ถ้าฉือหางเคยสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น หลินกู๋หยู่รู้สึกว่านางจะไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ
แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็พี่สาวแท้ๆ ของร่างเดิมของนาง นั่นย่อมแตกต่างกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลินกู๋หยู่ก้มศีรษะลง และยกมุมปากขึ้นในลักษณะเยาะเย้ยตนเอง
ฉือหางชอบนางจริงๆ หรือไม่ หรือเป็เพราะเขาแค่คุ้นชินกับการดูแลของนาง?
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด มุมริมฝีปากของฉือหางก็อดไม่ได้ที่จะยกโค้ง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เช่นนั้นก็ดี"
เมื่อมองไปที่รอยยิ้มของฉือหาง หลินกู๋หยู่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน โดยทั่วไปแล้วหลินกู๋หยู่จะไม่พูดไม่จา จ้าวซื่อซึ่งอยู่ข้างๆ ก็ดูเหมือนจะใเมื่อเห็นท่าทีของหลินกู๋หยู่
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ฉือหางก็ชิงเอาจานไปล้างเป็อย่างแรก ในห้องเหลือเพียงสองคนคือ จ้าวซื่อและหลินกู๋หยู่
"เห็นฉือหางปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดีเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกวางใจแล้ว" จ้าวซื่อหรี่ตายิ้มขณะมองหลินกู๋หยู่ที่นั่งอยู่ด้านข้าง จากนั้นเอ่ยพูดอย่างเห็นด้วยว่า "ข้าก็ว่าแล้วเชียว ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับฉือหาง คนคนนั้นจะต้องมีความสุขไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน"
"จริงหรือ?" หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองจ้าวซื่อปราดหนึ่ง แล้วมองไปที่เงาร่างของฉือหางด้านนอก "พี่หญิงทำงานอะไรอยู่ในเมืองหรือ?"
“พี่หญิงของเ้าหรือ?” เมื่อพูดถึงหลินลี่เซี่ย สีหน้าของจ้าวซื่อชะงักเล็กน้อย “นางบอกว่านางทำงานเป็ผู้ช่วยในร้านซาลาเปา บอกว่าที่นั่นให้ทั้งอาหารและให้ที่อยู่อาศัย ให้เงินจำนวนหนึ่งทุกวัน"
หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลง และหยุดพูด
เมื่อเห็นท่าทีของหลินกู๋หยู่เช่นนี้ จ้าวซื่อก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
"ไม่มีอะไร" หลินกู๋หยู่กล่าวอย่างผิดหวัง ชำเลืองมองจ้าวซื่อที่อยู่ข้างๆ นางด้วยรอยยิ้มละไม "พี่หญิงกลับมาแล้ว ท่านก็ควรจะบอกข้าก่อนไม่ใช่หรือ?"
เมื่อได้ยินถ้อยคำของหลินกู๋หยู่ ใบหน้าของจ้าวซื่อก็แสดงออกถึงความไม่สบายใจเล็กน้อย
หลินกู๋หยู่ยกมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน "เสี่ยวหานอยู่ไหนหรือ?"
"ไปเรียน" เมื่อพูดถึงเื่นี้ บนใบหน้าของจ้าวซื่อก็ประดับด้วยรอยยิ้ม "ไม่คาดคิดเลยว่าเสี่ยวหานของเราจะเรียนได้ดีถึงเพียงนี้ ท่านอาจารย์ของเขาบอกว่าเขาฉลาด เป็นักเรียนที่ดี"
"เช่นนั้นก็ดี" หลินกู๋หยู่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ดูฉือหางล้างจานเสร็จแล้ว ลุกขึ้นเดินออกไป "โต้ซา"
เด็กเล็กมักจะตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างเป็อย่างมากเสมอ แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงเรียกของหลินกู๋หยู่ โต้ซาก็วิ่งไปหาหลินกู๋หยู่อย่างว่องไวด้วยขาสั้นของเขา
“ท่านแม่!” โต้ซากอดต้นขาของหลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้น และเรียกด้วยเสียงไพเราะเพราะพริ้ง
"เรา..." หลินกู๋หยู่รู้สึกแปลกๆ ในใจ แต่กระนั้นนางก็ไม่สามารถพูดออกมาเป็คำพูดได้ "กลับกันเถอะ"
"อืม" หลังจากที่ฉือหางช่วยจ้าวซื่อเก็บจาน ชามและตะเกียบแล้ว เขาก็รีบเดินไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม "ไปกันเถอะ"
ดวงตาของหลินกู๋หยู่ตกทอดไปที่ใบหน้ายิ้มๆ ของฉือหาง พยักหน้าเล็กน้อย
ระหว่างทางกลับ นอกจากโต้ซาเพียงคนเดียวที่พูดจอแจไม่หยุด อีกสองคนที่เหลือก็ไม่เอ่ยวาจาใด
ฉือหางมองไปที่สีหน้าของหลินกู๋หยู่ที่ผิดแปลกไปหลายส่วน จึงเอ่ยถามอย่างเป็กังวล "กู๋หยู่ เ้าไม่สบายตรงไหนหรือไม่?"
