บทที่ ๕: ตื่นรู้ในร่างใหม่
ยามไห่(21-23.00) ความรู้สึกแรกที่กลับมาสู่จิติญญาของโจวเม่ยหลิง คือความเ็ป มันเป็ความเ็ปที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายราวกับถูกฉีกเป็ชิ้นๆ แล้วประกอบขึ้นมาใหม่อย่างหยาบๆ ศีรษะของเธอาเ็สาหัสจนรู้สึกเหมือนมีค้อนั์ทุบอยู่ข้างในไม่หยุดหย่อน ซี่โครงด้านซ้ายเจ็บแปลบทุกครั้งที่พยายามหายใจ และทั่วทั้งร่างก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำระบมจนแทบขยับไม่ได้
นี่ไม่ใช่ความเ็ปจากอุบัติเหตุรถยนต์... ความทรงจำสุดท้ายอันเลือนรางของเธอคือแรงกระแทกจากด้านข้าง แต่ความรู้สึกปวดร้าวที่ร่างกายกำลังเผชิญอยู่นี้กลับแตกต่างออกไป มันมีความ... "ดิบ" และ "จริง" ยิ่งกว่า
ประสาทััส่วนอื่นๆ ค่อยๆ กลับคืนมาอย่างเชื่องช้า...
กลิ่น... กลิ่นแรกที่กระทบจมูกคือกลิ่นของดินและเืที่คละคลุ้งกัน ตามมาด้วยกลิ่นฉุนเข้มข้นของสมุนไพรนานาชนิด ทั้งกลิ่นหอมเย็นของโป๊ยกั้ก กลิ่นหวานของชะเอมเทศ และกลิ่นขมลึกของตัวยาอื่นๆ ที่เธอไม่รู้จัก มันเป็กลิ่นที่ซับซ้อนและทรงพลัง เป็กลิ่นอายของร้านยาจีนโบราณที่เธอเคยได้ััเพียงผิวเผินในโลกเก่า
เสียง... เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงสะอื้นไห้เบาๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งที่ดังอยู่ข้างหู เป็เสียงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ระทมและความโล่งใจปะปนกัน แทรกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายสูงวัยที่กำลังสั่งการอะไรบางอย่างอยู่ไกลๆ
ัั... แผ่นหลังของเธอััได้ถึงความแข็งกระด้างของเตียงไม้ ร่างกายถูกคลุมด้วยผ้าห่มเนื้อหยาบที่ให้ความอบอุ่นเพียงเล็กน้อย
โจวเม่ยหลิงพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่มีเพื่อลืมตาขึ้น เปลือกตาของเธอหนักอึ้งราวกับมีแท่งเหล็กถ่วงไว้ แต่นางก็ฝืนมันขึ้นมาจนได้ในที่สุด
ภาพแรกที่ปรากฏแก่สายตาพร่ามัวของเธอคือเพดานไม้สีเข้มที่มีขื่อคานพาดผ่านอย่างเป็ระเบียบ มีมัดสมุนไพรแห้งห้อยแขวนลงมาเป็ระยะๆ แสงสว่างที่ส่องเข้ามาในห้องมาจากโคมไฟน้ำมันที่ตั้งอยู่มุมห้อง ให้แสงสีส้มสลัวที่ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนอยู่ในความฝัน
ที่นี่... ไม่ใช่โรงพยาบาล
ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สัญชาตญาณแรกของเม่ยหลิงคือการประเมินอาการาเ็ของตนเอง ไม่ใช่การตื่นตระหนก เธอหลับตาลงอีกครั้ง พยายามทำสมาธิเพื่อสำรวจร่างกาย แต่แล้ว... เธอก็ได้พบกับสิ่งที่น่าอัศจรรย์และน่าตื่นตระหนกยิ่งกว่า
พรจากปรโลก... ดวงตาทิพ!
แม้ในยามที่เปลือกตาปิดสนิท เธอกลับ "มองเห็น" ร่างกายของตัวเองในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันไม่ใช่ภาพเอ็กซเรย์หรือภาพ MRI ที่เธอคุ้นเคย แต่เป็ภาพของเส้นสายพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างดุจสายน้ำ ในจุดที่ควรจะไหลเวียนอย่างราบรื่น บัดนี้กลับมี "จุดสีดำ" ของเืที่คั่งอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณช่องท้องด้านซ้ายและที่ศีรษะ เธอมองเห็น "รอยร้าว" บนพลังงานที่ห่อหุ้มกระดูกซี่โครงซี่ที่ห้า และเห็น "ไอเย็น" สีเทาจางๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นรอบาแ ซึ่งบ่งบอกถึงการอักเสบที่กำลังจะเริ่มต้น
มันคือการวินิจฉัยที่แม่นยำและลึกซึ้งเกินกว่าที่เทคโนโลยีใดๆ ในโลกเก่าของเธอจะทำได้! แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยืนยันว่าร่างนี้าเ็สาหัสเพียงใด... กะโหลกร้าว มีเืออกภายในเล็กน้อย ซี่โครงหัก และมีภาวะช้ำในอย่างรุนแรง หากเป็การรักษาในยุคของเธอคงต้องเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินทันที แต่ในสถานที่แห่งนี้...
ทันใดนั้น ความทรงจำที่ได้รับมาจากปรโลกก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง... ภาพของหญิงสาวนาม "จางซื่อผิง" ชีวิตที่ยากลำบากหลังตระกูลล่มสลาย ใบหน้าเปื้อนยิ้มของใครสักคน... ไม่สิ... ไม่ใช่น้องชาย ในความทรงจำที่ชัดเจนขึ้นนี้คือใบหน้าของบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์... "หงเอ๋อ"
“คุณหนู... คุณหนูเ้าขา...”
เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหูเรียกสติของเธอกลับมายังปัจจุบัน เม่ยหลิงฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ภาพที่เห็นชัดเจนขึ้น เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายเก่าๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตากำลังก้มลงมองเธอ ดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นอย่างสุดขีดเมื่อเห็นว่าดวงตาของผู้เป็นายกำลังจ้องมองมา
“คุณหนู!” หงเอ๋อร้องออกมาเสียงดังด้วยความดีใจจนแทบสิ้นสติ “คุณหนูฟื้นแล้ว! ท่าน... ท่านฟื้นแล้วจริงๆ ด้วย! ท่านเถ้าแก่! ท่านเถ้าแก่เ้าขา! คุณหนูของข้าฟื้นแล้ว!”
เด็กสาวร้องะโโหวกเหวกด้วยความตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะหันกลับมาก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายลงบนขอบเตียงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือน้ำตาแห่งความปีติยินดี
เม่ยหลิงมองภาพนั้นนิ่งๆ ความรู้สึกสับสนตีรวนอยู่ในอก นี่คือหงเอ๋อ... คนในความทรงจำของจางซื่อผิง และบัดนี้ นางคือจางซื่อผิง
เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามาใกล้เตียงอย่างรวดเร็ว ร่างของชายชราในชุดผ้าไหมปรากฏขึ้นในสายตาของเม่ยหลิง แต่สายตาชายชรากลับเบิกกว้างด้วยความใ “ไม่น่าเชื่อว่าเ้าจะรอดตายจริงๆ”นั่นคือคำทักทายคำแรกที่เห็นคนไข้ผู้นี้
“ไหนดูซิ” เถ้าแก่ถังกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ เขายื่นมือมาตรวจวัดชีพจรที่ข้อมือของนางอย่างแ่เบา คิ้วของเขาขมวดมุ่นขณะที่รับฟัง "สัญญาณ" จากปลายนิ้ว ก่อนจะใช้มืออีกข้างเปิดเปลือกตาของนางขึ้นเพื่อดูม่านตา
เม่ยหลิงปล่อยให้เขาตรวจร่างกายไปเงียบๆ ในใจของเธอวิเคราะห์การกระทำของเขาไปพร้อมกัน การจับชีพจร... การแพทย์แผนจีนโบราณที่สืบทอดกันมานับพันปี มันสามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง แต่ก็มีขีดจำกัด ไม่สามารถระบุตำแหน่งของเืที่ออกภายในได้อย่างแม่นยำ และอาจประเมินความรุนแรงของการติดเชื้อต่ำเกินไป
“น่าเหลือเชื่อ... ชีพจรของนางกลับมาเต้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง” เถ้าแก่ถังพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ “์มีตาจริงๆ” เขาหันไปสั่งลูกจ้างที่ยืนรออยู่ “ไป! ไปต้มยาถัวตี้ซานสูตรเร่งด่วนมาให้นางกิน บำรุงเืสลายลิ่มเื เดี๋ยวนี้นะ!”
"...เดี๋ยวก่อนเ้าค่ะ...ท่านหมอ"
เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอของเม่ยหลิงนั้นแหบพร่าและเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในห้องหยุดชะงัก
เถ้าแก่ถังหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ
"แม่หนู... เ้ามีอะไรจะพูดรึ?"
เม่ยหลิงพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อพูดให้ชัดเจนขึ้น "ท่าน... เถ้าแก่... ใน... ในยานั้น... ได้โปรด... เติม... 'หวงเหลียน' สามชั่ง... ตี้เอวี๋' ห้าชั่ง... เข้าไปด้วยเถิดเ้าค่ะ" (หวงเหลียน สมุนไพรจีนรสขมจัด มีสรรพคุณเย็นจัด ช่วยขจัดพิษร้อน ลดไข้ ต้านการอักเสบและเชื้อโรค...ตี้เอวี๋สมุนไพรจีน มีสรรพคุณห้ามเื สมานแผล ลดอาการบวมอักเสบ)
คำพูดนั้นทำให้เถ้าแก่ถังนิ่งอึ้งไปยิ่งกว่าตอนที่เห็นนางฟื้นเสียอีก หวงเหลียน? ตี้เอวี๋?
เด็กสาวชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งจะรู้จักชื่อสมุนไพรพวกนี้ได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น นางยังสามารถระบุน้ำหนักได้อย่างแม่นยำอีกด้วย! ยาถัวตี้ซานเป็ยาที่ดีในการสลายเืคั่งก็จริง แต่สรรพคุณในการห้ามเืและป้องกันการ "ติดพิษลม" (การติดเชื้อ) นั้นยังไม่ดีพอ การเติมหวงเหลียนที่มีฤทธิ์เย็นจัดเพื่อต้านพิษร้อนและตี้เอวี๋ที่ขึ้นชื่อเื่การห้ามเืเข้าไปนั้น... เป็การปรับเปลี่ยนตำรับยาที่เฉียบแหลมและตรงจุดอย่างน่าเหลือเชื่อ!
“แม่หนู... เ้ารู้จักตัวยาพวกนี้ได้อย่างไร?” เถ้าแก่ถังถามด้วยความฉงนสนเท่ห์อย่างยิ่ง
เม่ยหลิงเตรียมคำตอบไว้แล้วในใจ นางหลับตาลงทำทีเป็อ่อนเพลีย “ตอนที่... ข้าหมดสติไป... ข้าฝันเห็นท่านพ่อ... ท่านพ่อบอกว่า... ท่านเคยได้ตำรับยานี้มาจากหลวงจีนท่านหนึ่งเมื่อครั้งเดินทาง... ท่านบอกว่ามันช่วยรักษาอาการาเ็ภายใน... และป้องกันาแเน่าเปื่อยได้เ้าค่ะ...”
การอ้างถึงบิดาที่เป็ถึงอดีตขุนนางผู้คงแก่เรียน ทำให้เื่ราวดูน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที
หงเอ๋อรีบเสริมขึ้นมาทั้งน้ำตา “ใช่แล้วเ้าค่ะท่านเถ้าแก่! นายท่านผู้ล่วงลับของคุณหนูมีความรู้กว้างขวางนัก! คุณหนูต้องได้รับคำชี้แนะจากดวงิญญาของนายท่านเป็แน่!”
เถ้าแก่ถังลูบเคราสีขาวของตนเองช้าๆ ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าที่ซีดเซียวของจางซื่อผิงอย่างพินิจพิเคราะห์ ในแววตาที่อ่อนล้าของเด็กสาวคนนี้ เขากลับมองเห็นประกายแห่งความเด็ดเดี่ยวและสติปัญญาที่ลึกล้ำเกินวัยซ่อนอยู่
เขาเป็หมอมาทั้งชีวิต เชื่อในประสบการณ์และตำราที่สืบทอดกันมา แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง และสัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา
“ก็ได้” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ “ข้าจะลองทำตามที่เ้าบอก... ไป! ไปจัดยาตามที่คุณหนูจางบอกมาเพิ่ม!”
ลูกจ้างรีบโค้งรับคำแล้ววิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เถ้าแก่ถังหันกลับมามองเม่ยหลิงอีกครั้ง “นอนพักเสียเถิดแม่หนู ไม่ว่าจะเป็เพราะโชคช่วยหรือดวงิญญาของบิดาเ้าคุ้มครองก็ตาม การที่เ้ารอดมาได้ก็นับว่าเป็ปาฏิหาริย์แล้ว”
เม่ย-หลิง หรือบัดนี้คือ จางซื่อผิง พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำและจมดิ่งสู่ความหลับใหลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การหลับใหลที่มุ่งไปสู่ความตาย แต่เป็การหลับเพื่อฟื้นฟูร่างกายและเตรียมพร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่
นางรอดแล้ว... ก้าวแรกในโลกใบใหม่นี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้มันจะเริ่มต้นด้วยความเ็ปและคำโกหก แต่นางก็ได้ควบคุมสถานการณ์และเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยความรู้และพลังที่ตนมี
ณ เตียงไม้ในโรงหมอเล็กๆ แห่งเมืองหยางปี้... ิญญาของแพทย์สาวจากศตวรรษที่ 21 ได้เริ่มหยั่งรากลึกลงในร่างของหญิงสาวขายผักผู้โชคร้ายอย่างสมบูรณ์แล้ว.!
