ฮูหยินเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนในสวนดอกไม้ นางส่งสัญญาณให้เว่ยซูหานนั่งลงตามแล้วค่อยๆ เอ่ยขึ้นช้าๆ
“ถึงแม้ในฐานะมารดาอาจจะมีคำพูดบางคำพูดที่ไม่สมควรจะพูดมากจนเกินไป แต่ข้าก็ต้องเตือนเ้า ชิงเอ๋อร์ดีกว่าลูกอกตัญญูอย่างเหยียนลั่วมากนัก เขาอายุยังน้อย เ้าอายุมากกว่าเขาสามปี เชี่ยวชาญด้านกังฟู [1] ผ่านประสบการณ์มามากมาย เยือกเย็นสุขุม ต่อไปเ้าสองคนอยู่ด้วยกัน หากมีอะไร เ้าต้องคอยแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเขาบ้าง ข้าไม่ขอให้พวกเ้าถึงกับรักกันอย่างดูดดื่ม แต่ขอให้พวกเ้าเคารพซึ่งกันและกันก็พอ…”
“ชิงเอ๋อร์ตั้งใจจะสอบเป็ขุนนางให้ได้ตามสิ่งสุดท้ายที่นายท่านปรารถนา เ้าก็คอยสนับสนุนเขาจากด้านหลัง เหยียนลั่วหนีออกจากบ้านแล้วยังไม่กลับมา ก่อนที่เขากลับมา เ้าแค่คอยตามข้าไปจัดการธุระทั้งในและนอกจวนตระกูลเหยียนบ้างเล็กน้อยก็พอ เื่ในอนาคต เส้นทางของเ้าขึ้นอยู่กับชิงเอ๋อร์ตัดสินใจ หลังจากเขาเข้าพิธีสวมกวานแล้วก็จะรีบเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าสอบและรีบกลับมา เ้ามีความคิดเห็นอื่นค่อยปรึกษากับเขาอีกครั้ง ชิงเอ๋อร์มีนิสัยอ่อนโยน บวกกับความปรารถนาสุดท้ายของนายท่านที่จะช่วยเ้า ชิงเอ๋อร์คงไม่มีทางทำให้เ้าลำบากใจ”
เว่ยซูหานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ”ขอรับ ข้าจะคอยสนับสนุนชิงเอ๋อร์และจะพยายามแบ่งเบาภาระภายในจวนช่วยท่านแม่ขอรับ”
“เฮ้อ แบ่งเบาอะไรกัน…” ฮูหยินเหยียนเอานิ้วจิ้มหน้าผากเขาแล้วเตือนด้วยความหวังดี
“เ้าไม่ได้ฟังประเด็นสำคัญที่ข้าพูดไปใช่หรือไม่ เื่อื่นเล็กๆ น้อยๆ เ้าเข้าใจดีอยู่แล้ว ข้ากำลังพูดถึงชีวิตของเ้า เ้าคอยช่วยเหลือชิงเอ๋อร์ให้ดี วันข้างหน้าไม่ว่าเขาจะมีชื่อเสียงเงินทอง จะสืบทอดกิจการตระกูล หรือทั้งสองอย่าง อย่างน้อยเขาสามารถก็ตัดสินใจได้ทั้งคำพูดและการกระทำของตนเอง ทว่าหากเ้าอยากจากไป ก็ต้องชิงเอ๋อร์เป็คนตัดสินใจ”
“ขอรับ”
เว่ยซูหานตอบอย่างนอบน้อม ขอบคุณฮูหยินเหยียนที่พูดราวกับรู้ว่าใจเขากังวลอยู่เช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนครอบครัวจริงๆ
แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเื่การจากไปมากนัก เขาไม่้าที่จะหนีจากเหยียนชิงไปไหน ก่อนที่เหยียนชิงคิดจะจากเขาไป เขาจะต้องทำให้เหยียนชิงชื่นชอบเขาให้ได้ จากสามีหนึ่งวันจะกลายเป็สามีชั่วชีวิต แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องแยกจากกันอีก
เื่ที่ตั้งใจจะพูดก็พูดจบแล้ว ฮูหยินเหยียนจึงเริ่มพูดเื่ที่เกี่ยวกับตระกูลเหยียน เื่จุกจิกทั่วไป ถึงอย่างไรเว่ยซูหานก็เป็บุรุษ รูปลักษณ์ดูสง่างาม มีน้ำจิตน้ำใจหากสามารถเรียนรู้ที่จะดูแลจัดการเื่ทั้งภายในภายนอกได้ ต่อไปก็จะคอยช่วยเหลือเหยียนชิงได้
คุยกันสนุกสนานจนถึง่บ่าย ฮูหยินเหยียนก็เริ่มอ่อนเพลียจึงปล่อยให้เว่ยซูหานออกไปพักได้แล้ว
เว่ยซูหานกลับมาถึงลานบ้านแต่กลับไม่พบเหยียนชิง พบแต่เด็กรับใช้ และสาวใช้สองคนที่หน้าเรือน
สาวใช้คนหนึ่งสวมชุดสีชมพู อีกคนสวมชุดสีขาว ใบหน้าคล้ายกันหลายส่วน พวกนางคงเป็พี่น้องฝาแฝดกัน ส่วนบ่าวรับใช้เป็เด็กหนุ่มหน้าตางดงาม และรู้ความ ทั้งสามคนอายุไล่เลี่ยกัน อายุเพียงสิบห้าสิบหกปี พอเห็นเขาแล้วต่างทยอยเข้ามาคารวะอย่างนอบน้อม
“คารวะฮูหยินน้อย”
เว่ยซูหานโบกมือ “พวกเ้าคือ…”
เด็กรับใช้ยิ้มนอบน้อมและยืดตัวหลังตรง
“ข้าน้อยมีนามว่าหลินชวน” จากนั้นก็ชี้ไปยังสาวใช้สองคนในชุดสีขาวและชมพูเพื่อแนะนำว่า
“นี้คือไป่เส่ากับหงเย่า พวกเราสามคนจะมาคอยรับใช้คุณชายรองที่หอชิงเฟิงั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ทว่าหากพวกเราจะต้องคอยรับใช้และดูแลความเป็อยู่ของฮูหยินน้อยด้วย กำลังคนก็คงน้อยลงชั่วคราว ดังนั้นคุณชายรองบอกให้รออีกสักหน่อย หากเลือกคนได้แล้วจะให้มาปรนนิบัติท่าน ต่อไปหากฮูหยินน้อย้าอะไรก็บอกพวกข้าได้เลยนะขอรับ”
“อ้อ…” เว่ยซูหานพยักหน้า “พวกเ้ามาหาข้า แล้วใครคอยรับใช้คุณชาย”
หงเย่าที่สวมชุดสีชมพูตอบอย่างตรงไปตรงมา ”มีอิ้งหลีและพี่เฉินเซียงคอยรับใช้อยู่เ้าค่ะ”
ไป่เส่ากล่าวอย่างช้าๆ “ฮูหยินน้อย ยังมีอีกเื่เ้าค่ะ คุณชายให้พวกข้าถามความเห็นของฮูหยินน้อยสักเื่หนึ่งเ้าค่ะ”
เว่ยซูหาน “อันใดรึ? ”
ไป่เส่าขยับตัวไปข้างหน้าแล้วจึงพูดขึ้นว่า
“คุณชายรองกล่าวว่า เพราะเรือนเซียวเหยาแห่งนี้เป็เรือนของคุณชายใหญ่ เช่นนั้นฮูหยินน้อยไม่ควรจะอยู่ที่นี่ จวนแห่งนี้ยังมีเรือนว่างอีกหลายแห่ง คุณชายรองให้ฮูหยินน้อยเลือกเรือนสักที่ในจวน บ่าวจะรีบจัดการให้เรียบร้อยเ้าค่ะ”
“อ๋อ…”
เว่ยซูหานเงียบลงแล้วมองไปรอบๆ แท้จริงแล้ว ที่นี่คือเรือนของเหยียนลั่ว เขาแต่งงานกับเหยียนชิง ไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย แล้วเขาก็ไม่อยากจะเลือกเรือนอื่น เขาอยากอยู่กับเหยียนชิง… หากเหยียนชิงไม่เห็นด้วยจริงๆ เขาก็จะเลือกเรือนหลังอื่นเพื่อพักอาศัย เมื่อคิดได้เช่นนี้ก็ตอบกลับไปว่า
“เดี๋ยวเื่นี้ข้าจะกลับไปปรึกษากับคุณชาย พวกเ้าก็เก็บกวาดที่นี่เสียก่อน ของที่ไม่ใช่ของคุณชายใหญ่ก็จัดการย้ายไปให้หมด”
“เ้าค่ะ/ขอรับ”
ทั้งสามคนตอบรับคำพร้อมกัน เว่ยซูหานถามพวกเขา เมื่อรู้ว่าตอนนี้เหยียนชิงอยู่หลังหอชิงเฟิงจึงหันหลังรีบเดินไปยังหอชิงเฟิงโดยไม่ให้ใครตามไปทันที
*กังฟู หมายถึง ศิลปะการต่อสู้ของจีน