"ข้าสบายดี"
หลินกู๋หยู่ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดนางถึงได้รู้สึกหงุดหงิดซึมเศร้าเช่นนี้
ในความเป็จริง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดที่ฉือหางชอบนาง พวกเขาทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงฉากที่มีความเป็ไปได้อย่างมากที่เขาจะเข้าใกล้ชิดสนิทสนมกับหลินลี่เซี่ย หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก
“ข้ากับพี่หญิงของเ้าไม่เคยประพฤติตัวเกินเลยต่อกัน” ฉือหางมองดูท่าทางเหม่อลอยของหลินกู๋หยู่ แล้วกระซิบเสียงเบาว่า “ไม่เคยมีจริงๆ”
“อ้อ” หลินกู๋หยู่ตอบด้วยเสียงเรียบ ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อไป
นางถูกปกคลุมไปด้วยความหดหู่ ใครๆ ก็สามารถมองออก
โดยวันปกติทั่วไป หลินกู๋หยู่เป็คนสงบเสงี่ยม แต่เมื่อนางมีความสุข นางก็จะแสดงรอยยิ้มที่สดใส และคลี่ยิ้มให้คนอื่นด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ฉือหางรู้สึกว่าคนที่หลินกู๋หยู่ดูเหมือนจะห่วงใยมากที่สุดคือโต้ซา ไม่ใช่เขา
ฉือหางมองไปที่การแสดงออกของหลินกู๋หยู่ที่ดูท่าไม่้าพูดจา คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น และเดินตามหลังหลินกู๋หยู่อย่างใกล้ชิด
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้านสกุลฉือ หลินกู๋หยู่ก็เอาสมุนไพรออกไปตากแดดอย่างเอื่อยเฉื่อย
โต้ซานั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กไม่ไกลจากหลินกู๋หยู่ ในมือถือกิ่งไม้และขีดเขียนไปบนพื้น
เมื่อโต้ซาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาก็เงยหน้าขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้วคนยืนอยู่ที่ประตูคนนั้นเป็คนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ท่านแม่!” โต้ซาทิ้งกิ่งไม้ทันที จากนั้นวิ่งไปดึงแขนเสื้อของหลินกู๋หยู่ “มีคนมา!”
เมื่อมองตามเส้นสายตาที่โต้ซาชี้ไป หลินกู๋หยู่ก็เห็นเฉิงอันอันยืนอยู่ที่ประตู
“เ้ามาแล้ว ทำไมเ้าไม่เรียกข้าสักคำเล่า?” หลินกู๋หยู่มองไปที่เฉิงอันอันที่ยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้มฝืนๆ จากนั้นโบกมือเรียกนาง “เข้ามาเถอะ”
เฉิงอันอันฉีกยิ้ม พร้อมกระโจนเข้ามาจากข้างนอก สายตาของนางจับจ้องไปที่สิ่งของบนชั้นวางในลานบ้าน เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?"
“ตากสมุนไพร” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มละไม เมื่อนึกถึงปู่ของเฉิงอันอัน รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็จางหายไป “เื่ของท่านปู่ของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เฉิงอันอันก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ยกมุมปากขึ้นอย่างดูถูกตัวเอง "ท่านปู่ถูกฝังในดินไปสู่สุคติภพแล้ว ที่บ้านก็เหลือแต่ข้าเพียงคนเดียวแล้ว"
โต้ซายืนอยู่ข้างๆ มือจับที่ชายเสื้อของหลินกู๋หยู่ ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองเฉิงอันอัน จากนั้นก้มศีรษะลง แล้วใช้เท้าเล็กๆ ขีดและวาดบนพื้น
“ถ้าเ้าไม่มีอะไรทำ เ้าสามารถมาเล่นที่นี่ได้” หลินกู๋หยู่ยิ้มละไม ขณะมองไปที่เฉิงอันอันพร้อมกล่าวเชิญชวนด้วยความจริงใจ
"ข้าอยากเรียนทักษะทางการแพทย์กับพี่หญิง" เฉิงอันอันก้มหน้าลงด้วยความลำบากใจ จับมือทั้งสองข้างสุดแรง "เมื่อก่อนนี้ข้าก็เคยบอกพี่หญิงแล้ว"
หลินกู๋หยู่ชำเลืองมองไปที่สมุนไพรในสวน “การเรียนทักษะทางการแพทย์ไม่สามารถเรียนรู้ได้ภายในระยะเวลาหนึ่งปีหรือสองปีถึงจะเก่งได้ เ้าอยากที่จะเรียนรู้มันจริงๆ หรือ?”
โดยไม่รอให้เฉิงอันอันเอ่ยตอบ หลินกู๋หยู่ก็กล่าวต่อว่า "เมื่อเขียนใบสั่งยา ชีวิตมนุษย์อยู่ในมือของเ้า เ้าแน่ใจได้หรือไม่ว่าเ้าจะไม่ประหม่าและตื่นใ?"
เฉิงอันอันมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างยืนยัน พยักหน้าอย่างจริงจัง "ใน่เวลาที่ผ่านมา ข้าก็ตรึกตรองถึงเื่นี้มาโดยตลอด"
หลินกู๋หยู่มองไปที่คนตรงหน้าที่อยากเรียนทักษะทางการแพทย์อย่างเปี่ยมไปด้วยความหวัง ราวกับเห็นตัวนางเองเมื่อนานมาแล้ว
“เนื่องจากท่านปู่ของข้าสุขภาพไม่ดีก็เลยจากไป” เฉิงอันอันสูดลมหายใจ และเม้มปาก “ข้าสรุปได้ว่าพื้นฐานสุขภาพกายของท่านปู่ของข้าไม่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นท่านปู่จึงไม่สามารถต่อสู้กับโรคนั้นได้”
“แต่ถ้ารู้ว่าเป็โรคนั้นได้เร็วกว่านี้ หาวิธีการรักษาได้เร็วกว่านี้ บางทีท่านปู่ของข้าอาจจะหายเป็ปกติ” เฉิงอันอันกำหมัดแน่น และพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าอยากเรียนแพทย์ เพราะข้าไม่้าให้คนมากมายต้องเสียใจเช่นเดียวกับข้า”
หลินกู๋หยู่ไม่เคยคิดถึงเื่นี้มากนัก ในตอนนั้นสิ่งที่นางคิดก็คือ หากแม่ของนางไม่เสียชีวิต ก็คงจะดีไม่น้อย
เพื่อสมมุติฐานที่เป็ไปไม่ได้ แต่กระนั้นนางก็เลือกเรียนแพทย์ จากความกระตือรือร้นในตอนแรก และกลายเป็ี้เีในภายหลัง
“ข้ารู้เหตุผลของเ้าไม่กระจ่างนัก แต่ข้าแค่หวังว่าเ้าจะไม่ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้มาเปลี่ยนเป็ทักษะยาพิษก็เพียงพอแล้ว” หลินกู๋หยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชี้ไปยังสมุนไพรที่อยู่รอบๆ เ่าั้ “เ้าไม่รู้หนังสือ แต่นับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป เ้าต้องจำว่าสมุนไพรพวกนี้เขียนอย่างไร และชื่ออะไรบ้าง”
เฉิงอันอันมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้น ขณะมองดูหลินกู๋หยู่เขียนชื่อสมุนไพรบนพื้นอย่างจริงจัง และเริ่มท่องชื่อสมุนไพรทีละตัว
ฉือหางเดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมกับฟืนบนหลัง มองหลินกู๋หยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กอย่างเหม่อลอย จากนั้นวางฟืนไว้ข้างๆ "เวลาสายมากแล้ว เ้าอยากทานอะไรหรือ ข้าจะไปทำให้"
"ไม่เป็ไร ข้าจะไปทำเอง" หลินกู๋หยู่พูดพลาง มองไปที่คนที่กำลังเขียนอักษรเลียนแบบเฉิงอันอันอย่างจริงจัง "โต้ซา คืนนี้เ้าอยากทานอะไรหรือ?"
"เนื้อ!" โต้ซายกกิ่งไม้ในมือขึ้น มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างตื่นเต้น
"ข้าจะไปผัดหมูฝอย" หลินกู๋หยู่พูดกับฉือหาง จากนั้นหันหลังและเข้าไปในบ้าน
ในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังทำอาหาร ฉือหางอยู่ก็ช่วยเคียงข้างเสมอ
ความสนใจทั้งหมดของเขาอยู่ที่นาง เมื่อเห็นการแสดงออกที่ผิดแปลกไปอย่างมาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม "เ้าเป็อะไรไปหรือ ไม่มีความสุขใช่หรือไม่?"
"อืม"
สาเหตุที่หลินกู๋หยู่รู้สึกไม่สบายใจไม่เพียงเพราะเื่ของฉือหางเท่านั้น แต่เป็เพราะหลินลี่เซี่ย
การปรากฏตัวของหลินลี่เซี่ย เป็สาเหตุให้ความไม่สบายใจของหลินกู๋หยู่ค่อยๆ ขยายตัว
ในตอนนั้น ถ้าหลินลี่เซี่ยไม่หนีการแต่งงาน บางทีหลินกู๋หยู่อาจจะไม่ตาย และนางก็คงไม่ทะลุมิติมาที่นี่
หลินกู๋หยู่กัดริมฝีปาก คิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น
“เ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือ บอกข้าได้หรือไม่?” ฉือหางเติมฟืนเล็กน้อยลงในเตา มองไปที่หลินกู๋หยู่ที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างจริงจัง
หลินกู๋หยู่ที่กำลังหั่นผักหลุดชะงัก แล้วก็มองไปที่ฉือหางข้างๆ นาง ชายคนนั้นสูงกว่านางราวสองศีรษะ "ข้า… ทำอาหารกันเถอะ"
หลินกู๋หยู่ทอดถอนหายใจ เป็ไปได้หรือไม่ว่าสาเหตุที่นางกลายเป็คนคิดมากเพราะการมาของประจำเดือน?
ฉือหางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงได้แต่ทำตามคำของหลินกู๋หยู่และฟังในสิ่งที่นางพูด
ในตอนเย็น หลินกู๋หยู่้าให้เฉิงอันอันอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เฉิงอันอันหนีกลับไปก่อนแล้ว
ตอนกลางคืนเงียบสงัด โต้ซาก็ผล็อยหลับไปด้วย หลินกู๋หยู่นั่งข้างเตียงและเริ่มเย็บกางเกงสำหรับประจำเดือน
นางจำได้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่เคยบอกว่าพวกนางใช้ขี้เถ้าไม้ เพราะฝ้ายมีราคาแพงเกินไป
หลินกู๋หยู่เย็บอย่างเงียบๆ และได้ยินเสียงเหลาลูกธนูทีละดอกของฉือหางอย่างเป็จังหวะ
“เ้าชอบไปล่าสัตว์บนูเาหรือ?” หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าในห้องเงียบสงัดอย่างไม่คุ้นเคยเล็กน้อย ดังนั้น นางจึงพูดไปเช่นนั้น
ฉือหางหยุดเหลาลูกธนูชั่วคราว เสียงนั้นหยุดลง จากนั้นจังหวะการเหลาก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง "ไม่ชอบ"
“ข้าคิดมาตลอดว่าเ้าชอบมัน” หลินกู๋หยู่หยุดเย็บกางเกงในในมือชั่วคราว หันสายตามองไปทางฉือหางอย่างฉงน
ฉือหางใช้แรงเหลาลูกธนูแรงขึ้น "เพื่อดำรงชีวิต ถ้าข้าไม่ไป ครอบครัวก็จะไม่มีเงิน"
“อ้อ” หลินกู๋หยู่ก็เข้าใจเช่นกัน จากนั้นก็ง่วนกับงานในมือต่อไป
ฉือหางวางลูกธนูในมือแล้วเดินไปที่อ่างไม้ ล้างมือเสร็จก็เดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ "ดึกมากแล้ว เ้าต้องพักผ่อน"
“เกือบจะเสร็จแล้ว” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางผูกเงื่อนไปในเวลาเดียวกัน จากนั้นหยิบกรรไกรออกมาตัดด้าย
ฉือหางช่วยหลินกู๋หยู่วางตะกร้าเย็บผ้าไว้ข้างๆ รอให้หลินกู๋หยู่ขึ้นเตียง จากนั้นถอดรองเท้าและเตรียมเข้านอน
เดิมทีทั้งสองคนนอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่ตอนนี้กลายเป็นอนในผ้าห่มคนละผืน
ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป่าตะเกียงน้ำมันก๊าดข้างโต๊ะ แล้วตรงไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ ยกผ้าห่มของนางขึ้นอย่างเป็ธรรมชาติ แทรกตัวเข้าไปโดยไม่ได้รับเชิญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้