ร้านเกี๊ยวที่กู้เจิงพาแม่สามีมาเป็ร้านเก่าแก่อายุร้อยปีและมีชื่อเสียงในต้าเยว่ มีเสียงล่ำลือมาว่าฮ่องเต้องค์ก่อนก็เคยมากินเกี๊ยวที่นี่ด้วย
“คนเยอะมากจริงๆ” ชุนหงเข้าไปซื้อเกี๊ยว กู้เจิงกับนายหญิงเสิ่นนั่งรออยู่บนรถม้า
“ชุนหงเข้าไปตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาอีก เ้าไปดูหน่อยเถอะ” นายหญิงเสิ่นบอกกู้เจิง
“ได้เ้าค่ะ” กู้เจิงลงจากรถม้า นางกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนก็ทักจากด้านหลังขึ้นก่อน “ท่านใช่พี่สาวที่ให้น้ำพวกเราเมื่อปีก่อนใช่ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงหันกายกลับไป นางเห็นนายบ่าวสองคนที่เคยมาขอน้ำดื่มที่บ้านนาง วันนั้นในงานฉลองวันเกิดของพระชายารัชทายาท นางก็เคยเห็นอีกฝ่ายในวัง ดังนั้นจึงรู้ว่านางเป็บุตรสาวสายตรงของสกุลหวังตระกูลบัณฑิตเก่าแก่ และยังเป็สตรีที่ตวนอ๋องพึงใจจะให้เป็ภรรยาของเสิ่นเยี่ยน
พอเห็นถึงความเ็าในแววตาของกู้เจิง แม่นางสกุลหวังก็ประหลาดใจนัก นางรีบยิ้มอ่อนโยน “พี่สาวต้องลืมข้าไปแล้วแน่ๆ เมื่อปีก่อนข้ากับบ่าวออกมาเที่ยวเล่น และเกิดกระหายน้ำ...”
“ข้าไม่ได้ลืม” กู้เจิงกล่าวตอบ
“พี่สาวมาซื้อเกี๊ยวหรือ? พอดีข้าก็มากินเกี๊ยวเหมือนกัน ท่านมานั่งกับพวกเราดีไหมเ้าคะ?” หวังซื่อยิ้มอย่างให้เกียรติ เป็รอยยิ้มในแบบคุณหนูผู้ดีที่ทำให้คนรู้สึกประทับใจ
แค่น้ำถ้วยเดียว ต้องมีมารยาทปานนี้เชียวหรือ? กู้เจิงไม่คิดว่าการมาขอน้ำดื่มที่บ้านของนางจะเป็เื่บังเอิญ “ไม่ล่ะ ข้าจะซื้อกลับไปกินที่บ้าน”
“กลับไปกินที่บ้านก็ไม่อร่อยเหมือนกินที่นี่ ถือซะว่าเป็การขอบคุณพี่สาวที่ให้น้ำดื่มข้าในคราวนั้น ข้าจะเลี้ยงเองเ้าค่ะ”
“คุณหนู บ่าวซื้อเสร็จแล้วเ้าค่ะ” ชุนหงถือเกี๊ยวนึ่งเข้ามาพอดี พอนางเห็นหวังซื่อกำลังคุยกับกู้เจิงก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่บ้าง แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“อาเจิง เจอสหายหรือ?” นายหญิงเสิ่นเห็นชุนหงซื้อของเสร็จแล้ว นางจึงลงจากรถม้ามาช่วยรับเกี๊ยวนึ่งในมือชุนหง
เมื่อหวังซื่อเห็นนายหญิงเสิ่น แววตาก็เปลี่ยนไป สีหน้าของนางอ่อนหวานยิ่งกว่าเดิม “ท่านนี้คือ?”
