บนเวทีประมูล เย่เฟิง เว่ยเจิ้นเทียน และจ้าวหยางยืนคนละตำแหน่ง แต่จากนั้นมีหญิงสาวสามคนเดินขึ้นเวทีมาพร้อมกับถือถาดและมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าพวกเขาสามคน
นี่คือขั้นตอนสุดท้ายในการแลกเปลี่ยน ซึ่งหญิงสาวที่แอบพบหวงเหยียนิลับ ๆ เมื่อครู่นี้ก็เดินมาที่เบื้องหน้าเย่เฟิงช้า ๆ
เย่เฟิงกวาดตามองหญิงผู้นั้นรอบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาไปมองหญ้าหนวดัที่อยู่ในมือนาง เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็โล่งใจทันที
“คุณชาย ทั้งหมด 80,000 หินหยวนระดับกลาง เมื่อทำการจ่ายเสร็จสิ้น หญ้าหนวดัต้นนี้ก็จะเป็ของคุณชาย” หญิงสาวกล่าวพลางยิ้มจาง ๆ ให้เย่เฟิง แต่สายตาของนางกลับสำรวจร่างเย่เฟิงเพื่อเตรียมตัวลงมือ
“ไม่ทราบว่าอัตราการแลกเปลี่ยนหินหยวนระดับสูงเป็ระดับกลางของทางหอการค้าพวกเ้าเป็อย่างไรบ้าง?” เย่เฟิงเอ่ยถาม ในแหวนมิติของเขามีหินหยวนระดับสูงจำนวนมาก หากจะนำออกมาคงไม่ใช่เื่ง่าย
“อัตราการแลกเปลี่ยนหินหยวนระดับสูงเป็ระดับกลางคือหนึ่งต่อสามร้อย หากคุณชายมีหินหยวนระดับสูงมากพอ เช่นนั้นทางเรา้าหินหยวนระดับสูง 360 ก้อนก็เพียงพอแล้ว” หญิงสาวกล่าว ซึ่งอัตราการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ถือว่ายุติธรรมเป็อย่างมาก
เย่เฟิงจึงไม่พูดอะไรให้มากความ จากนั้นนำหินหยวนระดับสูง 360 ก้อนใส่แหวนมิติอีกวงและส่งให้หญิงสาวทันที ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เชิญเ้านับได้”
หญิงสาวรับแหวนมิติของเย่เฟิงไป ภายนอกดูไม่มีอะไร แต่วินาทีที่นางรับแหวนมิติ จู่ ๆ แสงเยือกเย็นส่องวาบในแขนเสื้อของนาง
“วูบ!”
ขณะเดียวกันมีเสียงหนึ่งที่มนุษย์มิอาจได้ยินดังขึ้น แสงเยือกเย็นนั่นพุ่งออกจากแขนเสื้อของหญิงสาว ก่อนจะเจาะร่างเย่เฟิงด้วยความเร็วสูง
เร็ว เร็วจนน่าเหลือเชื่อ! เข็มพิษนี้มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมหลายสิบเท่า หากเจาะร่างมนุษย์ด้วยความเร็วสูง คนธรรมดาย่อมไม่มีทางเห็นได้ หรือแม้พวกเขาจะเห็นหลังจากนี้ พิษจากเข็มพิษอาจจะออกฤทธิ์แล้ว ถึงเวลานั้นก็คงสายเกินแก้แล้ว
ทว่าวินาทีที่เข็มพิษพุ่งออกมา ดวงตาของเย่เฟิงพลันส่องประกายคมกริบ จากนั้นพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกจากร่าง ก่อนจะเคลื่อนไหวในนาทีวิกฤต พร้อมกับแสงดาวปกคลุมร่างกาย ทำให้เข็มพิษเฉียดผ่านร่างกายเขาไป
นาทีต่อมาเสียงกรีดร้องดังขึ้น ผู้คนพบว่าผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่อยู่ริมขอบเวทีประมูลกุมดวงตาข้างหนึ่งของตนด้วยท่าทีเ็ปทุกข์ทรมาน
ผู้คุ้มกันคนนั้นรับเคราะห์แทนผู้อื่น เข็มพิษเล่มนั้นบังเอิญเจาะทะลุดวงตาข้างนั้นของเขา ทำให้เขาเ็ปเป็อย่างมากจนอดกรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ จากระยะห่างที่พวกเขาอยู่ จึงยากที่จะมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ส่วนหญิงสาวผู้นั้นเห็นว่าทำภารกิจล้มเหลวก็หน้าซีดในทันที จึงคิดจะหนีไปจากเวทีประมูล
“จะหนีไปไหน!”
