“เด็ก ๆ อาหารมาแล้วจ้ะ” ฟางเซียนยกถ้วยใส่โจ๊กหมูใส่ไข่สองถ้วย ที่เธอทำให้ตัวเองและลูกชายออกมา
ส่วนของลูกสาว เธอได้นำซีรีแล็กสูตรเริ่มต้น ที่เหมาะกับเด็กอายุเท่าลูกสาวของเธอออกมา เป็ซีรีแล็กเธอซื้อมาหลากหลายรสชาติ และหลากหลาย่อายุของเด็กด้วย
ส่วนร่างกายใหม่ที่เธอเข้ามาอยู่ ก็เพิ่งจะหายป่วย ร่างกายยังคงอ่อนแอ่อยู่มากจำเป็ต้องบำรุงให้มาก และเธอคิดว่าสองสามวันนี้ เธอจำเป็ต้องกินอาหารที่มีรสชาติอ่อนๆก่อน
ด้วยร่างกายแบบนี้ เธอจึงไม่สามารถทานอาหารที่มันหนักท้องเกินไปได้
เธอจึงจัดการตักหมูในถ้วยให้ลูกชาย ส่วนตัวเองทานแค่ข้าวต้มเปล่า ๆ กับไข่ลวกหนึ่งฟองในถ้วย
“แม่! ในถ้วยมีเนื้อหมูด้วย! แม่เอามาจากไหน ยังมีไข่อีก” เ้าใหญ่ฮุ่ยหมิ่งถามขึ้นเมื่อเห็นในถ้วยของตัวเอง มีทั้งข้าวขาวอยู่เต็มถ้วย ยังมีหมูและไข่อีกหนึ่งฟองด้วย มื้อนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้กินอาหารเหมือนกับาาเลย
แม้เขาจะไม่ได้อดอยากเหมือนเพื่อน ๆ ของเขาในหมู่บ้าน ที่บางบ้านแทบจะไม่มีข้าวจะกิน แต่ก็ใช่ว่าจะได้กินเนื้อทุกวัน
เนื้อหมูเขาจะได้กิน ก็ต่อเมื่อเป็วันปีใหม่ หรือพ่อของเขากลับมาจากค่ายทหาร เขาถึงจะได้กินสักชิ้นสองชิ้นเล็กๆ
ส่วนไข่ไก่ก็ได้กินบ้างแต่ไม่บ่อย นานๆจะได้กินสักเสี้ยวหนึ่งของไข่ไก่หนึ่งฟอง ไข่ไก่ที่บ้านคุณย่า มักจะให้พี่ฮุ่ยชิว ลูกชายของคุณลุงใหญ่กินเป็ส่วนมาก
“แม่ครับ แม่แอบเอาเนื้อกับไข่ไก่ของที่บ้านมาทำหรือครับ? นี่ถ้าย่ารู้เข้า ย่าจะต้องด่าแม่แน่ๆเลยครับ” ฮุ่ยหมิ่งกล่าวออกมา เขามองไปที่ถ้วยข้าว ก็อดกังวลอยู่ไม่ได้ทำให้เขาไม่กล้าที่จะหยิบช้อนขึ้นมากิน
ฟางเซียนเห็นลูกชายไม่ยอมทาน จึงกล่าวเพื่อไม่ให้เขาต้องคิดมากจนเกินอายุของตัวเอง
“เนื้อและไข่ไก่ที่แม่เอามาทำอาหาร ไม่ใช่ของที่บ้าน แม่แอบซื้อมาเก็บไว้ ตอนที่แม่เข้าไปในเมือง และลูกจะกลัวอะไร แม่ทำให้ลูกกิน ใครจะมากล้าว่าลูก ลูกรีบกินเถอะอย่ามามัวกังวลเื่ไม่เป็เื่ เดี๋ยวข้าวจะเย็นหมด และแม่ยังต้องป้อนข้าวน้องสาวของลูกอีก” ฟางเซียนกล่าว ก่อนจะตักซีรีแล็กในถ้วยใบเล็ก รสข้าวสาลีกับนมป้อนลูกสาว และกินข้าวของตัวเองสลับไปด้วย
ฮุ่ยหมิ่งเห็นว่าแม่ไม่กลัวย่า และยังบอกให้เขากินอีก เด็กชายมองข้าวในถ้วยก่อนจะตัดสินใจหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวในถ้วยเข้าปากคำโตๆ เด็กชายกินไปอย่างมีความสุข ก่อนจะเห็นว่าแม่กำลังป้อนข้าวน้องสาว ด้วยอะไรสักอย่างที่ดูไม่เหมือนข้าวเลย
