าแที่เท้าของซูจิ้งเถียนแม้แต่หมอหลวงก็ไม่แน่ว่าจะรักษาหายได้ แต่ตอนนี้กลับถูกบังคับให้ได้แต่เชิญหมอทั่วไปแล้ว
ดูไปแล้วอวี้เสวียนจีหากไม่ทำให้นางพิการก็จะไม่ยอมเลิกราแล้ว
แบบนี้ก็ดีนางแซ่หลี่ฝันเฟื่องมาตลอดคิดอยากให้ซูจิ้งเถียนเข้าวัง
บัดนี้ซูจิ้งเถียนกลายเป็แบบนี้ไปแล้ว อย่าว่าแต่เข้าวังเลยจะหาครอบครัวสามีที่ดีครอบครัวหนึ่งล้วนเป็เื่ยากแล้ว
นางกลับจะดูว่าวันข้างหน้าซูจิ้งเถียนยังจะหยิ่งยโสใส่นางได้อย่างไร
ในเรือนของซูจิ้งเถียนยุ่งเหยิงไปหมดเรือนของหลี่ฉีก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน
หลี่อู่เสียชีวิตไปนานแล้วตระกูลหลี่ดูแลพวกเขาแม่ลูกอย่างหยาบคาย หลายปีมานี้นางแซ่โหยวกับหลี่ฉีต่างพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด
วันนี้เห็นลูกชายถูกตีจนกลายเป็แบบนี้กลับมาปวดใจยิ่งนัก
แต่เื่ที่หลี่ฉีทำเื่การสมรู้ร่วมคิดเหล่านี้ก็ได้แพร่ไปถึงในหูของเ้าบ้านตระกูลหลี่มานานแล้ว
เ้าบ้านตระกูลหลี่กล่าวประโยคหนึ่งไว้วงศ์ตระกูลเคราะห์ร้าย แม้แต่หมอต่างก็ไม่ให้เชิญแล้ว
นางแซ่โหยวถามที่มาที่ไปของเื่ที่เกิดขึ้นดูแล้วไม่มีทางเลือกจึงได้แต่มาจวนอัครมหาเสนาบดีเพื่อขอให้นางแซ่หลี่ช่วยหลี่ฉีเชิญหมอ
“นายหญิงนายหญิงโหยวตระกูลหลี่มาหา บอกว่าขอให้ท่านช่วยเชิญหมอให้คุณชายหลี่ฉีด้วยเ้าค่ะ”หลินมามาแจ้งข่าว
ทันทีที่ซูจิ้งเถียนถูกหามกลับเข้าเรือนก็หมดสติไปแล้วตอนนี้ขาทั้งสองของนางเพิ่งพอกยาเสร็จ หมอสั่งไว้ให้พักผ่อนดีๆ
นางแซ่หลี่ไม่สนใจ“ไม่พบ”
เื่ที่หลี่ฉีถูกตีนางได้ยินมาแล้ว แต่ตอนนี้นางแทบอยากให้หลี่ฉีไปตาย
ถ้าไม่ใช่หลี่ฉีสารภาพบอกเื่ซูจิ้งเถียนออกมาซูจิ้งเถียนจะาเ็ขนาดนี้ได้อย่างไร
เมื่อครู่หมอยังบอกอีกว่าหัวเข่าของซูจิ้งเถียนนี้ได้รับการกระตุ้นต่อให้สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ แต่ยังคงทิ้งข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ด้วย
ปัญหาเล็กน้อย? ซูจิ้งเถียนเด็กคนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ทำไมสามารถทิ้งปัญหาเล็กน้อยนี้ไว้ได้!