ทว่านางยังไม่ทันได้ยกเท้า จู่ ๆ มีฝ่ามือหนึ่งคว้ามาที่ลำคอของนางด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ซึ่งนางอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ทั้งยังได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ศักยภาพย่อมไม่ธรรมดา
นางคิดอยากจะหยุดยั้งฝ่ามือใหญ่ของเย่เฟิง แต่กลับรู้สึกว่าแขนของเย่เฟิงแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า แม้แต่พลังของนางก็มิอาจสั่นคลอน
นาทีต่อมาเห็นฝ่ามือข้างนั้นของเย่เฟิงบีบคอหญิงสาว ทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่ำ ขณะเดียวกันเย่เฟิงใช้มืออีกข้างคว้าแหวนมิติวงนั้นที่มีหินหยวนระดับสูง 360 ก้อนและหญ้าหนวดัมา ก่อนจะเก็บเข้าแหวนมิติของตนเอง
“บอกมา ใครใช้ให้เ้าทำแบบนี้?” เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง ทำหญิงสาวตัวสั่นระริก นางเห็นดวงตาแห่งความตายคู่นั้นของเย่เฟิงก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
แม้หญิงสาวจะหวาดกลัว แต่นางถูกฝึกให้เป็นักฆ่ามานานหลายปี จึงยอมรับความตายได้อย่างรวดเร็ว นางหลับตาสนิทขณะถูกแรงกดดันจากเย่เฟิงทำร้ายและเลือกที่จะเงียบ
“เ้าสารเลว กล้าดียังไงมาก่อปัญหาที่หอการค้าเทียนจี๋ จับตัวมาให้ข้า!”
ขณะนั้นหวงเหยียนิปรากฏตัวบนฝั่งที่นั่งแขกผู้มีเกียรติอีกครั้ง เขาเอาสองมือไพล่หลัง สีหน้าอึมครึม เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะรอดจากการโจมตีเข็มพิษของนักฆ่าหญิงคนนั้น ในเมื่อเื่ดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาก็ทำได้เพียงลงมือจัดการเย่เฟิง
เมื่อสิ้นเสียงหวงเหยียนิ จู่ ๆ หลายเงาร่างเข้าปิดล้อมเวทีประมูลทันที พร้อมปลดปล่อยไอสังหาร
เมื่อผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเื่ใหญ่ขึ้นภายในเวลาอันสั้น และยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดหวงเหยียนิถึงลงมือจัดการเย่เฟิงเช่นนี้
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ขณะเดียวกันมีเสียงดังมาจากบางแห่งในฝั่งที่นั่งแขกผู้มีเกียรติ ทำผู้คนหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นฉวนเถี่ยจู้ลุกขึ้นยืนและมองหวงเหยียนิด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “คนผู้นี้คือสหายของข้าฉวนเถี่ยจู้ ข้าไม่อนุญาตให้พวกเ้าทำร้ายเขา!”
“ฮ่า ๆ ๆ!”
หวงเหยียนิเห็นฉวนเถี่ยจู้ออกโรงก็แค่นเสียงหัวเราะอย่างเ็า “คนผู้นี้จงใจก่อกวนงานประมูล แม้จะเป็สหายของพี่ฉวน แต่ก็ต้องรับโทษ!”
