ฮั่วเสี่ยวเหวินกินอาหารแบบลวกๆ แล้วพาเฉินอวี่โหรวไปร้านขายของชำของอู๋ซิ่ว มันช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะนอกจากที่นี่แล้วเธอนึกไม่ออกว่าจะให้เฉินอวี่โหรวไปนอนที่ไหนได้อีก
ตอนที่มาถึงร้านขายของชำ อู๋ซิ่วกำลังนอนหมอบกับโต๊ะเก็บเงิน ผมที่หลุดลุ่ยบนหน้าผากทำให้ดูโทรมเล็กน้อย
“ป้าอู๋ นี่คือเฉินอวี่โหรว บ้านฉันมีที่ไม่พอเลยอยากให้เธอนอนที่นี่สักคืนค่ะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินบอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้แบบกระชับได้ใจความ อู๋ซิ่วเงยหน้านั่งตัวตรง “เสี่ยวเหวิน เธอพูดอีกรอบ เมื่อครู่ป้าไม่ได้ยิน”
ฮั่วเสี่ยวเหวินทวนซ้ำอีกรอบ รอบนี้อู๋ซิ่วไม่ได้ใจลอยแล้วแต่ท่าทางไม่ยินดีสักเท่าไหร่นัก เธอพูดอ้อมว่า “ที่นี่ไม่ค่อยสะดวก”
เธอไม่วางใจที่จะให้เด็กหญิงแปลกหน้ามานอนค้างในร้านขายของชำ ประวัติเป็มาอย่างไรยังไม่รู้ หากของในร้านหายขึ้นมาจะทำอย่างไร?
จังหวะนี้เองเฉินอวี่โหรวทำหน้าตาน่าสงสารอย่างเข้าถึงบทบาท “คุณป้า กว่าฉันจะหนีออกมาได้ไม่ใช่เื่ง่ายเลยค่ะ ตอนนี้ฉันไม่มีที่ให้ไป น้องสาวใจดีคนนี้ช่วยพาฉันมาที่นี่ ได้โปรดรับฉันไว้ด้วยเถิดค่ะ”
จากนั้นเธอก็ทั้งกล่าวรับประกันทั้งระบายความทุกข์ เปิดแขนที่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายให้อู๋ซิ่วดู ทำให้เกลี้ยกล่อมอู๋ซิ่วได้สำเร็จเร็วมาก
ฮั่วเสี่ยวเหวินมองแบบเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง เฉินอวี่โหรวเหมือนเกิดมาเป็นักแสดงโดยกำเนิด เธอสามารถแสดงสีหน้าท่าทางทุกแบบ ยิ่งไปกว่านั้นยังเก่งด้านการอ่านใจผู้อื่น เหมือนพวกสายลับที่แฝงตัวเข้าไปอยู่ข้างกายเ้าหน้าที่ระดับสูงใน่ากลางเมืองจีน คอยสร้างความสับสนให้ศัตรูหัวหมุน
“ป้าอู๋เป็อะไรหรือคะ? เหตุใดดูไม่มีความสุขเลย?”
“ป้าไม่ได้เป็อะไรหรอก แต่ลุงอวิ๋นเขา…”
คิดไปคิดมา อู๋ซิ่วเลือกที่จะหยุดบทสนทนาไว้ คุยเื่นี้ไปจะมีประโยชน์อะไร?