“บ่าวรู้สึกว่าเวลานี้ท่านย่อมไม่ยอมพบนายหญิงแซ่โหยวแน่เมื่อครู่ก็เลยให้นางกลับไปแล้วเ้าค่ะ แต่นางกลับคุกเข่าอยู่นอกจวนอัครมหาเสนาบดีปฏิเสธไม่ยอมไปบ่าวเกรงว่าการเคลื่อนไหวนี้ของนางจะสร้างความแตกตื่นแก่นายท่านจึงมารายงานเ้าค่ะ”หลินมามารู้สึกลำบากใจบ้าง
คิ้วเรียวของนางแซ่หลี่เลิกขึ้นอย่างดุดันแววรังเกียจเต็มอยู่ในดวงตาของนาง “หลี่ฉีไม่สามารถทำเื่ให้สำเร็จลุล่วงได้แต่ทำเสียเื่ได้ง่ายนัก ทำร้ายเถียนเอ๋อร์จนกลายเป็แบบนี้ ไม่คาดว่านางแซ่โหยวยังมีหน้ามาขอให้ข้าช่วยนางเชิญหมอ? ให้บ่าวไพร่ไล่นางออกไปถ้านางกล้ามาอีก มาครั้งหนึ่งก็ตีครั้งหนึ่ง”
อาการาเ็ของซูจิ้งเถียนต้องมีคนรับผิดชอบดังนั้นนางแซ่หลี่โยนไปที่หลี่ฉีทั้งหมด
หลินมามาเห็นนางแซ่หลี่เสียสติไปแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงลาน“นายหญิง ยิ่งเป็เวลานี้ท่านอย่าได้สร้างปัญหาเลยนะเ้าคะ”
นางแซ่หลี่ถูกหลินมามาเตือนสติทันทีน้ำตาสองสายไหลพรากลงมาตามร่องแก้ม “หลินมามาเ้าเป็สาวรับใช้ที่ตามข้าหลังจากที่สมรสมาเป็คนที่เห็นเถียนเอ๋อร์เติบโตมาั้แ่เด็กตอนนี้เถียนเอ๋อร์ได้รับาเ็จนกลายเป็แบบนี้ไปแล้ว เ้าจะให้ข้าใจเย็นลงได้อย่างไร?”
“นายหญิงหยุดร้องไห้ก่อนเ้าค่ะไม่แน่ว่าลองเรียกพบนายหญิงแซ่โหยวมาอย่างที่เรียกว่าเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะใส่รองเท้า นายหญิงแซ่โหยวไม่มีอะไรเหลือเหลือเพียงหลี่ฉีลูกชายคนเดียว ตอนนี้หลี่ฉีถูกตีจนกลายเป็แบบนี้ตระกูลหลี่ยังโยนหินใส่บ่อ ซ้ำเติมอีก ความปวดร้าวในใจไม่น้อยกว่าท่านถ้าท่านสามารถยุแยงให้นางจัดการซูเฟยซื่อได้ นกปากซ่อมกับหอยกาบทะเลาะกันคนตกปลาย่อมได้ประโยชน์ ไยมิใช่จบศึกได้เร็วเล่าเ้าคะ” หลินมามาพูดความคิดของนางออกมา
นางแซ่หลี่ขมวดคิ้วดูเหมือนกำลังครุ่นคิด “วิธีนี้ดีก็ดี เพียงแต่ซูเฟยซื่อนี้ก็เหมือนแมวเก้าชีวิตทุกครั้งล้วนสามารถเปลี่ยนเื่ร้ายให้กลายเป็เื่ดี ถ้าบังเอิญครั้งนี้...”
“ท่านกลัวอะไรต่อให้ครั้งนี้ซูเฟยซื่อหนีรอดเภทภัยไปได้อีกครั้ง ที่ประสบหายนะเป็นางแซ่โหยวเกี่ยวอะไรกับเรา?แต่ถ้านางแซ่โหยวทำสำเร็จล่ะเ้าคะ?”
ถ้านางแซ่โหยวทำสำเร็จถ้าเช่นนั้น นางไม่ต้องลงมือก็สามารถกำจัดหอกข้างแคร่ขวากหนามในใจคนหนึ่งให้หมดไปได้ด้วย
ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่นางไม่สูญเสียอะไรไยไม่สุขใจเล่า?
