หลังจากขนสัมภาระเข้าห้องแล้ว ก็ปล่อยให้เด็กรับใช้จัดแจงข้าวของเข้าที่ ส่วนิหยวนกับิเยี่ยออกไปเดินเล่นรอบๆ ิเยี่ยยังจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก็ทำหน้าที่แนะนำสถานที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตรงนี้คือหอตำรา ตรงนั้นคือโถงศึกษา ตรงนี้คือลานฝึกวรยุทย์ ตรงนั้นคือหอปาเฟิง
แม้สำนักศึกษากลางจะแยกมาจากสำนักศึกษาหลวง แต่ก็ยังตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกัน บทเรียนก็เหมือนกัน สำนักศึกษากลางตั้งอยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของสำนักศึกษาหลวง มีูเา แม่น้ำ และทะเลสาบล้อมรอบ มีการขยายพื้นที่ออกไปด้านนอก โดยการรื้อบ้านเรือนหลายหลังทิ้งเพื่อสร้างหอสูงขึ้นมาใหม่
สำนักศึกษากลางมีประตูทางเข้าออกเป็ของตัวเอง ซึ่งก็คือประตูตะวันออกและประตูทางทิศใต้ แต่ยังมีประตูด้านในซึ่งเชื่อมต่อกับสำนักศึกษาหลวง ยกเว้นเวลาทำการเรียนการสอนแล้ว บัณฑิตในสำนักศึกษากลางยังสามารถเข้าออกสำนักศึกษาหลวงได้ แต่บัณฑิตสำนักศึกษาหลวงไม่สามารถเข้าไปในสำนักศึกษากลางได้ ิเยี่ยจึงคุ้นเคยกับสำนักศึกษาหลวงเป็อย่างดี
“ที่นี่มีกิจกรรมโต้วาที วิจารณ์เื่นั้นเื่นี้ บางทีก็ลงพนันกันทุกวัน ไม่รู้วันนี้ทำอะไร ไปดูกันเถอะ” ิเยี่ยเดินนำเข้าไปในหอปาเฟิงที่เพิ่งพูดถึง ด้านในมีผู้คนมาชุมนุมกันมากมาย ิเยี่ยคือคุณชายผู้รักสนุก ชอบเล่นไร้สาระ ไม่ใช่เด็กดีที่เอาแต่ประพฤติตนอยู่ในกรอบอะไรขนาดนั้น ปกติเขาจะแค่ดู ไม่ค่อยร่วมสนุก แต่วันนี้มีคนเก่งอย่างิหยวนมาด้วยก็เลยลากเขาเข้ามาดู
ที่แท้ก็การพนัน
หมากล้อมได้รับความนิยมมาเป็เวลาหลายร้อยปี ซึ่งเป็ที่นิยมในหมู่ผู้สูงศักดิ์มาโดยตลอด จนกลายเป็สิ่งบอกสถานะชื่อเสียงของคนดังด้วยซ้ำ ดังนั้นการเล่นหมากล้อมจึงเป็กิจกรรมทั่วไปของเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง หรือแม้แต่เหล่าเด็กๆ ในชนบท ไม่เพียงแต่มีการเขียนวิธีการเล่นออกไปเผยแพร่เท่านั้น แต่ยังพัฒนาไปถึงขั้นมีการวิจารณ์ทักษะการเล่นหมากล้อมอีกด้วย โดยแบ่งระดับฝีมือออกเป็เก้าระดับ
ทุกวันจะเกิดการทะเลาะวิวาทหรือเกิดปากเสียงกันที่มีสาเหตุมาจากการเล่นหมากล้อม ทว่าทางการและประชาชนต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามันไม่ใช่เื่เสียหาย แต่กลับยกย่องว่ามีรสนิยม
ทั้งสองยืนดูอยู่สักพัก ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเป็ผู้ใดพวกเขาก็ไม่รู้จัก คนทางขวาสวมเสื้อผ้าเหมือนบัณฑิต ส่วนคนทางซ้ายสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย มีขวดน้ำเต้าใบใหญ่วางไว้ข้างเท้าดูราวกับคนเสเพลพเนจร และจากที่สังเกตมาสักพัก ดูเหมือนว่าผู้เล่นฝ่ายขวาฝีมือเหนือกว่า แต่เพราะนี่เป็การพนันหมากล้อม ผู้ชมจึงทยอยวางเดิมพันทางผู้เล่นฝ่ายขวา
ิเยี่ยควักถุงเงินออกมาพลางกระซิบ “ผลลัพธ์ชัดเจนมาก ยังจะต้องคิดอะไรอีก เราลงเดิมพันด้วยสักหน่อยดีหรือไม่?”
ิหยวนพยักหน้าพร้อมกระซิบตอบ “ลงคนทางซ้าย”
“ห้ะ?”
