ยามเช้า… จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวนัดเจอกันที่หอศิษย์สายในเพื่อยื่นเื่เอาป้ายศิษย์สายในไปรับภารกิจ หน้าหอภารกิจ พวกเขาเข้าไปรับภารกิจกำจัดลิงหิน
แม้จะเป็่เช้า แต่กลับมีศิษย์มากมายที่มารับภารกิจ และมีบางกลุ่มที่รับคนถึงสิบคนขึ้นไป คาดว่าน่าจะไปทำภารกิจระดับสูง ผู้คนมากมายไหลผ่าน จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวก็ไม่ได้เป็จุดเด่นอะไรนัก หลังรับภารกิจเสร็จทั้งคู่ก็เดินทางไปยังป่าไม้หอมทิศตะวันตก พวกเขาเดินทางอยู่สามชั่วโมง จึงถึงที่หมาย หลังจากถึงที่หมายซึ่งคือหมู่บ้านไม้หอมแล้ว ทั้งคู่ก็พบเห็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีขนาดกว่ายี่สิบครัวเรือน
ผู้ใหญ่บ้านที่เห็นทั้งสองสวมชุดศิษย์ของสำนักปลาทองเดินทางมาถึงก็ดีใจรีบต้อนรับทั้งสองเป็การใหญ่ ต้องอธิบายก่อนว่าชุดสำนักปลาทองนั้น มีสีขาว ปักลายปลาทอง แค่มองเพียงชั่วครู่ก็รู้แล้วว่ามาจากที่ใด
“จอมยุทธน้อยพวกท่านมาจากสำนักปลาทองใช่หรือไม่?” ผู้ใหญ่บ้านถาม
“ใช่แล้ว พวกข้ามาเพื่อทำภารกิจ ปราบสัตว์อสูรลิงหิน ท่านผู้ใหญ่บ้าน บอกปัญหามาเถอะ” เฉิงไฉเซียวกล่าว
“เมื่ออาทิตย์ก่อนจู่ๆ ก็มีลิงหินหลุดมาจากป่าไม้หอมส่วนใน คาดว่ามันน่าจะมาจากส่วนลึก ชาวบ้านที่พบเห็นมัน ต่างหวาดกลัว โชคยังดีที่หลบหนีออกมาได้โดยไม่โดนมันทำร้าย ลิงหินตัวนี้ทำให้ชาวบ้านต่างไม่กล้าเข้าไปล่าสัตว์และผลไม้จากป่า เพราะกลัวจะโดนมันทำร้าย พวกข้าเลยรวบรวมเงินมาเพื่อว่าจ้างจอมยุทธจากสำนักปลาทองมาช่วยเหลือ” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“เข้าใจล่ะ เดี๋ยวพวกข้าจะจัดการไล่มันออกไปให้เอง ท่านผู่ใหญ่บ้านโปรดวางใจ” เฉิงไฉเซียวกล่าว
หลังจากได้ข้อมูลมา เฉิงไฉเซียวและจื่อต้าหลงก็เดินทางเข้าไปที่ป่าไม้หอมส่วนนอก ค้นหาอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็พบเจอ ลิงั์สูงสองเมตร มันมีกำปั้นเป็หินทั้งสองข้างกำลังนั่งกินผลไม้อย่างสบายอารมณ์ พอกินเสร็จมันก็ทำลายต้นไม้เล่น ปั่นป่วนไปทั่วป่า
สัตว์ป่าทั่วไป ก็ไม่กล้าอยู่ใกล้บริเวณที่มันอาละวาด เห็นดังนั้น จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวก็วางแผนกัน เพื่อรับมือกับสัตว์อสูรตัวนี้ ว่าจะจัดการมันอย่างไรดี ตกลงกันได้ว่าจื่อต้าหลงจะลองรับมือคนเดียวดูก่อน หากเห็นท่าไม่ดีค่อยให้เฉิงไฉเซียวช่วย
พอคุยกันเสร็จจื่อต้าหลงก็ทะยานร่างไปหยุดอยู่เบื้องหน้าสัตว์อสูรลิงหิน มันหันมามองจื่อต้าหลงทันที จื่อต้าหลงวางมือไพล่หลังข้างนึง ส่วนอีกข้างกวักมือเรียกอย่างกวนๆ สัตว์อสูรลิงหินเห็นดังนั้นมันก็ตีอกชกตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“โฮ่กกก!!!”
