
เดิมทีก็นับว่าเป็เื่เล็กน้อยเื่หนึ่ง ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยามนี้จึงกลายมาเป็เื่ใหญ่ซะได้
เหล่าชายหนุ่มในถ้ำกำลังขะมักเขม้นหลอมอาวุธแคว้นจิง ส่วนเหล่าแม่นางนอกถ้ำก็กำลังขะมักเขม้นทอผ้าอยู่เช่นกัน
ูเาลูกนี้นับวันก็ยิ่งวุ่นวาย
ชายชรามองเหล่าสตรียามทำงาน หน้าผากปรากฏเหงื่อเม็ดโตไหลย้อยลงมาจรดจมูก ร่างกายของพวกนางก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ ทว่าสำหรับเขาแล้วพวกนางนั้นช่างงดงามนัก
ยามที่เหยียบลงไปบนเครื่องทอ ใบหน้ากลมโตเ่าั้ก็เผยรอยยิ้มกว้าง พลังชีวิตของพวกนางก็เอ่อล้น
ราชครูชอบบรรยากาศตรงหน้าเหลือเกิน
ทั้งยิ่งรู้สึกชอบที่ได้อยู่ท่ามกลางพลังชีวิตเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่เมื่อเล่นจนเหนื่อยแล้วก็นอนสลบไสลไปกลางวงของเหล่าทารกน้อยที่นอนล้อมรอบอยู่