“น้องกินอะไรครับ หอม ๆ ให้ผมกินด้วยได้ไหม” ฮุ่ยหมิ่งมองแม่ป้อนข้าวน้อง แล้วสงสัย ข้าวน้องมีกลิ่นหอม ๆ ออกมาด้วย เขาอยากจะลองชิมดู เขาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนเลย
“อันนี้เขาเรียกว่าข้าวบด เอาไว้ให้เด็กทารก ที่ยังเล็กเหมือนกับน้องสาวของลูกกิน น้องสาวยังไม่มีฟัน ทำให้กินอาหารแบบลูกไม่ได้จ้ะ” ฟางเซียนกล่าวอธิบายให้ลูกชายฟัง ก่อนจะใช้ช้อนตักซีรีแล็กในถ้วยป้อนไปที่ปากของลูกชาย ไปหนึ่งคำจะได้หายสงสัย
“เป็ไง อร่อยไหม” ฟางเซียนถามและดูสีหน้าลูกชาย ที่กำลังกินซีรีแล็กที่เธอป้อนให้
“รสชาติแปลก ๆ เละ ๆ ผมไม่ชอบครับ ข้าวต้มของแม่อร่อยมากกว่า” ฮุ่ยหมิ่งส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้า กินข้าวต้มในถ้วยตัวเอง โดยไม่สนใจข้าวของน้องสาวแล้ว
ฟางเซียนนั่งกินอาหารกับลูกทั้งสองเสร็จ เธอลุกไปเก็บถ้วยใส่อาหารไปล้างให้สะอาดก่อนคนที่บ้านจะกลับมา เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าพวกเธอแม่ลูกกินอะไรไป
เนื่องจากในยุคขาดแคลนแบบนี้ ไม่ควรให้ใครรู้ว่าเธอและลูกกินเนื้อและไข่ไก่ โดยเฉพาะแม่สามีของเธอ
“เอิ๊กกก ผมไม่เคยได้กินอิ่มแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากตอนพ่อกลับมา ไม่รู้ว่าเมื่อไรพ่อจะได้กลับบ้านอีก” ฮุ่ยหมิ่งกล่าว มือน้อย ๆ ก็ลูบท้องกลม ๆ ที่ยืดออกมาจากในเสื้อไปด้วย
“แอ้” เสียงน้องเล็กเอ่ยช่วยพี่ชายยืนยันอีกเสียง ด้วยเสียงที่พี่ชายก็ฟังไม่เข้าใจ แต่เ้าตัวอยากมีส่วนร่วมกับเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เื่ที่แม่มีอาหาร ลูกอย่าบอกคุณย่านะ กับคนอื่นก็บอกไม่ได้ ถ้าลูกยังอยากจะกินของอร่อย ๆ อีก” ฟางเซียนกำชับลูกชายเอาไว้ก่อน
“ครับ ผมไม่บอกใครหรอกครับ” ฮุ่ยหมิ่งพยักหน้ารับทราบ ฟางเซียนเห็นแบบนั้นก็พาลูก ๆ กลับเข้าไปในห้องนอน
เธอเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วทำท่าหยิบกระปุกอาหารเสริมบำรุงเืเม็ดสีแดงขึ้นมา ก่อนจะหยิบออกมาหนึ่งเม็ด และเดินกลับมาที่โต๊ะ เทน้ำในกระติกน้ำร้อนที่ใส่น้ำเปล่าต้มสุกเอาไว้ ใส่แก้วน้ำเพื่อกินยาบำรุง
หลังจากที่เธอทานข้าวเรียบร้อยแล้ว จำเป็ต้องกินอาหารบำรุงร่างกายเพิ่ม เพราะร่างกายนี้สูญเสียเืจากการแท้งบุตรไปมาก และยังไม่ได้ไปหาหมอด้วย
เธอจึงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูทั้งอาหารการกิน รวมไปถึงอาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเร็วๆ
ในกระติกน้ำร้อนของเธอ เธอยังได้ผสมน้ำวิเศษที่คุณตาเทวดาให้มาลงไปในกระติกด้วย
เพื่อช่วยในการฟื้นฟูร่างกายจากการเจ็บป่วยของเธอ และลูก ๆ ก็ได้ดื่มน้ำวิเศษนี้ด้วย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีร่างกายแข็งแรงมากขึ้น จะไม่เป็โรคขาดสารอาหาร
แต่เธอไม่ได้คิดจะให้เด็กดื่มแต่น้ำวิเศษหรอกนะ เื่นม อาหารการกิน ก็ต้องมาควบคู่กันด้วย หลังจากที่เธอดื่มน้ำเข้าไป ทำให้เธอรู้สึกมีแรงเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว แม้จะดีขึ้นแต่ร่างกายก็ยัง้าอาหารบำรุงเหมือนเดิม
...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงคนเคาะประตูห้องนอน
“ใครคะ” ฟางเซียนร้องถาม หลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู เธอหันไปมองดูลูก ๆ ที่ตอนนี้กำลังนอนกลางวันกันอยู่บนเตียงเตา
“แม่เอง” ฟางเซียนได้ยินเสียงคุณแม่สามี ดังออกมาจากนอกประตู เธอหันไปห่มผ้าให้ลูก ๆ ก่อนจะลุกไปเปิดประตูให้แม่สามี
“คุณแม่เข้ามานั่งในห้องก่อนสิคะ” เธอชวนให้แม่สามีเข้ามานั่งในห้อง ก่อนจะรินน้ำใส่แก้วให้แม่สามีได้ดื่มแก้เหนื่อยจากการทำงานหนัก
“ตอนนี้อาการของเธอดีขึ้นหรือยัง” แม่สามีถาม หลังจากที่เดินเข้าห้องมาก็มองไปที่หลาน ๆ ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
“ดีขึ้นมาหน่อยค่ะ แต่ก็ยังมีอาการเวียนหัว และยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรค่ะ” ฟางเซียนกล่าวบอกอาการตัวเองกับแม่สามี
“ที่แม่มาหาสะใภ้รอง แม่จะมาคุยเื่สะใภ้ใหญ่ที่เป็ต้นเหตุให้สะใภ้รองแท้งลูกนะ” แม่สามีกล่าว
นางชื่อหลินจินแต่งงานกับฮุ่ยเหอ มีลูกด้วยกันห้าคน ชายสี่คนหญิงหนึ่ง
นางเป็คนที่ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมาก ในสายตาของฟางเซียนคนเดิม ฟางเซียนคนเดิมคิดว่าแม่สามีของตัวเอง ไม่ได้ใจร้ายใจดำเหมือนแม่สามีในครอบครัวอื่น
ถึงแม้ว่านางมักจะมีนิสัยลำเอียงไปทางครอบครัวลูกชายคนโต ลูกชายคนที่สี่และลูกสาวคนเล็กของนางก็ตาม
และคนที่นางรักมากที่สุดก็คือหลานชายคนโต ที่เกิดจากบ้านลูกชายคนโตที่ไม่ว่าจะมีอะไรดี อะไรอร่อย จะต้องเก็บเอาไว้ให้หลานชายคนโต กับลูกสาวคนเล็กก่อนเสมอ
ซึ่งจากความทรงจำของเธอ เธอคิดว่าเ้าของร่างเดิน จะเข้าใจผิดของความร้ายกาจ เพราะดูยังไงๆแม่สามีคนนี้ ก็ไม่ใช่ตัวดีอะไร