“ข้าคือแม่สามีของอาเจิง” นายหญิงเสิ่นคิดว่าหวังซื่อเป็สหายรักของลูกสะใภ้
“คารวะท่านป้าเ้าค่ะ” หวังซื่อรีบย่อกายคารวะอย่างงดงาม
ดูจากการแต่งกายของเด็กคนนี้น่าจะเป็บุตรสาวของครอบครัวตระกูลใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะอีกฝ่ายจะให้ความเคารพสตรีชนชั้นสามัญอย่างนางถึงเพียงนี้ ในใจของนางรู้สึกชมชอบอยู่หลายส่วน จึงเอ่ยชมว่า “เป็คุณหนูที่ดีนัก”
“ท่านแม่ ข้าไม่ได้รู้จักนางเ้าค่ะ” กู้เจิงเดินไปข้างๆ แม่สามี แล้วกระซิบบอกพร้อมกับคล้องแขนนาง
นายหญิงเสิ่นอึ้งไป นางเห็นหญิงสาวคนนี้พูดคุยกับลูกสะใภ้อย่างสนิทสนม นางจึงนึกว่าเป็สหายที่ดีต่อกันเสียอีก
“ท่านป้า เื่เป็เช่นนี้เ้าค่ะ ก่อนหน้านี้...”
“นางมาที่บ้านเราเพื่อมาขอน้ำดื่ม แค่มีวาสนาเจอกันเพียงครั้งเดียวเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดตัดคำนาง
ถ้อยคำของกู้เจิงทำเอาหวังซื่อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
“เ้าพูดอย่างนี้ได้ยังไง? เ้ารู้ไหมว่าคุณหนูของข้าคือใคร?” สาวใช้ของหวังซื่อไม่พอใจมาก ตระกูลหวังเป็ตระกูลบัณฑิตเก่าแก่ และผู้นำตระกูลก็เป็ถึงรองเสนาบดีกรมการคลัง คุณหนูของนางเป็ถึงบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ มาพูดแบบนี้กับคุณหนูของนางได้อย่างไร?
“ปี้เอ๋อร์ เ้าถอยไปก่อน” หวังซื่อส่งสัญญาณให้สาวใช้เงียบ
“ข้าแค่พูดความจริง หรือว่าวันนั้นพวกเ้าไม่ได้มาขอน้ำที่บ้านข้า?” กู้เจิงย้อนถาม ละแวกนั้นมีบ้านตั้งหลายหลัง แต่กลับจงใจมาขอน้ำถึงบ้านตระกูลเสิ่น
นายหญิงเสิ่นรู้สึกได้ว่าลูกสะใภ้อารมณ์ไม่ค่อยดี จึงเอ่ยกับชุนหงว่า “เกี๊ยวจะเย็นหมดแล้ว พวกเรารีบกลับบ้านกันเถอะ อาเจิง ไปกัน”
“เ้าค่ะ”
เมื่อรถม้าของพวกกู้เจิงเคลื่อนตัวห่างอออกไป ปี้เอ๋อร์ก็กระทืบเท้าและกล่าวกับคุณหนูของนางอย่างไม่ชอบใจว่า “คุณหนู ท่านดูสิ สตรีคนนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง”
ดวงตาเมล็ดซิ่งไม่ได้ฉายแววโกรธเคือง มีเพียงความสงสัย “นางคงไม่ได้รู้ฐานะของข้าแล้วกระมัง?”
