พั่วหุนยกนิ้วโป้งด้วยความยินดี “นายน้อยหลักแหลมยิ่งนัก ข้าจะออกไปจัดระเบียบทุกคนก่อน หลังท่านออกมาพวกเราก็จะออกเดินทางทันทีขอรับ”
ต้วนเหลยถิงพยักหน้าเล็กน้อย หลังทอดมองพั่วหุนออกไป พลันเคลื่อนย้ายข้าวของทั้งหมดเข้าไปไว้ในหอเล็กฝานหวาด้วยความคิด
ทว่าเขากลับหอบหีบไม้กฤษณาฉีหนานใบนั้นเข้าไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงในห้องนอนของตนกับเคอโยวหราน
ภายหลังอีกครึ่งชั่วยาม ต้วนเหลยถิงก็ย้อนกลับมายังยอดเขา ทอดมองคนชราและเด็กเล็กแล้วรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง
คนชราค่อนข้างงกเงิ่น ก้าวเดินไม่สะดวก จำต้องแบกลงจากเขาจึงจะได้การ ส่วนเด็กก็อายุไม่เกินสองถึงสามขวบเท่านั้น
ทั้งหมดมีประมาณหนึ่งร้อยคน หากจะพาคนกลุ่มนี้ลงเขา เป้าหมายจะใหญ่เกินไป นอกจากนี้ยังมิอาจคุ้มครองทุกคนได้ ทำอย่างไรดี?
เห็นได้ชัดว่าพั่วหุนรู้ดีว่าต้วนเหลยถิงลำบากใจ จึงกำลังพยายามเค้นสมองคิดหาแผนการเช่นกัน
ต้วนเหลยถิงออกคำสั่ง “ไป ลงเขา ไปถึงป่าทึบแล้วค่อยคิดหาแผนการ”
......
ณ จวนว่าการเ้าเมือง บุรุษชุดดำสวมผ้าคลุมนามว่าอั้นปานั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำพลางยกยิ้มชั่วร้าย ดูราวกับิญญาร้ายยามค่ำคืนที่ออกมาจากขุมนรกก็มิปาน
“เ้าเมืองเอ๋ย คิดว่าแค่สั่งให้หลี่เหิงพาบุตรทั้งสองของเ้าหนีไปก็จะได้นอนหลับสบายไร้กังวลแล้วงั้นหรือ?”
เ้าเมืองคุกเข่าหมอบอยู่บนพื้น ครั้งนี้เขาไม่สั่นสะท้านทั้งยังไม่หวาดกลัว ถึงขั้นอยากจะยั่วโทสะอั้นปาเพื่อมุ่งหาความตาย
เ้าเมืองคิดว่าในเมื่อพวกลูกๆ มิอาจมีชีวิตรอด เช่นนั้นตนก็ไม่จำเป็ต้องอยู่เพื่อรอความตาย คนทั้งครอบครัวตายไปด้วยกัน เมื่อไปถึงปรโลกก็ยังมีคนเคียงข้าง เขาจะได้ปกป้องพวกลูกๆ ไปตลอดทาง
เห็นได้ชัดว่าอั้นปาััได้ว่าเ้าเมืองต่างจากปกติ คิดเช่นไรก็ไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเกิดปัญหาที่ส่วนใด? หรือว่าพวกเขาทำอันใดเอิกเกริกเกินไปจนเผยพิรุธเสียแล้ว?
เมื่อคิดเช่นนี้ อั้นปาถึงกับสั่นสะท้านจนสะดุ้งโหยง นายท่านเคยกำชับแล้วว่าไม่ว่าจะทำอันใดล้วนต้องระมัดระวัง มิอาจปล่อยให้ผู้อื่นคว้าจุดอ่อนเอาไว้ได้
ในระหว่างที่พวกเขายังมีศักยภาพไม่มากพอ ไม่ว่าจะทำอันใดล้วนแต่ต้องปิดเป็ความลับ หากนายท่านรู้ว่าพวกเขาข่มขู่เ้าเมืองอยู่แถบชายแดนนี้โดยไม่ยำเกรงสิ่งใด เช่นนั้นจะเอาพวกเขาออกไปตากแดดหรือไม่?
อั้นปารู้ดีว่ามิอาจปล่อยให้เกิดปัญหาใดกับทางฝั่งเ้าเมืองชิงโจวได้
ทันทีที่แหวกหญ้าให้งูตื่น เมื่อเบื้องบนไต่สวนลงมา อย่าว่าแต่พวกเขา กระทั่งนายท่านของพวกเขาก็ยังต้องพบปัญหารุมเร้า
เมื่อคิดเช่นนี้ อั้นปาจึงผ่อนน้ำเสียงลง “เ้าเมืองเกา เ้าอย่าได้ลืมเื่พิษที่อยู่ในกายของเ้า หากไม่มียาถอน คงจะอยู่ไม่สุขเสียแล้ว
ควรจะส่งคนไปรับพวกลูกๆ ของเ้ากลับมาเถิด ข้างนอกอันตราย หากพวกเขาบังเอิญพบเจอผู้มีใจคิดร้ายจนต้องตายตก เช่นนั้นคงไม่ดีใช่หรือไม่?”