“ให้นางเข้ามา”
“นายหญิงจวนอัครมหาเสนาบดีช่วยด้วยเ้าค่ะ”นางแซ่โหยวเข้าประตูมาทันทีก็คุกเข่าลงตรงหน้านางแซ่หลี่ ร้องไห้ร้องห่มจนคราบน้ำตาเต็มใบหน้า
นางแซ่หลี่ฝืนอดกลั้นความแค้นในใจไว้รีบก้าวมาข้างหน้าพยุงนางขึ้นมา “พี่สะใภ้อย่าทำเช่นนี้ มีวาจาพูดกันดีๆที่นี่ไม่มีคนนอก มิต้องมีพิธีรีตองอะไรพวกนี้”
เห็นท่าทีนางแซ่หลี่ไม่เลวนางแซ่โหยวอดไม่ได้ที่อุ่นใจขึ้น รีบจับมือนางแซ่หลี่ไว้แน่น“ขอท่านช่วยฉีเอ๋อร์เถิด นายท่านไม่ยอมให้คนของตระกูลหลี่เชิญหมอให้เขาเขาก็ใกล้จะฝืนยืนหยัดต่อไม่ไหวแล้ว ตอนนี้คนที่สามารถช่วยเขาได้มีเพียงท่านเท่านั้น”
“อะไร? คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อไม่เชิญหมอมาให้ฉีเอ๋อร์?” นางแซ่หลี่แสร้งประหลาดใจแต่คิ้วก็หลุบลงโดยเร็ว ถอนหายใจแล้ว “ก็ใช่ ครั้งนี้ฉีเอ๋อร์ทำผิดแล้วจริงๆ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้นางแซ่โหยวลนลานทันที รีบคุกเข่าลงไปอีก “ข้ารู้ว่าเื่ครั้งนี้เป็ฉีเอ๋อร์ทำผิดไม่เพียงแต่ทำร้ายตัวเองแล้ว ยังทำให้เถียนเอ๋อร์พลอยติดร่างแหด้วยแต่ความผิดโทษยังไม่สมควรตาย ท่านต้องช่วยเขาให้ได้ ข้าไม่มีวิธีจริงๆจึงมาขอท่านเ้าค่ะ”
“ช่วยน่ะต้องช่วยแน่ๆเพียงแต่...ครั้งนี้ที่ฉีเอ๋อร์ล่วงเกินเป็ซูเฟยซื่อ คาดว่าเ้าคงได้ยินมาแล้วตอนนี้อำนาจใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ได้อยู่ในมือของข้าถ้าหากซูเฟยซื่อย้ายความโกรธเพราะข้าช่วยฉีเอ๋อร์เชิญหมอ ข้าเองกลับไม่กลัวที่กลัวก็กลัวนางคิดอะไรแผลงๆ ออกมาจัดการฉีเอ๋อร์อีก นั่นก็เป็เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแล้ว”นางแซ่หลี่ขมวดคิ้วไว้แน่นอย่างลำบากใจเหมือนอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นี่...”นางแซ่โหยวอึ้งไปแล้ว “เื่คุณหนูสาม ข้าได้ยินมาบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงเ้าค่ะ”
“เื่ที่เ้าคิดไม่ถึงยังมีอีกมากนะบ้านใหญ่หลังนี้ ที่มีมากเป็คนใจอำมหิตโหดร้าย” นางแซ่หลี่กล่าวจบ ก็ขยับศีรษะเข้าไปใกล้หูของนางแซ่โหยวเริ่มกระซิบแล้ว
“อะไร! ที่แท้เป็ซูเฟยซื่อที่ทำร้ายฉีเอ๋อร์ฉีเอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้า...”
ขณะที่นางแซ่โหยวออกจากเรือนของนางแซ่หลี่ความโกรธที่ก้นบึ้งหัวใจเกือบจมเอาสติปัญญานางทั้งหมดจนมิด
นางแซ่หลี่พูดถูกซูเฟยซื่อเป็เพียงบุตรสาวอนุคนหนึ่ง อาศัยอะไรมารังแกฉีเอ๋อร์ลูกของนางได้?
ถ้าเป็การทะเลาะวิวาทระหว่างเด็กน้อยนางก็ไม่พูดอะไรแล้วแต่นี่เห็นชัดๆ ว่าคิดเอาชีวิตของฉีเอ๋อร์
ถ้าไม่ใช่นางคุกเข่าอยู่หน้าประตูของจวนอัครมหาเสนาบดีวิงวอนขอร้องให้นางแซ่หลี่ช่วยหาหมอแก่หลี่ฉีอย่างยากลำบาก ไม่รู้ว่าหลี่ฉีจะสามารถอยู่รอดผ่านถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่
ไม่ได้แค้นนี้นางต้องชำระ!