ตอนที่ฮั่วเสี่ยวเหวินถามอีกรอบ อู๋ซิ่วไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น เธอจึงได้แต่ขอบคุณแล้วแยกกลับบ้าน
เช้าวันต่อมาฮั่วเสี่ยวเหวินไปรับเฉินอวี่โหรวกลับมากินข้าวที่บ้าน เมื่อได้ยินว่าเธอจะเข้าไปในตำบล เฉินอวี่โหรวร้องว่าจะตามไปด้วย ทั้งยังบอกว่าตัวเองไม่คุ้นเคยกับที่นี่ กลัวที่ต้องอยู่ที่นี่คนเดียว
“เสี่ยวเหวิน รอฉันด้วย” เพิ่งเดินได้ยี่สิบนาทีก็ได้ยินเสียงเฉินอวี่โหรวะโตามมาด้านหลัง ฮั่วเสี่ยวเหวินจึงต้องหยุดเดินอย่างจนใจ คิดในใจด้วยความโมโหว่าไม่ควรพาอีกฝ่ายมาด้วยเลย
พื้นถนนยังคงเปียกแฉะจากฝนเมื่อวานอยู่ ฮั่วเสี่ยวเหวินจงใจอยู่ห่างจากตัวซวยแบบเฉินอวี่โหรว เธอยังจำเื่ที่เมื่อวานตัวเองถูกกิ่งไม้เปียกฟาดใส่หลังได้เป็อย่างดี เธอไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำสอง
แต่เฉินอวี่โหรวกลับเอาตัวเข้ามาใกล้ เธอยิ้มเ้าเล่ห์แบบที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่เื่ดี ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบทำสัญญาณมือให้เธอหยุด “มีอะไรก็พูดมาั้แ่ตอนนี้เลย ไม่ต้องมาอ้ำๆ อึ้งๆ”
เฉินอวี่โหรวไม่ยี่หระแม้แต่น้อย เธอยังคงมีสีหน้าประจบสอพลอเหมือนเดิม ดวงตาโค้งเป็พระจันทร์เสี้ยว “เสี่ยวเหวิน อีกสองสามวันพวกเราค่อยไปตำบลได้หรือไม่?”
“ใจฝ่อหรือ?” ฮั่วเสี่ยวเหวินจ้องเธอ ไม่มีปิดบังท่าทางที่โตเป็ผู้ใหญ่แล้วของตัวเอง “คิดไว้อยู่แล้วว่าเมื่อวานเธอโกหก เธอซุกซนขนาดนี้ กลับไปแล้วได้ถูกพ่อแม่ตีตายแน่”
สีหน้าของเฉินอวี่โหรวเปลี่ยนไปทันทีที่พูดถึงพ่อแม่ เธอหันหน้าไปทางอื่น ปล่อยให้ฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นแค่ใบหน้ามุมข้างอันงดงาม “ฉันไม่มีพ่อแม่ พวกเขาตายไปนานแล้ว”
ฮั่วเสี่ยวเหวินนิ่งค้างอยู่กับที่เมื่อได้ยินดังนี้ ตอนที่จางหวาถามถึงพ่อแม่ของเธอ เฉินอวี่โหรวตอบกลับไปแบบนี้เช่นกัน กระทั่งน้ำเสียงที่ใช้ตอบก็ยังเหมือนกัน
หรือว่าเธอจะมีพ่อที่สุดจะทนเช่นกันและหนีออกมาเพราะถูกที่บ้านทารุณ?
ฮั่วเสี่ยวเหวินถามเพิ่มว่า “พ่อแม่ของเธอไม่ดีกับเธอหรือ?”
เฉินอวี่โหรวเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่หันมามอง “อยากไล่ฉันไปก็พูดมาตรงๆ จะเสแสร้งแบบนี้เพื่ออะไร?” เธอพึมพำเสียงเบา ทว่าฮั่วเสี่ยวเหวินกลับได้ยินชัดทุกคำ
ฮั่วเสี่ยวเหวินนึกไม่ถึงว่าคนฉลาดซุกซนแบบเฉินอวี่โหรวจะมีอารมณ์รุนแรงขนาดนี้
ครั้งนี้เฉินอวี่โหรวไม่ได้แสร้งทำ เธอไม่พูดไม่จาตลอดทาง ไม่ได้ทำตัวอยู่ไม่สุขเหมือนที่ผ่านมาเช่นกัน
วันที่ไม่มีตลาดนัดจะมีคนในตัวตำบลไม่มากนัก อย่างน้อยก็ไม่เกิดสถานการณ์ที่ต้องเข้าไปเบียดเสียด ฮั่วเสี่ยวเหวินพาเฉินอวี่โหรวเดินไปตามถนนอยู่ครึ่งค่อนวันแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมาตามหาเฉินอวี่โหรว
ตัวตนของเฉินอวี่โหรวเป็ปริศนา แต่ฮั่วเสี่ยวเหวินพอจะสรุปได้ว่าเธอคงเจอความอยุติธรรมมาเยอะมากแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่อ่อนไหวเปราะบางขนาดนี้ ยิ่งอยู่ด้วยกันนาน ฮั่วเสี่ยวเหวินยิ่งรู้สึกว่าเฉินอวี่โหรวเหมือนตัวเธอเอง