“เป็ไปไม่ได้เ้าค่ะ บ่าวสืบมาชัดเจนแล้ว ตอนนางอยู่จวนกู้แทบไม่ได้ออกไปไหน หลังจากแต่งเข้าตระกูลเสิ่นก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้ออกงานของเหล่าคุณหนูอีก นางต้องไม่เคยพบคุณหนูมาก่อนแน่เ้าค่ะ” ปี้เอ๋อร์กล่าว
“แม้จะคุยได้แค่ไม่กี่ประโยค แต่ข้าชอบนิสัยของมารดาท่านเสิ่นเยี่ยนนัก” หวังหว่านหรงยิ้มนุ่มนวล
ภายในรถม้า
นายหญิงเสิ่นฟังลูกสะใภ้เล่าเื่ราวทั้งหมด
ชุนหงที่ขับรถอยู่ด้านนอกสบถคำ “ผู้หญิงคนนี้ช่างหน้าไม่อายจริงๆ เ้าค่ะ”
“อาเจิง เ้าแน่ใจหรือว่าสตรีเมื่อครู่เป็บุตรสาวสายตรงของตระกูลหวังจริงๆ” นายหญิงเสิ่นยังไม่เชื่อนัก
“แน่ใจเ้าค่ะ ตอนที่ไปตำหนักบูรพา ข้าได้เห็นนางจริงๆ แม้จะเห็นจากไกลๆ แต่ข้าจำคนไม่ผิดแน่นอน” กู้เจิงคิดว่าเมื่อครู่ตนพูดใส่อารมณ์กับหวังซื่อมากเกินไป เมื่อเทียบกับใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยนของหวังซื่อแล้ว ตนเองดูเป็คนเ้าอารมณ์มากทีเดียว
“แม้ว่าก่อนหน้านี้ตวนอ๋องจะเคยกล่าวเช่นนั้น แต่ตอนนี้อาเยี่ยนก็ได้แต่งงานกับเ้าแล้ว เขาไม่มีทางที่จะไปแต่งงานกับสตรีอื่นอีก ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์ระหว่างตระกูลหวังกับป้าสามเ้ายังเป็เช่นนี้ ท่านอ๋องต้องล้มเลิกความคิดไปแล้วแน่” นายหญิงเสิ่นแจกแจงถึงปัญหา
“ท่านแม่ วันนั้นที่นางมาขอน้ำดื่ม ท่านคิดว่าเป็เื่บังเอิญหรือเ้าคะ?” กู้เจิงไม่เชื่อ
นี่ก็เป็สิ่งที่ทำให้นายหญิงเสิ่นรู้สึกเหลือเชื่อ เด็กสาวที่ดูมีความรู้และมารยาทเช่นนี้ เหตุใดถึงมาขอน้ำดื่มที่บ้านของพวกนางเล่า?
ถ้าเป็เมื่อก่อน กู้เจิงคงไม่ถือสา การหย่าสำหรับนางแล้วก็เป็เพียงเื่ที่สามารถเกิดขึ้นได้เื่หนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่เป็เช่นนั้นแล้ว นาง้าใช้ชีวิตร่วมกับเสิ่นเยี่ยนให้ดี และไม่อยากให้ใครมาทำลาย นี่จึงเป็เหตุผลที่นางเล่าเื่นี้ให้แม่สามีฟัง เพราะอย่างไรพ่อแม่สามีก็ต้องอยู่ข้างนาง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน นายท่านเสิ่นก็กลับมาถึงบ้านแล้วเหมือนกัน เขาดีใจมากที่วันนี้ตกปลาตัวใหญ่ได้ถึงหกตัว
นายหญิงเสิ่นรีบจัดแจงเทเกี๊ยวออกมาใส่จาน
“ตอนบ่ายข้ากับอาเจิงและชุนหงจะไปช่วยขูดเกล็ดปลาด้วยกัน” นางคีบเกี๊ยวให้สามี
“ร่างกายของเ้าเพิ่งจะหายดีพักผ่อนให้มากเถอะ ส่วนเื่ปลาตอนนี้พี่สะใภ้ใหญ่กับคนอื่นๆ น่าจะขอดเกล็ดกันเกือบเสร็จแล้วล่ะ” นายท่านเสิ่นเห็นภรรยากินอาหารได้น้อย เขาจึงคะยั้นคะยอให้กินมากขึ้น “กินเยอะๆ หน่อย”
ในตอนเย็น ฝนได้ตกลงมาปรอยๆ
เสิ่นเยี่ยนกลับมาถึงบ้านก่อนฝนตกหนัก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ถูกมารดาเรียกเข้าไปในห้องก่อน
กู้เจิงเดินออกมาจากห้องนอนและได้ยินพอดี นางจึงรู้ว่าแม่สามีได้เล่าเื่แม่นางสกุลหวังให้เขาฟัง
“คุณหนู ท้องฟ้ามีอะไรน่ามองหรือเ้าคะ?” ชุนหงเดินผ่านมา นางเห็นคุณหนูยืนเอนกายพิงเสามองท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
“ท้องฟ้าไม่มีอะไรน่ามองหรอก ข้าก็แค่มองท้องฟ้าพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” เกิดเื่แบบนั้นระหว่างตระกูลหวังกับป้าสาม แต่บุตรสาวสกุลหวังยังกล้ามาที่ตระกูลเสิ่น นางไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน? เหตุใดตวนอ๋องถึง้าให้บุตรสาวตระกูลหวังแต่งงานกับเสิ่นเยี่ยนนะ?