ท่าทีของหวงเหยียนิดูแข็งกร้าวอย่างมาก คาดว่าคง้ากำจัดเย่เฟิงเสียให้ได้ แม้ว่าฉวนเถี่ยจู้มีฐานะไม่ธรรมดาในสำนักชิงอวิ๋น แต่ตราบใดที่หวงเหยียนิไม่เป็ฝ่ายล่วงเกินฉวนเถี่ยจู้ก่อนก็ไม่มีปัญหา สำหรับเย่เฟิง เขาสามารถหาเหตุผลมาจัดการอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
“จัดการซะ!” หวงเหยียนิไม่สนใจคำพูดของฉวนเถี่ยจู้ จากนั้นออกคำสั่งกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ปิดล้อมเวทีประมูลทันที
“ตาย!”
เมื่อได้รับคำสั่งจากหวงเหยียนิ พลันดวงตาของผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้เผยประกายแสงแห่งความชั่วร้าย จากนั้นมีสองคนกวัดแกว่งดาบเข้าโจมตีเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายแสงเย็นเยือก เขาโยนร่างหญิงสาวผู้นั้นออกไปข้าง ๆ ทันใดนั้นแสงส่องวาบในมือ ก่อนจะปรากฏหอกัเงินประกาย รังสีหอกพุ่งออกไปอย่างฉับพลัน ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังน่าทึ่ง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้ฝึกยุทธ์สองคนนั้นที่ถูกทะลวงคอ พร้อมกับเืสาดกระเซ็น
“เมืองลอยฟ้าเป็สถานที่ซ่อนของคนชั่วตามคาด เห็นข้าเป็คนธรรมดาก็คิดจะฆ่าปิดปากข้า ซ้ำยังใช้วิธีต่ำทราม ช่างน่าไร้ยางอายยิ่งนัก!”
เย่เฟิงยืนถือหอกัเงินประกายด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย เสื้อคลุมโบกสะบัดแม้ไร้ลม ทั้งยังมีแสงคมกริบปะทุออกจากดวงตาลึกซึ้งคู่นั้น ประหนึ่งดวงดาวไร้ที่สิ้นสุดก็ไม่ปาน
“ทุกท่าน เมืองลอยฟ้าที่สวยงดงาม แต่ความเป็จริงกลับเป็ที่ซ่อนของคนชั่ว ข้าขอแนะนำทุกท่านว่าต่อไปอย่ามาที่นี่บ่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงโจรขโมยพวกนี้”
เย่เฟิงกล่าวขณะกวาดตามองผู้คน เมื่อเื่ดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าผู้อยู่เื้ัเป็ใคร?
หวงเหยียนิ บุตรเ้าเมืองลอยฟ้า ผู้ถูกขนานนามว่าเป็องค์ชายแห่งเมืองลอยฟ้า แต่กลับ้าลอบสังหารเย่เฟิงเพื่อชิงสมบัติของเขา เช่นนั้นเขาเย่เฟิงจะเกรงใจไปไย แม้ก่อปัญหาที่งานประมูลนี้แล้วอย่างไรเล่า?
