หลินเหรินเทียนกังวลจนกินอะไรไม่ลง ส่วนเย่เฟิงอยู่บ้านกินอาหารร่วมกับเหล่าหญิงงามของเขาอย่างเปี่ยมสุข
ทักษะการทำอาหารของชูชูยอดเยี่ยมมาก ทุกครั้งที่เย่เฟิงได้กินก็รู้สึกราวกับขึ้น์ เมื่อก่อนตอนที่อยู่โลกเทวะ ต่อให้ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย เพียงมีซูเฟยหยิ่งเขาก็สุขใจแล้ว แม้ซูเฟยหยิ่งจะแข็งแกร่ง แต่เธอไม่ถนัดการทำอาหาร เทียบกับชูชูแล้วยังห่างชั้นกันไกล
“เย่เฟิง ฉันใช้โล่ดาวประกายพรึกได้แล้ว”
ระหว่างกินข้าว หลงหว่านเอ๋อร์ก็เอนตัวมากระซิบ
โล่ดาวประกายพรึกไม่ใช่วิชาเซียนพื้นฐาน แต่เป็วิชาเซียนขั้นสูงของสำนักสุสานดวงดาว ความซับซ้อนมากกว่าศรฝังดวงดาวเสียอีก หลงหว่านเอ๋อร์ใช้เวลาหลายวันกว่าจะบรรลุวิชานี้ ซึ่งความจริงก็ถือว่าเร็วมาก
“ไม่เลวเลย งั้นคืนนี้ฉันคงต้องให้รางวัลเธอมากหน่อย” เย่เฟิงผุดยิ้ม
ใบหน้าหลงหว่านเอ๋อร์แดงซ่าน มองเขาอย่างเปิดเผย “นายก็รีบเพิ่มระดับพลังให้เร็วเถอะ ไม่อย่างนั้นจะโทษว่าฉันรังแกนายไม่ได้นะ”
“วางใจเถอะ ฉันจะตั้งใจฝึกกับเมิ่งหาน”
เย่เฟิงมองไปทางซูเมิ่งหานที่กำลังกินอาหารอยู่เงียบๆ พร้อมเผยรอยยิ้ม
ซูเมิ่งหานก็เหมือนกับเขา เพิ่งเริ่มฝึกพลังได้ไม่นาน เส้นลมปราณของเธอยังไม่ขยายใหญ่พอ แม้ในแหวนมิติจะมีสมบัติ์อยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถดูดซับพลังจากมันได้ ต้องขยายเส้นลมปราณเพื่อรองรับพลังจากมันให้ได้เสียก่อน
กล่าวได้ว่าตอนนี้ไม่มีใครสนใจเื่ของหลินเหรินเทียนเลย หากคนในเมืองเยี่ยนจิงรู้ว่าตอนนี้เย่เฟิงกำลังมีความสุขและสบายใจมากขนาดนี้ พวกเขาริษยามากแน่ ชายหนุ่มล่วงเกินหลินเหรินเทียนแห่งตระกูลหลิน แต่ยังสามารถหยอกล้อกับเหล่าสาวสวยอยู่แบบนี้ เกรงว่าในประเทศนี้คงมีเขาเพียงคนเดียวที่สามารถทำเช่นนี้ได้
กระทั่งเริ่มดึก หลังจากกินอาหาร เก็บกวาดและทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงก็รับรู้ได้ว่ามีรถคันหนึ่งกำลังเลี้ยวเข้ามาในวิลล่าชิงเฟิง เมื่อใช้จิตหยั่งรู้ตรวจสอบก็พบว่าเป็คนของตระกูลหลิน
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ?
เย่เฟิงยิ้มมุมปาก จากนั้นหันไปดูโทรทัศน์กับหลงหว่านเอ๋อร์ต่อ เขาคร้านจะลุกออกไปต้อนรับอีกฝ่าย วิธีจัดการคนอย่างหลินเหรินเทียนคือไม่ต้องสนใจเขา แสร้งทำเหมือนเขาเป็อากาศ ไม่อย่างนั้นจะทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนได้อย่างไร?