ิหยวนขยิบตาให้เขา แต่ิเยี่ยเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงขนาดนี้แล้วไม่มีทางที่เกมจะพลิกได้ ทว่าเขากับิหยวนเล่าเรียนเขียนอ่านและโตมาด้วยกัน เขาย่อมรู้ดีว่าฝีมือหมากล้อมของิหยวนนั้นดีกว่าเขาเป็สิบเท่า ฉะนั้นแล้วิหยวนว่าอย่างไรเขาก็ว่าอย่างนั้น อีกทั้งิหยวนไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองแพ้แน่
ิเยี่ยชินกับการเชื่อฟังความเห็นอีกฝ่าย จึงกัดฟันหยิบตำลึงทองออกมาหนึ่งเหรียญ เล่นทั้งทีต้องเล่นใหญ่ไปเลย
“เอ๊ะ!”
“ผู้ใดกัน? บ้าไปแล้ว ไม่รู้กติกาหมากล้อมหรืออย่างไร”
“คุณชายสามิจากเจียงโจว เ้าแยกสีหมากไม่ออกหรืออย่างไร ”
“คุณชายสาม นี่หมากล้อมนะมิใช่ปาลูกดอก จะลงพนันมั่วๆ มิได้”
“กลัวไปไย ที่บ้านมีฐานะ”
“นั่นก็จริงๆ”
“วันนี้โชคดีข้ากำลังมา ข้าถึงได้ลงพนันไปเยอะที่สุด”
“นับถือๆ”
สถานการณ์บนกระดานหมากเริ่มที่จะเกินควบคุม และเหมือนฝ่ายหนึ่งกำลังจะพ่ายแพ้ ทว่าพอผู้เล่นฝ่ายซ้ายลงหมากอีกหนึ่งตัว รอบบริเวณก็พลั่นเงียบสนิท ก่อนจะเกิดเป็เสียงฮือฮาประหลาดใจ ผู้เล่นฝ่ายขวาหยิบหมากขึ้นมาทำท่าลังเลไม่รู้จะวางตรงไหนดี หลังจากคิดอยู่นานก็ยังยึกยักไม่วางสักที เหงื่อเย็นถึงกับแตกพลั่ก
เมื่อเสียงผู้คนรอบๆ ดังขึ้นเร่งเร้า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวางหมากลงอย่างลังเล เมื่อผู้เล่นฝ่ายซ้ายวางหมากอีกตัว หมากของฝ่ายซ้ายก็เรียงรายเหมือนสายน้ำ หมากขาวที่เดิมทีกระจัดกระจายอยู่ตามมุมกระดานหมากล้อมก็เชื่อมกันเป็ัตัวใหญ่ เคลื่อนคล้านล้อมรอบทุกทิศทาง ผู้เล่นฝ่ายขวานั่งนิ่งเฝ้าดูคู่ต่อสู้หยิบหมากของตนออกไปทีละเม็ด เมื่อไร้หนทางสู้จึงยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
ิเยี่ยที่กำลังหงุดหงิดจนแทบทนไม่ไหวที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ตอนนี้ความพ่ายแพ้กลายเป็ชัยชนะ ไม่เพียงแต่ได้ลาภใหญ่ แต่เขายังภูมิใจและสะใจมากอีกด้วย เขาพอใจอย่างถึงที่สุด กำหมัดชูขึ้นบนฟ้าพร้อมะโดีใจ ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กรับใช้ไปเก็บเงินที่กองอยู่ทางผู้เล่นฝ่ายขวามาให้
“แมวตาบอดเจอหนูตาย! [1] ตาข้าลองบ้าง!” ผู้เล่นฝ่ายขวาปาดเหงื่อก่อนลุกจากที่ บัญฑิตหนุ่มอีกคนนั่งแทนที่แล้วเป็ฝ่ายลงหมากก่อน
ซึ่งกติกามีดังนี้ หลังจากผู้เล่นลงหมากห้าครั้ง ผู้ชมถึงจะวางเดิมพันได้ ทุกคนสังเกตการณ์สักพักก่อนตัดสินใจวางเดิมพัน แต่เพราะมีบทเรียนจากตาเมื่อครู่ คราวนี้จึงมีคนลงเดิมพันทางผู้เล่นฝ่ายซ้ายจำนวนมาก ผ่านไปจนถึงกลางเกม สถานการณ์บนกระดานหมากกำลังสูสี ยิ่งไปกว่านั้นกลวิธีการเล่นหมากล้อมคนผู้นี้ค่อนข้างยืดหยุ่น รู้จักตั้งรุกตั้งรับ ดูมีชั้นเชิงมาก เหล่าผู้ชมจึงยิ่งหันไปกดดันเขา
ิเยี่ยหันมองิหยวน
ิหยวนเมียงมองผู้เล่นหมากล้อมทั้งสองฝ่ายพลางครุ่นคิด ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางขวา ิเยี่ยจึงลงเงินที่พึ่งชนะพนันมากับผู้เล่นฝ่ายขวา
“คราวนี้คุณชายิได้เปรียบแล้ว”
“ข้าไม่เชื่อว่าโชคจะเข้าข้างเขาอีกเป็ครั้งที่สอง”
“เป็ไปไม่ได้ จงเหรินฝีมือขั้นห้าเชียวนะ”
