ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเื่นี้เป็เพียงเื่ที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเื่จริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเื่ ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเื่นี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเื่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเื่ด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
พิ-ศ-ว-า-ส
ข้ามภพ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ณ ตลาดนัดขายของเก่าหน้าอำเภอปราณบุรี
ราวสามโมงเย็น เป็่เวลาที่แสงแดดไม่แรงนัก ท้องฟ้ากำลังมืดครึ้มดูราวกับมีผืนผ้าใบสีเทาขนาดใหญ่คลี่คลุมเอาไว้เหนือผืนฟ้า
และในขณะที่ ‘รุจน์’ ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางวัยสิบเก้าปีผู้มีใบหน้าหล่อเหลาสะดุดตากำลังจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถด้านหลังตลาด
แต่แล้วพลันนั้นเอง…
ตอนที่กำลังจะเดินผ่านร้านขายของเก่าที่มีสินค้าแปลกตามากมายวางเรียงรายอยู่บนพื้นปูรองไว้ด้วยผืนผ้าใบสีดำเก่าคร่ำ
จู่ๆ รุจน์เห็นลำแสงประหลาดสว่างวาบ…
สาดลงมาจากท้องฟ้า มีลักษณะคล้ายกับแสงที่พุ่งออกมาจากปากกระบอกไฟฉาย สาดลอดริ้วม่านเมฆหนาทึบลงมากระทบกับสิ่งของบางอย่างวางอยู่เบื้องหน้า เกิดประกายวาววับแยงตา
รุจน์หยุดเดิน…
จ้องมองอย่างเพ่งพินิจจนรู้ว่าโลหะที่สะท้อนกับลำแสงสาดลงมากระทบเข้าดวงตาเมื่อครู่ คือกระจกทรงกลมสีเงินสภาพเก่าคร่ำ
“สนใจไหมวะไอ้หนุ่ม… ”
‘ลุงแดง’ ชายชราวัยเกือบเจ็ดสิบปีที่มีอาชีพเก็บของเก่าขายมานานจนเป็ที่คุ้นหน้าคุ้นตาของผู้คนในละแวกนี้ ร้องถามเสียงดัง เมื่อเห็นว่ารุจน์กำลังจ้องมองมายังกระจกที่แกเพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่วัน
“กระจกบานนี้ลุงขายเท่าไรครับ… ”
รุจน์ถามอย่างให้ความสนใจ…
สายตายังไม่ละจากกระจกตรงหน้า ไม่รู้ว่าเหตุใดกระจกบานนี้จึงตราตรึงดึงดูดให้จ้องอย่างมิอาจละสายตา
ไม่รู้ว่าทำไมจึงรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน…
เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนสักแห่ง พยายามนึก แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
“ถ้าเอ็งจะเอาลุงขายให้แค่พันเดียว ดูแล้วเป็ของเก่านะ และก็น่าจะเก่ามากเสียด้วย อายุคงไม่ต่ำกว่าร้อยปี รูปทรงคล้ายกระจกของต่างประเทศ อันที่จริงลุงตั้งราคาไว้สองพันเชียวนะ… ”
ลุงแดงรีบขายของเมื่อได้โอกาส…
ด้วยแรงดึงดูดอันประหลาดที่รุจน์รู้สึกได้ ทำให้รุจน์ไม่ได้สนใจกับราคาที่ลุงแดงบอก แต่รีบก้มลงหยิบกระจกขึ้นมาพินิจพิจารณาอย่างให้ความสนใจ
และในวินาทีแรก…
ที่มือของรุจน์ได้ัักับกระจก ก็เกิดอาการใจเต้นแรง วูบวาบคล้ายกับมีไฟฟ้าสถิตแล่นปลาบเข้ามาที่มือ
ครั้นเมื่อหันเอาด้านที่เป็กระจกมาส่องหน้า รุจน์ยิ่งรู้สึกสะท้านวาบไปทั้งกาย เมื่อเห็นใบหน้าของตัวเองปรากฏชัดอยู่ในกระจกบานนี้
กระจกซึ่งให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน…
ก่อนที่เส้นขนจะลุกซู่ไปทั้งร่าง เพราะว่าภาพที่ปรากฏเป็ฉากหลังในกระจกนั้นดูเป็ภาพเก่าซีดจางราวกับว่าเป็อีกยุคสมัยเมื่อในอดีต
“อะไรกันนี่… ”
รุจน์อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ภาพที่เห็นคือบ้านเรือนทรงไทยโบราณ
สิ่งที่เห็นทำให้รุจน์ต้องตวัดสายตากลับมามองทางด้านหลัง เพราะไม่เคยเห็นว่ามีหมู่บ้านที่ปลูกสร้างด้วยทรงเรือนไทยแปลกตาตั้งอยู่ตรงนี้
“ก็ตรงนี้มันลานจอดรถนี่นา… ”
รุจน์พึมพำ…
เมื่อหันกลับมาก็เห็นแต่ลานจอดรถ มีรถจอดเรียงจนแน่นไปทั้งลานซีเมนต์ ช่วยยืนยันว่าตรงนี้ไม่มีเรือนไทยอย่างแน่นอน
แล้วภาพสะท้อนในกระจกเมื่อครู่ มาจากไหน มันคืออะไร รุจน์จ้องมองในบานกระจกอีกครั้ง…
คุณพระช่วย…
ภาพของบ้านเรือนไทยโบราณแปลกตายังปรากฏอยู่ แต่ทว่าเมื่อหันกลับมามองทางด้านหลัง ก็เห็นแต่ลานจอดรถ ราวกับว่านี่คือกระจกมายากล
“มีอะไรรึไอ้หนู… ”
ลุงแดงถามด้วยความสงสัย…
เมื่อเห็นว่ารุจน์มองกระจกแล้วเหลียวไปทางด้านหลังหลายครั้ง เหมือนกำลังทดสอบหรือพิสูจน์อะไรบาอย่าง
“เรือนไทยครับ ผมเห็นเรือนไทยในกระจกบานนี้ครับ… ”
รุจน์ยื่นกระจกมาให้ลุงแดง…
แกย่นหน้าผาก หัวคิ้วที่เป็สีขาวขยับเข้ามาชิดกัน ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย รีบรับกระจกที่ชายหนุ่มยื่นให้มาส่องดู
“อืมมม… ก็ไม่เห็นมีเรือนไทยอย่างที่เอ็งว่า ไหนวะ… มีแต่ลานจอดรถนี่นา… ”
ลุงแดงเห็นแต่ภาพใบหน้าอันเหี่ยวย่นของตัวเอง และด้านหลังก็เป็ลานจอดรถ ช่วยยืนยันว่าแถวนี้ไม่มีบ้านเรือนไทยแต่อย่างใด