“ที่แท้มีผู้ชักใยอยู่เื้ัเมืองลอยฟ้า อยากจะฆ่าปิดปากชายผู้นี้ ดูท่าต่อไปพวกเรามาที่นี่ไม่เพียงแต่ต้องระวังโจรพวกนั้น แต่ยังต้องระวังคนของจวนเ้าเมืองด้วย!”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ และความประทับใจที่มีต่อจวนเ้าเมืองลอยฟ้าก็ลดลงอย่างมาก
ขณะเดียวกันการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ก็มาถึงแล้ว ซึ่งตบะของคนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6-7 ซึ่งการที่มีผู้ฝึกยุทธ์ 20 คนมาจัดการเย่เฟิงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เพียงคนเดียว ถือได้ว่าช่างประเมินไว้เย่เฟิงสูงมากจริง ๆ
แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าเย่เฟิงแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ทั่วไป เมื่อรังสีหอกผ่านที่ใด มันจะทำลายล้างทุกสิ่ง เสียงกรีดร้องดังโหยหวนไม่หยุด เขาได้ทำการสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6-7 เ่าั้โดยไม่เกินสองกระบวนท่า ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
“คนผู้นี้เหิมเกริมยิ่งนัก กล้าก่อกวนงานประมูล ต้องตายสถานเดียว!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากด้านข้างของเย่เฟิง พร้อมกับมีพลังสังหารที่น่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้ามาทันที
เย่เฟิงรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายในทันที จู่ ๆ พลังมหาศาลถูกปลดปล่อย ก่อนจะซัดผู้ฝึกยุทธ์สองสามคนที่ตรงหน้ากระเด็นไปกองกับพื้น จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีเพื่อจัดการกับพลังที่จู่โจมมา ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น สองพลังเข้าปะทะกัน พลันคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วเวทีประมูล เหล่าผู้คุ้มกันที่อ่อนแอกระเด็นปลิวออกไปพร้อมกับกระอักเื
ภายใต้พลังสะท้อนกลับที่แกร่งกล้านั้น เย่เฟิงรู้สึกตัวสั่นสะท้านและถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างช่วยไม่ได้ ขณะเดียวกันหันไปมองผู้ลอบโจมตี ก่อนจะพบว่าเป็จ้าวหยาง
จ้าวหยางนั้นเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูกดำ และในที่สุดเขาก็หาโอกาสลงมือได้ แล้วเขาพลาดได้อย่างไรเล่า?
“ทำร้ายคนของอาณาจักรเว่ยข้า เ้าไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป!”
แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเว่ยเจิ้นเทียน เขาอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ก่อนจะวาดฝ่ามือที่ผสานด้วยอำนาจขั้นผันแปร่ปลายโจมตีเย่เฟิง ผนวกกับตบะของเว่ยเจิ้นเทียนที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด การโจมตีนี้จึงทรงอานุภาพเป็อย่างมาก
พลังอันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกจากร่างเย่เฟิง นาทีนี้เขาไม่ปกปิดพลังแม้แต่นิดเดียว โดยสำแดงสภาวะที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเอง จากนั้นปลดปล่อยพลังแห่งอำนาจขั้นกายา่ปลาย ก่อนจะเข้าปะทะกับพลังฝ่ามือของเว่ยเจิ้นเทียน ส่งผลให้เว่ยเจิ้นเทียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว นี่ทำให้เว่ยเจิ้นเทียนถึงกลับนิ่งอึ้ง “อยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่เ้ามีพลังขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?”
เย่เฟิงมองเว่ยเจิ้นเทียนพลางเหยียดยิ้มอย่างเ็า “อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แล้วอย่างไร? ก็ไม่ใช่ว่าจะฆ่าเ้าไม่ได้เสียหน่อย!”
“วาจาสามหาว!” เว่ยเจิ้นเทียนได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าอึมครึม จากนั้นสะบัดมือโจมตีเย่เฟิงอีกครั้ง
“ชายผู้นี้แกร่งมาก ไม่นึกว่าจะซัดเว่ยเจิ้นเทียนที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดกระเด็นในหนึ่งการโจมตี ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”
ผู้คนต่างต้องใเมื่อเห็นพลังที่เย่เฟิงปลดปล่อยออกมา บางคนถึงกับไม่กล้าเชื่อสายตาของตนเอง ในความคิดของพวกเขา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ไม่มีทางต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้ ทว่าบัดนี้พวกเขากลับเห็นความจริงเช่นนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า แล้วพวกเขาจะไม่ใได้อย่างไร?
“วูบ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของเว่ยเจิ้นเทียน ครั้งนี้เย่เฟิงเลือกที่จะหลบหนี ที่นี่มีคนมากเกินไปที่้าฆ่าเขา ต่อให้เขาเป็สัตว์ประหลาดมากฝีมือเพียงใด แต่ปลายทางก็มีแต่ความตายรออยู่เท่านั้น
ดังนั้นเย่เฟิงจึงไม่้าปะทะกับเว่ยเจิ้นเทียน เขาจึงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีการโจมตีของเว่ยเจิ้นเทียน