เพียงไม่นาน หลงหว่านเอ๋อร์และเย่เฟิงก็รับรู้ได้ว่ารถมาจอดหน้าบ้าน จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ลงมาจากรถ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อีกทั้งยังมีผู้นำตระกูลหลิน หลินเต๋อเทียน
ในฐานะผู้นำตระกูลหลิน เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจำเป็ต้องออกหน้าแทนหลินเหรินเทียน อาจเพราะพิษร้ายแรงเกินไป ทำให้หลินเหรินเทียนมาที่นี่ไม่สะดวก จึงไม่มีเขาอยู่ในกลุ่มคนตระกูลหลินตรงหน้า
ด้านข้างหลินเต๋อเทียนซึ่งมีท่าทีขึงขังคือหลินซือฉิง เธอยืนกอดอก หน้านิ่วคิ้วขมวด ราวกับว่ากังวลสถานการณ์ของเย่เฟิง
ในบรรดาคนกลุ่มนี้ หลินซือฉิงเป็คนที่ดึงดูดสายตามากที่สุด ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ดึงดูด แต่เป็สถานะของเธอต่างหาก ทุกคนล้วนรู้ว่าหลินซือฉิงและเย่เฟิงมีสัญญาหมั้นหมายกัน! แต่ครั้งนี้เย่เฟิงกลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตระกูลหลิน
ไม่มีใครออกมาต้อนรับพวกเขาสักคน
เื่นี้ทำให้คนตระกูลหลินที่ตามมาไม่พอใจนัก พวกเขาล้วนสงสัยว่าทำไมเย่เฟิงถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้ กระทั่งเผชิญหน้ากับตระกูลหลินซึ่งเป็ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเยี่ยนจิง ยังกล้าทำตัวไม่แยแส คนมาถึงบ้านยังไม่แม้แต่จะออกมาต้อนรับ หากชายหนุ่มยังเป็เช่นนี้ เกรงว่าต่อไปคงอยู่รอดในสังคมได้ยาก หากหลินซือฉิงแต่งให้คนเช่นนี้ อนาคตของเธอคงน่าเป็ห่วงแล้ว...
แม้เป็คนตระกูลหลิน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เื่ของเย่เฟิงที่แถบทะเลตะวันออก คนที่รับรู้ความแข็งแกร่งของเขามีไม่มาก ซึ่งตรงนี้มีเพียงหลินเต๋อเทียนและหลินซือฉิงที่รู้จักเย่เฟิงมากกว่าใคร
เดิมหลินเต๋อเทียนไม่อยากให้ใครติดตามมาด้วย แต่ก็ไม่อาจขัดเหตุผลมากมายจากพวกเขา เื่ที่หลินเหรินเทียนถูกพิษ แน่นอนว่าพวกเขาที่เป็ญาติสนิทล้วนไม่อาจนิ่งดูดาย... หลินเต๋อเทียนส่ายหน้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ทุกอย่างชัดเจนที่สุด แม้เย่เฟิงจะเผชิญหน้ากับคนตระกูลหลินก็ไม่คิดอ่อนข้อให้
ตอนนี้หลินเหรินเทียนน้องชายของเขาถูกพิษ หากอยากให้น้องชายมีชีวิตรอด เขาจำเป็ต้องมาเจรจาต่อรองกับเย่เฟิงเสียก่อน หากเย่เฟิงยังใจแข็ง มีหวังหลินเหรินเทียนคงต้องสิ้นชื่อเสียแล้ว เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับเย่เฟิงดี ชายหนุ่มเป็คนประเภทที่ต้องใช้ไม้อ่อน เพราะเป็คนไม่ยอมใคร หากเขาใช้ไม้แข็งกับอีกฝ่าย อาจส่งผลเสียต่อพวกตัวเองได้
“ซือฉิงมากับพ่อ ส่วนคนที่เหลือรอด้านนอก และอย่าทำอะไรส่งเดช”
หลินเต๋อเทียนกลัวว่าพวกเขาจะก่อเื่ จึงกำชับเอาไว้ก่อน
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเต๋อเทียนก็เกิดอาการต่อต้านทันที พวกเขาคิดจะตามหลินเต๋อเทียนเข้าไปในบ้าน เพราะ้าสั่งสอนเย่เฟิง ไอ้เด็ก ‘ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง’
“หุบปากซะ”