กู้เจิงนึกถึงประโยคที่ตวนอ๋องพูดกับนางในวันนั้น ‘เ้าไม่ใช่คู่ครองของเขา ยังไงพวกเ้าต้องแยกจากกันในไม่ช้าก็เร็ว''
เมื่อเสิ่นเยี่ยนเดินออกมาจากห้องของมารดา เขาก็เห็นภรรยายืนยกมุมปากยิ้มเยาะแหงานมองท้องฟ้าสีดำ แก้มย้วยของนางอย่างน่ารักน่าชัง
“คิดอะไรอยู่?”
“ท่านพี่?”
เสิ่นเยี่ยนเดินมาจูงมือภรรยากลับเข้าไปในห้องของพวกเขา “มือเย็นหมดแล้ว”
กู้เจิงชักมือกลับ นางนั่งลงที่โต๊ะด้วยหน้าบึ้งตึง
“โกรธหรือ?” เสิ่นเยี่ยนเปลี่ยนเสื้อตัวนอกที่เปียกฝนออกแล้วสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ภรรยา เขากำลังคิดหนักว่าควรจะพูดกับภรรยาอย่างไร ว่ามันจะไม่มีทางเกิดเื่แบบที่นางคิด
ยังไม่ทันจะได้ไตร่ตรองให้ดี เขาก็ได้ยินภรรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่
เสิ่นเยี่ยน “...”
“ข้าโกรธมาก แต่ไม่อยากทะเลาะกับท่านในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นเ้าค่ะ” กู้เจิงหน้าง้ำพูดต่อ“ท่านเคยบอกว่าท่านชอบข้า”
“ใช่ ข้าชอบเ้า” ดวงตาเ็าลุ่มลึกฉายแววอ่อนโยน “ข้าปฏิเสธตวนอ๋องไปนานแล้ว”
“แล้วถ้าตวนอ๋อง้าจะเป็พ่อสื่อให้เล่า? คุณหนูสกุลหวังผู้นั้นจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้นางมาปรากฏตัวที่นี่เ้าคะ ข้าว่านาง้ามาดูหน้าว่าที่สามีเสียมากกว่า” กู้เจิเอ่ยอย่างโมโห
“แล้วทำไมเ้าไม่บอกข้าั้แ่แรก?”
“ก็ตอนนั้นข้าไม่รู้ความในใจท่านนี่เ้าคะ”
“ถ้าไม่แน่ใจถึงความรู้สึกของข้า เ้าก็เก็บมันไว้ในใจไม่พูดออกมาอย่างนั้นหรือ?”
กู้เจิงพยักหน้ารับ “ตอนนั้นในใจท่านไม่มีข้า หากข้าพูดออกไปแล้วท่านไม่ถือเป็เื่จริงจัง เช่นนั้นข้าต้องโกรธมากแน่ๆ โกรธนานไปมันไม่ดีต่อร่างกายเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยน “...” เขาหรี่ตามองภรรยา ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่ยอมเสียเปรียบแม้แต่น้อย รอยยิ้มอ่อนโยนของภรรยาแฝงไว้ด้วยความพยายามหยั่งเชิงและประจบประแจงอยู่ไม่น้อย หลังจากแสดงความรู้สึกในใจออกมาแล้ว ท่าทีธรรมชาติก็เผยออกมา
กู้เจิงส่งเสียงออดอ้นพร้อมอมยิ้มอ่อนหวาน “ท่านพี่?”
“หลังจากนี้มีอะไรอย่าเก็บไว้ในใจ ถามข้าได้ตามตรง ไม่ว่าเื่อะไรก็มาคุยกับข้า ข้าจะคอยจับตาดูท่าทีของตวนอ๋องที่มีต่อตระกูลหวัง”
“เ้าค่ะ” กู้เจิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย