ตอนนั้นหลี่ฟู่กุ้ยบอกว่าหวังซื่อท้องเสีย ก็นึกว่านางรีบไปเข้าสุขา เวลานี้มานึกดูสีหน้าของนางตอนนั้นก็แปลกพิกลอยู่
“ท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าก็นึกออกแล้ว”
หลี่ฟู่กุ้ยเกาศีรษะ ในสมองมีแสงสว่างวาบผ่าน ชี้ไปที่บุรุษที่นอนอยู่บนพื้นแล้วกล่าวว่า “หวังซื่อมารับยาเมื่อสองวันก่อน ตอนนั้นข้ากำลังจัดยาให้เขาอยู่พอดี”
เนื่องจากหวังซื่อเคยมาก่อเื่เมื่อสองวันก่อน เขาอยากจะขับไล่คนออกไปโดยเร็ว จึงวางงานในมือไปทำธุระให้นางก่อน
เดิมทีเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ตอนนี้พอเอาเื่มาเชื่อมโยงกัน ก็รู้สึกว่าประจวบเหมาะเกินไป
“ใช่ ต้องเป็ลูกไม้ของหวังซื่อแน่ๆ สองวันก่อนนางยังไปก่อกวนที่บ้านท่านหมอหลี่ขอส่วนแบ่งอยู่เลย” มีชาวบ้านะโขึ้นมา
หวังซื่อที่แอบอยู่ด้านหลังฝูงชนอกสั่นขวัญแขวนอย่างหนัก พอได้ยินทุกคนเปลี่ยนความคิด จู่ๆ ก็หันมาระแวงสงสัยตนเองเข้าแล้ว ก็หันหลังกลับคิดหลบหนี
วันนั้นหลังจากนางผสมยาลงไปส่งเดช ก็กระวนกระวายอย่างหนัก รีบหนีออกมา ไม่รู้สึกตัวว่าตนเองชนกับใครเข้า ซ้ำร้ายคนผู้นั้นยังเป็ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้าน
“นี่เ้ากำลังจะไปที่ใดรึ หวังซื่อ”
แต่การกระทำของนางไหนเลยจะรอดพ้นสายตาของหลี่ไหวฺอวี้ไปได้ เขาเอ่ยปากอย่างไม่รีบร้อน น้ำเสียงสงบนิ่ง แต่ทุกคนต่างได้ยินถ้วนหน้า
ทุกคนถึงเห็นหวังซื่อที่กำลังจะหลบหนีที่มุมกำแพง
“จับนางไว้” น้ำเสียงเฉียบขาดของหัวหน้าหมู่บ้านดังขึ้น คนสองสามคนต่างวิ่งเข้าไปจับ แล้วคุมตัวมาเบื้องหน้าหัวหน้าหมู่บ้าน
“ทำอะไรน่ะ มาจับข้าทำไม พวกเ้าปล่อยข้านะ” หวังซื่อพยายามสะบัดแขนแต่ก็ดิ้นไม่หลุดจากการควบคุม
“หวังซื่อ สิ่งที่พวกเราคุยกันเมื่อครู่ เ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่”
หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วมองหวังซื่อที่บิดตัวเป็เกลียวจนแทบจะกลายเป็หมาฮวา [1] อยู่รอมร่อ เรือนร่างอวบอ้วนทิ้งน้ำหนักตัวลงด้านล่าง
แม้แต่บุรุษกำยำล่ำสันสองสามคนยังยกนางไม่ขึ้น สุดท้ายจึงต้องปล่อยให้นางนั่งกองกับพื้นอยู่อย่างนั้น
“ปรักปรำใส่ร้าย ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าจะกล้าทำเื่แบบนี้ได้อย่างไร เมื่อวันก่อนข้าปวดท้องก็เลยไปซื้อยาจริงๆ”
หวังซื่อเริ่มร้องไห้ปาดน้ำตา ร้องะโเรียกร้องความเป็ธรรม ให้ตายก็ไม่ยอมรับว่าตนเองเล่นลูกไม้ในสมุนไพรของผู้อื่น
“ยาของเ้าล่ะ เอากากยาที่ต้มแล้วมาให้ดูสิ” ิเป่าจูหรี่ตา แค่นเสียงเยาะแล้วเอ่ยปาก
“กากยา... ข้าทิ้งไปตั้งนานแล้ว” นางไม่ได้เจ็บป่วย จะต้มยาไปทำไม หลังออกมาจากร้านของหลี่ฟู่กุ้ยก็หาสถานที่ไร้ผู้คนแล้วโยนห่อยาทิ้งไป
ตอนนั้นเพื่อจะทำเื่ชั่วร้ายต้องเสียเงินไปห้าเหรียญทองแดง นางปวดใจแทบแย่ จึงยิ่งแค้นเคืองิเป่าจูเป็ทวีคูณ ขณะที่ร้องทุกข์ก็ยังไม่ลืมที่จะทำตาขวางใส่นางอยู่เป็พักๆ
“แต่ข้าจัดยาให้เ้ากินสามวัน”