หลินเต๋อเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางกวาดตามองทีละคนอย่างเ็า รังสีกดดันจากตัวเขาทำให้ทุกคน ยอมรับฟังแต่โดยดี
ชายวัยกลางคนคิดว่าไม่น่าพาคนพวกนี้มาด้วยั้แ่แรก เพราะพวกเขาอาจทำให้เสียเื่ได้... แต่ในเมื่อพวกเขาตามมาแล้ว ตอนนี้จะไล่กลับก็คงไม่เหมาะสม ให้พวกเขารออยู่ด้านนอกจะดีกว่า
หลังจากหลินเต๋อเทียนตวาดก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
หลินซือฉิงเดินตามหลินเต๋อเทียนเข้าเขตบ้าน ทิ้งคนตระกูลหลินคนอื่นไว้ด้านหลังอย่างนึกดูแคลน คิดว่าตระกูลหลินยอดเยี่ยมที่สุดในโลกแล้วหรืออย่างไร? แค่เกิดในตระกูลหลินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? หญิงสาวรู้ดีว่า ด้วยความแข็งแกร่งของเย่เฟิง ต่อให้เป็คนตระกูลหลินก็ไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไป หากยั่วยุเย่เฟิงแล้วล่ะก็ ต่อให้เป็สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็เกรงว่าไม่อาจเอาชนะเขาได้ง่ายๆ
ทั้งสองคนเดินมาถึงประตูห้องโถง เมื่อเห็นเด็กสาวชุดม่วงท่าทางไร้เดียงสามาเปิดประตูให้ก็ใ เธอหันมาส่งยิ้มพิมพ์ใจทักทายพวกเขา “ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญเข้ามาสิคะ”
เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของจื่อเจี้ยนหลาน หลินเต๋อเทียนก็ถึงกับตกตะลึง ได้ยินว่าเย่เฟิงพาสาวน้อยบริสุทธิ์กลับมาด้วย แต่ไม่คิดว่าเธอจะงดงามถึงเพียงนี้!
แม้ไม่มีการแต่งหน้าเลยสักนิด แต่เมื่อเทียบกับสาวสวยคนอื่นก็พบว่าเธอมีรูปโฉมงดงามมากกว่าหญิงสาวทั่วไปถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์ หากเทียบกับหญิงสาวที่ดูดีจากการแต่งหน้า ยิ่งถือว่าเหนือกว่าผู้หญิงพวกนั้นมาก
“เย่เฟิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
หลินเต๋อเทียนเงยหน้ามอง พร้อมส่งยิ้มให้เย่เฟิงที่นั่งอยู่บนโซฟา สายตาของเขาไม่ได้มองจื่อเจี้ยนหลานนานนัก เขาไม่ใช่พวกเฒ่าหัวงูที่ชื่นชอบเด็กสาวรุ่นลูก
“อืม เชิญนั่งสิครับ” เย่เฟิงยิ้ม “แต่ก่อนจะนั่ง ช่วยบอกหน่อยสิครับว่ามาหาผมถึงที่นี่ทำไม?”
“นายเป็คนฉลาด จะคาดเดาไม่ออกเชียวเหรอ?” หลินเต๋อเทียนส่งยิ้มให้เขาด้วยท่าทีผ่อนคลาย “มอบยาถอนพิษให้หลินเหรินเทียนได้ไหม?”
เย่เฟิงยิ้มกว้าง “นั่นก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของพวกคุณแล้ว ตอนนี้เขาถูกพิษ แต่กลับยังไม่ยอมมาด้วยตัวเอง แบบนี้ผมก็ไม่สามารถเห็นความจริงใจของเขาไม่ใช่เหรอ? ลุงหลิน ต้องรบกวนคุณไปบอกกับเขาแล้วล่ะครับ ถ้าอยากได้ยาถอนพิษก็ให้มารับด้วยตัวเอง แค่มาขอโทษด้วยความจริงใจ ทุกอย่างก็จบ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก”
ช่างข่มเหงกันเกินไปแล้ว!
แม้เย่เฟิงจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่หากคนในเมืองเยี่ยนจิงได้ฟัง ย่อมคิดว่าเย่เฟิงต้องบ้าไปแล้วเป็แน่ เขาถึงขั้นกล้าสร้างเงื่อนไขกับผู้นำตระกูลหลิน มันจะไม่เกินตัวเขาไปหน่อยเหรอ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้