“ตอนนี้อาการของสะใภ้รองก็ดูดีขึ้นแล้ว ไม่ได้เป็อันตรายถึงชีวิต ส่วนลูกที่เสียไป แม่กับพ่อก็เสียใจที่ต้องเสียหลานไป แต่เื่ก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีใครอยากให้เกิด มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สะใภ้รองก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ แม่ขอให้ลูกสะใภ้ ช่วยยกโทษให้พี่สะใภ้ใหญ่ สะใภ้ใหญ่เธอก็สำนึกผิดแล้ว และไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอแท้ง
และแม่ได้ลงโทษพี่สะใภ้ใหญ่ของเธอไปแล้ว ลูกก็ยกโทษให้นางเถอะ ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน เห็นแก่หลานชายคนโตเถอะนะ”แม่ฮุ่ยแม่สามีเข้ามาก็พูดขอร้องเธอไม่หยุด
ฟางเซียนที่นั่งฟังแม่สามีพูดอยู่นาน เธอก็เข้าใจได้ว่าที่แม่สามีมาคุยกับเธอวันนี้ก็เพื่อไม่ให้เธอเอาผิดสะใภ้ใหญ่
แต่เธอจะยกโทษให้ได้ยังไง ในเมื่อคนที่โดนทำร้ายก็ตายไปพร้อมกับลูกในท้องแล้ว คนตายไปหนึ่งศพสองชีวิตเลยนะ!
“ฉันจะไม่เอาผิดกับพี่สะใภ้ใหญ่ก็ได้ค่ะ แต่คุณแม่จะต้องยอมให้เราแยกบ้านออกมาค่ะ” ฟางเซียนกล่าวออกมา หลังจากนั่งฟังแม่สามีพูดอย่างสงบ จะให้เธอยกโทษให้เหรอ น่ารังเกียจเสียจริง เธอจะใช้โอกาสนี้ในการแยกบ้าน
“อะไรนะ แยกบ้าน ไม่ได้เด็ดขาด อยู่ ๆ จะมาขอแยกบ้านได้ยังไง พ่อแม่ยังไม่ตายนะ เื่แค่นี้ถึงกับขอแยกบ้าน แท้งก็แท้งไปแล้ว!
มันจะอะไรนักหนา ไม่ใช่ไม่มีใครไม่เคยแท้งลูก ไอ้การแท้งลูกมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ใคร ๆ ก็เคยแท้งกันทั้งนั้น เวลาที่ทำงานหนักในทุ่งนาบางคนแท้งก็ยังไม่รู้ตัวยังทำงานต่ออยู่เลย แม่ไม่ยอมให้แยกบ้าน เื่นี้ไม่ต้องมาพูดกันอีก เป็แค่ลูกสะใภ้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้” คุณแม่สามีได้ยินประโยคที่ฟางเซียนเอ่ย ก็สะดุ้งลุกจากเก้าอี้ ขึ้นมาโวยวายเสียงดังลั่นบ้าน จ้องหน้าลูกสะใภ้รองอย่างจะกินเืกินเนื้อ ในใจก็คิดว่าสะใภ้รองแท้งลูกจนบ้าไปแล้ว จึงโวยวายเสียงดัง รีบเดินออกไปนอกห้อง ไม่ยอมฟังที่เธอจะพูด
ลูก ๆ ของฟางเซียนใกับเสียงอันดังของผู้เป็ย่า สะดุ้งตื่นจากการนอนกลางวัน
เ้าใหญ่ไม่เท่าไรแค่ตื่นมานั่งหน้าบูดเท่านั้น แต่ลูกสาวของเธอคงใตื่นขึ้นมาจริง ๆ ถึงได้ร้องไห้ไม่หยุดเลย เธอไม่มีเวลาสนใจว่าแม่สามีจะคิดยังไง ตอนนี้เธอเดินไปอุ้มลูกสาวบนเตียงเตา ขึ้นมาอุ้มกล่อมให้หยุดร้องไห้ก่อน ซึ่งเป็เื่สำคัญที่สุด
.................................
ฝากติดตามด้วยนะคะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้