หลี่ฟู่กุ้ยถกแขนเสื้อขึ้นอยากจะเข้าไปตบหน้าหวังซื่อใจจะขาด สตรีใจดำอำมหิต เกือบทำให้ชื่อเสียงของเขาป่นปี้พังพินาศไปเสียแล้ว “เมื่อทิ้งกากที่ต้มไปแล้ว ก็เอาส่วนที่เหลือออกมา”
ดวงตาของหวังซื่อกลอกไปมาอย่างว้าวุ่นใจ ขบริมฝีปากไว้แน่น ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร เท่ากับเป็การยอมรับเื่วางยาพิษโดยปริยาย
“หวังซื่อ จิตใจของเ้าโหดร้ายยิ่งนัก ถึงกับกล้าวางยาสังหารคนหมู่บ้านเดียวกัน” ชาวบ้านต่างพากันติเตียนความผิดของหวังซื่อ
หวังซื่อโดนผู้คนมากมายก่นด่าถึงเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ ร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจ
“หัวหน้าหมู่บ้าน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะวางยาพิษผู้ใดจริงๆ น่าจะเป็... น่าจะเป็ตอนซื้อยา แล้วใส่ผิดไป ใช่! ต้องใส่ผิดไปอย่างแน่นอน”
ไม่ว่าอย่างไรจะยอมรับว่าตนเองเป็คนทำเื่นี้ไม่ได้เป็อันขาด มิเช่นนั้นนับั้แ่นี้ไปนางก็คงไม่สามารถเงยหน้ามองคนทั้งหมู่บ้านได้อีกแล้ว ไม่แน่ว่าอาจถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน
เช่นนั้นจะได้อย่างไร ิเถี่ยจู้ยังไม่รู้เื่นี้ ที่นางตัดสินใจทำเื่เหิมเกริมเช่นนี้ก็เพราะถูกเขาตบตี
ถ้าถูกขับออกจากหมู่บ้าน ิเถี่ยจู้ก็ต้องหย่าขาดกับนาง การถูกส่งตัวกลับตระกูลมารดาเป็เื่ที่เสียหน้ายิ่งกว่า
ดังนั้นทางเดียวที่ทำได้คือยืนกรานว่าใส่ผิดที่ ถึงอย่างไรผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แตกต่างจากการมีเจตนาทำร้ายผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
ยากยิ่งนักที่หวังซื่อจะมีความคิดที่ชาญฉลาดเช่นนี้สักครั้ง จึงยืนกรานต่อไปเช่นนี้ ไม่ยอมกลับคำยอมรับผิด จนหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่นๆ ต่างก็จนปัญญาจะเอาผิดกับนางได้
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านต้องจัดการให้พวกเราด้วย”
หลี่กุ้ยเฟินเป็สตรีอ่อนแอ เมื่อทำอะไรหวังซื่อไม่ได้ ก็หันไปอ้อนวอนหัวหน้าหมู่บ้าน
“เื่วันนี้มีที่มาจากหวังซื่อจริง เคราะห์ดีแม่หนูเป่าจูช่วยชีวิตคนไว้ได้ ข้าเห็นว่าหวังซื่อต้องชดใช้ให้หลี่ซื่อเป็เงินสองตำลึง”
โชคดีที่ลูกบ้านต้องพิษไม่หนักมาก ท้ายที่สุดแล้วก็อยู่อาศัยในหมู่บ้านเดียวกัน หากบาดหมางกันเกินไปก็คงไม่ดีนัก หัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจให้ชดใช้ด้วยเงินสองตำลึง
“สองตำลึง!” หวังซื่อเบิกตาโตกว่าปกติเป็สองเท่า ร้องะโออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกเกินจริง
ไม่คาดคิดเลยว่าตนเองพยายามสุดกำลังเพียงนี้ เื่ไม่สำเร็จไม่ว่า ยังต้องสูญเสียอีกไม่น้อย
ไม่มีใครรู้จักหวังซื่อดีไปกว่าิเป่าจู ทั้งโลภมากในเงินทองและตระหนี่ถี่เหนียวเป็ที่สุด เป็ไปไม่ได้ที่ผู้อื่นจะมาเอาเงินสักเหวินไปจากมือของนาง อย่าว่าแต่สองตำลึงเลย
ไม่ได้ นางต้องทำอะไรสักอย่าง
“การถอนพิษนี้ค่อนข้างยาก ข้าทำได้เพียงให้เขากินยาที่ช่วยประวิงเวลาเอาไว้ ถ้ารอดคืนนี้ไปได้ก็จะปลอดภัย มิเช่นนั้น...”
นางพูดพลางมองหลี่กุ้ยเฟิน แต่แท้จริงแล้วกลับเอ่ยให้หวังซื่อฟัง คนบางคน หากเ้าไม่บีบคั้นให้หนักหน่อย นางก็จะไม่รู้จักคำว่ากลัว
ั้แ่ต้นจนถึงเวลานี้ หลี่ไหวฺอวี้ล้วนยืนอยู่ด้านหลังิเป่าจู พิงกรอบประตูมองนางด้วยั์ตาวับวาว
“หัวหน้าหมู่บ้าน หากสามีข้าไม่รอด ข้าขอตายไปด้วยเลยก็แล้วกัน” หลี่กุ้ยเฟินกระโจนเข้าไปถึงตัวของคนป่วย พลางร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
“หากเ้าตาย ก็เท่ากับปล่อยคนร้ายลอยนวลพอดีสิ คดีเอาชีวิตคนเช่นนี้ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนรับผิดชอบ”
หลี่ไหวฺอวี้หลุบเปลือกตามองไป หวังซื่อยังคงนั่งอยู่ที่พื้น ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
พอได้ยินคนสองสามคนร้องรับกันเป็เสียงเดียว หวังซื่อถึงอึ้งเป็ไก่ไม้ หากอีกฝ่ายอยู่ไม่พ้นคืนนี้ ตนเองก็ต้องถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตาย ยากที่จะหนีโทษปะาชีวิตพ้น!
ไม่! นางไม่อยากตาย!
“เงิน ข้าจ่าย ข้าจ่าย ข้าจะไปหยิบมาจากบ้านเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบก็ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งกลับบ้านทันที
ถึงแม้จะเสียดายเงินปานใด แต่รักชีวิตของตนเองมากกว่า หวังซื่อจำต้องกัดฟันมอบเงินให้หลี่กุ้ยเฟินเพื่อปลอบขวัญและไกล่เกลี่ย เื่จึงยุติลงเพียงเท่านี้
หลังมอบเงินเสร็จ หวังซื่อก็กลับบ้าน เมื่อเห็นเงาร่างของหวังซื่อจากไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก ิเป่าจูก็ยิ้มเยาะออกมา
“น้องสาว ได้โปรดช่วยบุรุษของข้าด้วยเถิด” หลี่กุ้ยเฟินจับข้อเท้าของิเป่าจูพลางโขกศีรษะคำนับปลกๆ
ิเป่าจูรีบพยุงคนขึ้นมา “ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ เขาไม่เป็อะไรแล้ว เมื่อครู่ข้าก็แค่พูดข่มขู่หวังซื่อไปอย่างนั้นเอง”
ทุกคนตระหนักได้ในฉับพลัน ต่างพากันชมเชยิเป่าจูว่ามีไหวพริบ หลี่กุ้ยเฟินก็ซาบซึ้งในความหวังดีของนาง ั์ตาของหัวหน้าหมู่บ้านกับเฉียนซื่อยิ่งเปี่ยมไปด้วยการชื่นชม สาวน้อยคนนี้ช่างมีจิตใจประเสริฐแท้
จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันไป พระอาทิตย์ก็ลอยสูงขึ้นแล้ว ิเป่าจูกับหลี่ไหวฺอวี้ไปส่งหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อกลับมาถึง เพิ่งจะลั่นดาลประตู ก็มีเสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “พี่หญิง พี่ไหวฺอวี้ ไฉนพวกท่านกลับมาจากข้างนอกกันเล่า”
ิเป่าอวี้ยืนอยู่หน้าห้องหลัก เดินเหยียบรองเท้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง ยกมือขึ้นขยี้ตา ท่าทางยังงัวเงีย เห็นชัดว่าเพิ่งตื่นนอน
ทั้งสองถูกถามก็เลิกคิ้วสบตากัน ก่อนเอ่ยปากพร้อมกัน
“วิ่งยามเช้า”
“ขึ้นเขา”
พูดจบต่างก็หัวเราะออกมา ก่อนสบตากันอีกหน แต่ไม่มีใครยอมอธิบาย ิเป่าจูเข้าไปในครัว หลี่ไหวฺอวี้ก็กลับห้องปีกตะวันตกไปนอนต่อ
เนื่องจากิเป่าจูเก่งกาจด้านการใช้สมุนไพร ทั้งยังไม่เก็บค่ารักษา จึงได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน และมีชื่อเสียงในหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ตรงข้ามกับิเถี่ยจู้ จากการก่อเื่หลายต่อหลายครั้งของหวังซื่อ ความประทับใจที่ทุกคนเคยมีต่อสามีภรรยาสกุลิคู่นี้ก็ดิ่งลงพันจั้ง สูญสิ้นความรู้สึกที่ดีไป
เชิงอรรถ
[1] หมาฮวา หรือขนมเกลียว เป็ขนมของคนจีน ทำมาจากแป้งฟั่นเป็เกลียวและนำไปทอด เนื้อมีความกรอบและแข็งแน่น