คาดว่ามันน่าจะโมโหที่มีมนุษย์มาลูบคม มันพุ่งทะยานเข้ามาหมายจะคว้าจับจื่อต้าหลง ทันใดนั้นแววตาของจื่อต้าหลงพลันส่องประกายสีม่วงอ่อน เขาหลบหลีกการคว้าจับได้อย่างง่ายดาย ลิงหินคว้าจับพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จื่อต้าหลงปล่อยให้มันจู่โจมเพื่อที่จะมองหาจุดอ่อนของมัน เมื่อมันคว้าจับจื่อต้าหลงไม่ได้ก็เริ่มโมโหความบ้าคลั่งสูงขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ ไล่โจมตีอย่างบ้าคลั่งสะเปะสะปะไปทั่ว หลังจากไล่คว้าจับอยู่พักใหญ่ในที่สุดมันก็เผยช่องโหว่ จื่อต้าหลงเห็นดังนั้นจึงฟาดฝ่ามือลงไปยังหน้าอกมัน
“ปึ้กก!!”
ลิงหินโดนฝ่ามือเข้าไปเต็มๆแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็อะไรมากในใจจื่อต้าหลงคิดว่าลิงหินตัวนี้ ช่างทรหดนัก เขาคงได้แต่ใช้ฝ่ามือัม่วงแล้วถึงจะโจมตีให้มันาเ็ได้ หลังจากโดนโจมตีไปหนึ่งฝ่ามือ ลิงหินก็ยิ่งคลั่งมันทุบทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า จื่อต้าหลงเองก็ไม่ประมาท เขารอมันเปิดเผยช่องโหว่อีกครั้ง เขาหลบหลีกการโจมตีของมันได้ทั้งหมด ทั้งคว้าจับเอย… หมัดหินเอย… หลบมาได้อย่างไหลลื่นราวกับปลาแหวกน้ำ
โดยทั่วไปสัตว์อสูรมักโจมตีตามสัญชาตญาณ มันทำให้มีรูปแบบการโจมตีเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา เขาจึงอ่านทางมันออกอย่างง่ายได้ หลังจากที่ฝึกประลองยุทธกับเฉิงไฉเซียวมา ตอนนี้ฝีมือเขาในด้านการต่อสู้ได้พัฒนาไปก้าวใหญ่ ผ่านไปได้สักระยะ การโจมตีของลิงหินเริ่มช้าลง ช้าลงเรื่อยๆ จื่อต้าหลงแววตาทอประกายสีม่วง อันเป็เคล็ดวิชาลมปราณัม่วงประจำตระกูลเขา เขาคิดว่าเคล็ดวิชานี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ยิ่งต่อสู้จื่อต้าหลงยิ่งได้เปรียบ ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาพลันช้าลงไปหมด
เขาพบเจอช่องโหว่มากมาย นี่เป็การสู้กับสัตว์อสูรครั้งแรกของเขา เขาจึงไม่ผลีผลามโจมตี เขา้าล่อให้อีกฝ่ายจู่โจมก่อนถึงค่อยจู่โจมกลับ เขาโคจรพลังปราณก่อเกิดขั้นที่สี่ เตรียมพร้อมโจมตี หลังจากที่ลิงหินโจมตีพลาดและเผยช่องโหว่อีกรอบ เขาจึงซัดมันด้วย ฝ่ามือัม่วง กระบวนท่าแรกัม่วงทะยานฟ้า! คลื่นพลังปราณก่อตัวเป็รูปัั์สีม่วง พุ่งเข้าใส่อกมันอย่างรวดเร็ว
“เปรี้ยงงง!!!”