นางแซ่โหยวเดินตามเส้นทางที่นางแซ่หลี่ชี้บอกแก่นางแล้วมุ่งเดินไปยังสวนปี้หวินยังไม่ได้เข้าประตู ก็ถูกสาวรับใช้ในชุดเสื้อเขียวคนหนึ่งชนเข้าอย่างจังแล้ว
“ไอ้คนไหนไม่มีตามองกัน?”เดิมในใจนางแซ่โหยวห่อไฟกลุ่มหนึ่งไว้ไม่มีที่ระบาย อดไม่ได้ที่จะโกรธด่าว่า
จือฉีไม่เคยเห็นนางแซ่โหยวมาก่อนแต่เห็นลักษณะนางแซ่โหยวดูไม่คล้ายเป็คนรับใช้คนหนึ่ง อดที่จะอึ้งไปคราหนึ่งไม่ได้“เ้า...”
นางส่งเสียงนี้ออกมาปุ๊บกลับดึงดูดความสนใจของนางแซ่โหยวแล้ว
เพียงเห็นนางมีใบหน้ารูปไข่ดวงหนึ่งสีผิวไม่ขาวมาก แต่ที่โดดเด่นอยู่ที่ดวงตาดุจพระจันทร์เสี้ยวคู่นั้นให้คนเห็นรู้สึกชื่นชมยินดีโดยไร้เหตุผล เสื้อผ้าบนร่างแม้ว่าไม่ได้เป็วัสดุที่ดีแต่กลับแสดงให้เห็นถึงรูปร่างทั้งหมดอย่างชัดเจนออกมา ดูงดงามอ่อนช้อยเว้าหน้านูนหลัง
“เ้าเป็?” นางแซ่โหยวมองนางจากบนลงล่างพิจารณาแล้วรอบหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้เป็คุณหนูอัครมหาเสนาบดี จึงเอ่ยปาก
“บ่าวเป็สาวรับใช้ของสวนปี้หวินจือฉีเ้าค่ะ” จือฉีไม่รู้ฐานะตัวตนของบุคคลตรงหน้าได้แต่รายงานบอกตามความเป็จริง
“สาวรับใช้ของสวนปี้หวิน? ที่ปรนนิบัติซูเฟยซื่อ?” นางแซ่โหยวเงยหน้าขึ้นมองสวนปี้หวินแล้วคราหนึ่งค่อนข้างประหลาดใจ รีบกล่าวต่อ จือฉีใสะดุ้งทันทีในความกระตือรือร้นของนางดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง “เ้าค่ะ”
ที่แท้เป็สาวรับใช้ของซูเฟยซื่อ
หัวใจของนางแซ่โหยวจู่ๆหมุนหนึ่งตลบ มุมปากก็ยกขึ้นมาแล้ว “นับว่าเป็นังหนูสะสวยคนหนึ่งข้าเป็ญาติทางบ้านมารดาของนายหญิงเ้าได้ยินว่าเถียนเอ๋อร์ป่วยจึงมาเยี่ยมนางเป็พิเศษ”
พอได้ยินว่าเป็คนทางบ้านมารดาของนางแซ่หลี่จือฉีอดไม่ได้ที่จะเครียดขึ้นมา
ครั้งที่แล้วเพื่อได้รับรางวัลนางจึงได้ล่วงเกินนางแซ่หลี่แล้วตอนนี้ยังได้พบกับคนทางบ้านมารดาของนางแซ่หลี่ นางแซ่หลี่คงไม่ฉวยโอกาสนี้ลงโทษนางนะ?
กำลังคิดจู่ๆ นางแซ่โหยวฉวยมือนางไว้ทันที แล้วเดินเข้าไปในสวนบุปผชาติทำเอาจือฉีใรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “นี่ท่านจะทำอะไร?”
“เรียกข้าว่านายหญิงโหยวก็ได้อย่าเคร่งเครียด ข้าดูว่าเ้านั้นหน้าตาไม่เลวจึงคิดอยากให้เ้าสนทนากับข้า” นางแซ่โหยวเห็นนางลนลานยิ่งไม่ปล่อยมือ แต่กลับยกริมฝีปากยิ้มทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้