ฮั่วเสี่ยวเหวินซึ่งไม่เชื่อใจอีกฝ่ายมาโดยตลอดรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอแสดงรอยยิ้มที่เป็มิตร “อวี่โหรว เธอหิวไหม พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“กินของอร่อยหรือ?” เฉินอวี่โหรวยิ้มออกทันที จากนั้นก็ทำหน้าเศร้า “ฉันอยากไปกินที่ร้านอาหาร”
ฮั่วเสี่ยวเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่เอาของกินมาล่อได้อยู่ เฉินอวี่โหรวหายโกรธทันทีที่ได้ยินว่าเธอจะเลี้ยงอาหาร แต่หน้าตาที่ทำเป็เศร้ากลับเปิดโปงหมดทุกอย่าง
เื่บางเื่รู้ในใจแต่ไม่ควรพูดออกมา ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินไปจับมือของเธอ “ได้ๆๆ เธอว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ไม่ต้องโกรธแล้วนะ”
ตอนแรกฮั่วเสี่ยวเหวินเป็ฝ่ายจูงมือเดิน แต่ต่อมาเฉินอวี่โหรวเป็คนเดินนำ ทั้งยังเร่งเร้าไม่หยุดว่า “เสี่ยวเหวิน เร็วเข้า”
สมแล้วที่มีคำกล่าวว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ในที่สุดเฉินอวี่โหรวก็กลับมาเป็คนเดิม ใช้สอดส่องสายตาไปทั่วเหมือนกำลังหาอะไร
เฉินอวี่โหรวหยุดเดินที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง “เสี่ยวเหวิน พวกเรากินร้านนี้กันเถอะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินหยุดมองตามเธอ ในร้านมีลูกค้าไม่กี่คน โต๊ะเก้าอี้ใหม่หมด แม้แต่ป้ายร้านยังไม่มีฝุ่นเกาะ บนนั้นมีอักษรขนาดใหญ่สามตัวเขียนไว้ว่า ‘ลูกค้าขาประจำ’ ด้านล่างมีอักษรตัวเล็กอีกสองตัวว่า ‘ร้านอาหาร’
ป้ายร้านอาหารด้านข้างถูกรมจนดำหมดแล้ว โต๊ะเก้าอี้ไม่ได้ดูพิถีพิถันขนาดนั้นเช่นกัน ร้านนี้จึงดูเหมือนหงส์ในฝูงกา ตัวร้านดูดีขนาดนี้ ราคาต้องไม่ถูกแน่
ฮั่วเสี่ยวเหวินกัดฟันเดินเข้าไป คนเราพูดแล้วห้ามคืนคำ บวกกับเธอยังหวังให้เฉินอวี่โหรวช่วยขายผักดองด้วย
เฉินอวี่โหรวเลือกโต๊ะที่อยู่ติดหน้าต่าง ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินตามไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แข็งทื่อ โต๊ะนี้ถูกทำขึ้นใหม่ เพราะยังมีกลิ่นไม้จางๆ ลอยเข้าจมูก
ทั้งสองคนนั่งลง หญิงสาวที่ตัวมีกลิ่นสบู่คนหนึ่งเดินเข้ามา
เธอกวาดตามองทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว รู้ว่าพวกเธอจ่ายไม่ไหวแต่ก็ถามอย่างมีมารยาท “รับอะไรดีคะ?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินยังไม่ทันพูดอะไร เฉินอวี่โหรวก็สั่งอาหารที่ฮั่วเสี่ยวเหวินไม่เคยกินไปแล้วสามอย่าง
หญิงสาวลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือออกมา “ทั้งหมดห้าหยวน รบกวนจ่ายเงินมาก่อนค่ะ”
ฮั่วเสี่ยวเหวินนำเงินออกมาด้วยความปวดใจ คิดในใจว่าเด็กคนนี้เลือกกินได้ถูกมาก อาหารที่สั่งมีแต่แพงๆ
หลังจากหญิงสาวจากไป เฉินอวี่โหรวลุกขึ้นโค้งตัวพูดกับฮั่วเสี่ยวเหวิน “ผู้หญิงคนนั้นโกหก ลูกค้าคนอื่นไม่ต้องจ่ายเงินก่อน เธอคงกลัวว่าพวกเรากินแล้วจะไม่มีเงินจ่าย”
ฮั่วเสี่ยวเหวินต้องมองเื่นี้ออกอยู่แล้ว แต่เธอไม่ค่อยสนใจนัก เพราะเธอตั้งใจว่าหากทานอาหารเสร็จแล้วจะเสนอขายผักดองให้เถ้าแก่ของร้านนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้