ิเยี่ยลงเดิมพันด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ เรียกเสียงหัวเราะเยาะจากผู้คนรอบๆ อีกครั้ง ทว่าไม่มากเหมือนก่อนหน้านี้ พอได้ฟังบทสนทนารอบตัว เขาก็จับใจความได้ว่าผู้เล่นฝ่ายขวาค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่บัณฑิต ฝีมือหมากล้อมของเขาจัดอยู่ในระดับห้า เรียกได้ว่าคือหนึ่งในผู้เล่นอันดับต้นๆ ของสำนักศึกษาหลวง
ผู้เล่นทางซ้ายลงมือวางหมากอย่างฮึกเหิม ท่าทางมั่นใจในฝีมือตนมาก มุ่งไปที่การจับหมากกินเท่านั้น เมื่อไร้การตั้งรับและคุ้มกัน ทหารอวดดีมักเสียเมือง สุดท้ายจึงพลาดชัยชนะ พ่ายแพ้ให้กับผู้เล่นฝ่ายขวานามว่าจงเหริน
“อีกรอบ!” จงเหรินได้ใจจึงชวนเล่นอีกตา
เขาใช้ประโยชน์จากกำลังใจดีที่ได้ชัยชนะไล่ตอนคู่ต่อสู้จนได้รับชัยชนะอีกครั้ง
ิเยี่ยฉีกยิ้มรับเงินอีกครั้ง เงินที่เขาได้มาวันนี้มากพอที่จะเลี้ยงฉลองในภัตตาคารชุนเฟิงสักหนึ่งมื้อ
ผู้คนรอบตัวเขาต่างประหลาดใจ เขาไม่เพียงแต่คาดเดาได้อย่างแม่นยำ แต่ยังลงเดิมพันอย่างมั่นใจ ไม่มีท่าทีลังเล แม้แต่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายยังอดเหลือบมองเขาไม่ได้ มีหลายคนในที่แห่งนี้พอจะรู้จักเขาอยู่บ้าง แต่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเขามีความสามารถทางด้านนี้
โดยปกติหมากล้อมจะจบลงด้วยการชนะสองในสาม ในรอบที่สามไม่มีผู้ใดลงเดิมพันทางผู้เล่นฝ่ายซ้ายเลย
ิเยี่ยกำลังจะเดิมพันต่อ ทว่าถูกิหยวนเอ่ยถามขัดจังหวะพอดี “จะลงเดิมพันฝ่ายใด?”
“ย่อมต้องเป็ฝั่งคุณชายอู๋อยู่แล้ว” ผ่านการชมหมากล้อมไปสองตา พวกเขาก็รู้แล้วว่าผู้เล่นฝ่ายขวาแซ่อู๋ นามว่าจงเหริน
ิหยวนเดาะลิ้นไม่พอใจ “เช่นนั้นเ้าไปเถิด”
ิเยี่ยรู้จักเขาเป็อย่างดีจึงรีบหยุดการกระทำ “ทำไม? หรือไม่ควร?”
ิหยวนยกนิ้วชี้บนริมฝีปากส่งสัญญาณให้เขาเงียบ จากนั้นก็หันหน้าไปทางซ้ายเบาๆ
พวกเขาสองคนยืนอยู่ในฝูงชน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามพูดให้เบาเพียงใดก็ยังมีคนได้ยิน ผู้คนรอบตัวพวกเขาเห็นผลของการเดิมพันหลายครั้งและอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจเพื่อดูว่าใครจะเดิมพันในท้ายที่สุด
ิเยี่ยยังคงมองิหยวน มองแล้วมองอีก แต่สุดท้ายก็วางเดิมพันทั้งที่ในหัวยังเต็มไปด้วยความสงสัย เขาสับสน ล่าสัตว์เมื่อปีที่แล้ว
สองฝ่ายหยุดชะงัก รวบชายแขนเสื้อไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
ผู้เล่นฝ่ายซ้ายมองถุงเงินใบเดียวที่จู่ๆ ก็ตกลงบนโต๊ะว่างเปล่าที่อยู่ฝ่ายเขา ก่อนจะหันมองิเยี่ยและิหยวนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ทันใดนั้นเขาก็ยิ้ม
การเล่นหมากล้อมเป็กิจกรรมที่สง่างาม ต้องวางมาดให้ดูดีตามแบบฉบับผู้มีคุณธรรมและได้รับการขัดเกลามาอย่างดี สองฝ่ายจึงหันกลับมามุ่งความสนใจจดจ่ออยู่ที่กระดานหมากเช่นเดิม
ผู้เล่นฝ่ายซ้ายเหมือนจะเปลี่ยนกลยุทธ์การเล่น ไม่เหมือนสองตาที่แล้ว คราวนี้เขาไม่รีบร้อน วางหมากอย่างสบายๆ ผ่านไปไม่นานหมากขาวก็ยึดครองกระดานฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปได้ สักพักหมากดำก็ปิดล้อมหมากขาวที่จุดเทียนหยวน สองฝ่ายผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่อย่างนั้น ไม่มีท่าทีว่าเกมจะจบง่ายๆ
ิเยี่ยกระวนกระวาย สองมือถูไปมาไม่หยุด “เมื่อไหร่จะจบเกม?”
ิหยวนมือไขว้หลังแล้วพูดอย่างใจเย็น “วางอีกไม่เกินสิบหมาก”
ดูเหมือนว่าบัณฑิตพเนจรจะได้ยิน หูเขาถึงได้กระตุก
เป็อย่างที่ิหยวนบอก วางหมากครั้งที่เก้า ผู้เล่นฝ่ายซ้ายก็เป็ฝ่ายชนะ
ผู้เล่นฝ่ายขวายืนขึ้นโค้งให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ทั้งที่เหงื่อยังแตกพลั่ก “ข้าน้อยอู๋เต้าจากไท่โจว นามรองว่าอู๋จงเหริน สองตาแรกข้าชนะได้เพราะศิษย์พี่อ่อนข้อให้ ขอศิษย์พี่ชี้แนะจะได้หรือไม่?”
ผู้คนส่งเสียงฮือฮา เหตุเพราะพึ่งได้รู้ว่าที่เขาพ่ายแพ้ไปก่อนหน้าเกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ!
“ไม่กล้าๆ ก็แค่การเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องแกล้งแพ้ ข้าน้อยจางรั่งจากเหยี่ยนโจว นามรองจิ่วร่าง”
เรียกได้ว่าหินก้อนเดียวสร้างคลื่นพันคลื่น ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักตระกูลจางจากเหยี่ยนโจว “ตำราหมากล้อม” ที่ทุกคนมีเขียนโดยบรรพบุรุษของตระกูลจาง จางรั่งเป็ที่รู้จักในฐานะเด็กอัจฉริยะั้แ่อายุเก้าขวบ เขาสามารถพลิกสถานการณ์ หรือแม้แต่หลับตาเล่นก็ยังได้ ผู้าุโในตระกูลกลัวว่าเขาจะกลายเป็คนหยิ่งผยอง จึงตั้งกฎว่าต้องยอมแพ้สองตาให้คนแปลกหน้า เมื่อทุกคนรู้ภูมิหลังของเขา บรรดาผู้ที่ยังสงสัยว่าเขาแกล้งแพ้จริงหรือไม่ก็เชื่อสนิทใจว่าจางรั่งนั้นสามารถกำเนิดได้ว่าเขาจะแพ้หรือชนะ
จางรั่งพยักหน้าทักทายิเยี่ย “คุณชายท่านนี้ถึงจะเป็คมในฝัก ไม่ว่าข้าจะเล่นเกมรุกหรือรับ เขาก็เดาได้ทั้งหมด กดดันข้าไม่น้อย”
ิเยี่ยที่กำลังยืนอึ้งรีบปฏิเสธโดยการชี้ไปทางิหยวน “เขาบอกข้าแค่ลงพนัน”
จางรั่งหันมองิหยวนที่กำลังจ้องิเยี่ยตาเขม้งอีกที ก่อนจะหันมาขำแห้ง “ไม่ขนาดนั้นหรอกๆ พวกเราเพิ่งมาใหม่ ยังมีหลายสิ่งที่ต้องไปจัดการ คงต้องขอตัวก่อน”
ิหยวนรีบลากิเยี่ยออกจากฝูงชน
“เดี๋ยวสิ! คุณชายช้าก่อน! เราเล่นด้วยกันสักตาเถิด! แค่ตาเดียวก็ได้!” จางรั่งคว้าขวดน้ำเต้าขึ้นมาถือพาดไหล่ ก่อนจะวิ่งตามออกมาพร้ะโกนเสียงดัง “ เดี๋ยวก่อน! รอข้าด้วย! เรามาเล่นด้วยกันสักตาเถิด!”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] แมวตาบอดเจอหนูตาย (瞎猫碰到死耗子) หมายถึง บังเอิญโชคเข้าข้าง