สัตว์อสูรลิงหินเจอฝ่ามือนี้เข้าไปเต็มๆ ตัวมันกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร มันกระอักเืออกมา หน้าอกถึงกับยุบ ช่างเป็พลังโจมตีที่น่าสะพรึงนัก เพียงแค่ฝ่ามือเดียว กลับล้มสัตว์อสูรลิงหินที่ขั้นลมปราณก่อเกิดขั้นที่สี่ได้ โดยที่จื่อต้าหลงไม่เป็อะไรเลยสักนิด
“ดูท่าผลจากการฝึกฝนด้วยกันจะทำให้เ้าเก่งกาจไม่เบานะ” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมปรบมือ
เขาเองก็แปลกใจ ที่จื่อต้าหลงมีวิชาโจมตีที่รุนแรงขนาดนี้ แต่ตอนฝึกกับเขากลับไม่เคยใช้พลังโจมที่ที่รุนแรงระดับนี้เลย คงเป็เพราะกลัวการาเ็โดยไม่จำเป็ การฝึกให้จื่อต้าหลงเขาเพิ่งรู้ว่า อัจฉริยะแท้ที่จริงเป็อย่างไร เ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่ช่างเรียนรู้ได้ไวมาก
“ฮ่าๆๆ แน่นอนทั้งหมดต้องขอบคุณท่าน พี่ไฉเซียว” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ เขาคิดว่าต่อไปนี้หากมีใครคิดรังแกเขาก็ไม่ง่ายแล้ว
“ไปกันเถอะไปบอกผู้ใหญ่บ้านกันว่าลิงหินถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว” จื่อต้าหลงกล่าว
หลังจากมาถึงหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็ยื่นตราปลาทองให้และขอบคุณทั้งสองเป็การใหญ่ สองหนุ่มเองก็มีความสุขที่ได้จัดการปัญหาให้หมู่บ้านได้
“เงินนี้ข้ากับท่านแบ่งกันคนละครึ่งตกลงมั้ย?” จื่อต้าหลงถาม
“แน่นอนไม่มีปัญหา ต้องอย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าคุ้มค่า ฮ่าๆๆ” เฉิงไฉเซียวกล่าว ไม่เสียแรงที่เขาสอนวิธีการประมือให้แก่ สัตว์ประหลาดน้อยนี่
“ในเมื่อทำภารกิจเสร็จแล้วก็กลับสำนักไปรับรางวัลกันเถอะ” เฉิงไฉเซียวกล่าว
เงินร้อยตำลึง ผู้ใหญ่บ้านได้เอาไปวางไว้ที่สำนักปลาทองเรียบร้อย เพียงยื่นตราปลาทอง ที่ผู้ใหญ่บ้านมอบให้กับทางสำนัก พวกเขาก็จะรู้เองว่าภารกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
“ภารกิจนี้ช่างง่ายดายนัก พี่ไฉเซียวท่านยังมีอะไรสนุกๆให้เล่นอีกมั้ย หรือพวกเราจะลองเข้าไปในส่วนลึกของป่าไม้หอมดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง” จื่อต้าหลงถามอย่างตื่นเต้น เขาค่อนข้างปลื้มอกปลื้มใจในฝีมือตัวเองที่พัฒนามาได้ขนาดนี้
“ฮ่าๆๆ ข้าก็ว่าไม่เลว แต่ตอนนี้รีบกลับกันเถอะ ข้าคอแห้งแล้ว” เฉิงไฉเซียวกล่าวอย่างอารมณ์ดี
สองหนุ่มสบตากันต่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ก็พลางหัวเราะลั่น
“หลังจากกลับไปแล้วจะต้องร่ำสุราให้หายอยาก นี่แหละ มันคือศิลปะ มันคือวิถีจอมยุทธของข้า” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม เฉิงไฉเซียวถึงกับยกนิ้วโป้งให้กับความคิดของจื่อต้าหลง