เ้าเมืองเกาที่แต่เดิมคุกเข่าหมอบคลานอยู่บนพื้นพลันลุกขึ้นนั่ง เอ่ยด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้านว่า
“ไม่เป็ไร แค่ชีวิตเท่านั้น ตัวข้าได้คิดตกแล้ว เมื่อเทียบกับการต้องอยู่อย่างอัดอั้นตันใจเช่นนี้ มิสู้ตายแล้วไปเกิดใหม่ พวกเ้าข่มขู่ข้าได้ แต่ยังจะไปตามจับิญญาข้ากลับมาจากปรโลกได้อีกหรือ?”
อั้นปา “...?”
ให้ตายเถิด เ้าเมืองเกาไม่กลัวตายจะทำอย่างไรดี? คนมุทะลุกลัวคนป่าเถื่อน คนป่าเถื่อนกลัวคนไม่กลัวตาย
ยามนี้เ้าเมืองเกาไม่รักชีวิตแล้ว กระทั่งเอาเื่ยาพิษมาข่มขู่ก็ยังไม่เกิดผล จะทำอย่างไรดี?
อั้นปาอดมิได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว “เอาเช่นนี้ เ้าสั่งให้คนไปสืบร่องรอยของแผนที่ต่อไป ขอเพียงมีข่าวคราวให้รีบรายงานพวกเราทันที ส่วนเื่อื่นๆ ให้พวกเราจัดการ เป็อย่างไร?”
เ้าเมืองเกา “...?”
เหตุใดบุรุษสวมผ้าคลุมถึงได้เปลี่ยนเป็พูดง่ายขึ้นมากะทันหัน? แค่มาสืบข่าวคราวงั้นหรือ?
ไม่รอให้เ้าเมืองเกาใคร่ครวญจนกระจ่าง ข้างนอกพลันมีเสียงนกหวีดเล็กแหลมดังลากยาวทำลายความสงบของฟ้าดินแห่งนี้
ริมฝีปากภายใต้ผ้าคลุมของอั้นปาพลันหยักยกเป็องศาประหลาด เขาปรายตามองเ้าเมืองเกาด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่งก่อนจะพุ่งออกไปนอกหน้าต่าง
เ้าเมืองเกาถูกเสียงเป่านกหวีดลากยาวนั่นทำให้จิตใจว้าวุ่น เขาพลันหยัดกายลุกขึ้นวิ่งไปทางหน้าต่าง ทอดมองทิศทางที่บุรุษชุดดำผู้นั้นมุ่งหน้าไปแล้วหัวใจเต้นระส่ำอย่างมิอาจควบคุม
หรือว่าพวกเขาตามหาหลี่เหิงจนเจอแล้วจริงๆ? พวกเด็กๆ ยังปลอดภัยหรือไม่?
หลังอั้นปาได้รับสัญญาณลับ พลันห้อตะบึงไปยังทิศทางที่สหายนำทางทันที
หากต้วนเหลยถิงอยู่ที่นี่ จะต้องพบว่าทิศทางที่อั้นปามุ่งไปก็คือเขาเหลียนอู้อย่างแน่นอน
ในยามนี้ คนชรา เด็ก และสตรีบนยอดเขาล้วนแต่ถูกเคลื่อนย้ายมายังกลางป่าทึบแล้ว
ต้วนเหลยถิงใคร่ครวญอยู่ค่อนวันถึงเอ่ยว่า “พั่วหุน เ้าพาคนไปซื้อล่อหรือวัวมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นซื้อรถลากเก่าๆ และเสื้อผ้าชำรุดจนมิอาจสวมใส่จำนวนหนึ่งมาจากชาวนาในละแวกใกล้เคียง พวกเราจะเคลื่อนไหวโดยปลอมตัวเป็ผู้ลี้ภัย”
พั่วหุนดวงตาเป็ประกายและพยักหน้าโดยพลัน จากนั้นพาคนห้าถึงหกสิบคนแยกกันเคลื่อนไหว
ในยามที่พวกต้วนเหลยถิงกำลังเฝ้ารอ หลี่เหิงได้พาเด็กผู้ชายสี่คนกับคนคุ้มกันสองคนวิ่งเข้ามาทางป่าทึบที่พวกต้วนเหลยถิงอยู่
ด้านหลังของพวกเขายังมีบุรุษชุดดำสามคนไล่ตามมา หนึ่งในนั้นก็คืออั้นปาที่เร่งตามมาจากจวนว่าการเ้าเมือง
ประสาทััทั้งห้าของต้วนเหลยถิงว่องไว ในเสี้ยววินาทีที่หลี่เหิงพาคนเข้ามา เขาก็ััได้แล้ว
“หมายเลขห้า มีคนบุกเข้ามาในป่าทึบ” ต้วนเหลยถิงผุดลุกขึ้นโดยพลัน จากนั้นพยายามรับรู้ความเคลื่อนไหวทางฝั่งที่หลี่เหิงบุกเข้ามาโดยละเอียด
หมายเลขห้าและคนอื่นๆ กว่าสี่ถึงห้าสิบคนต่างยืนขึ้นโดยพร้อมเพรียง ทุกคนพากันกำอาวุธในมือไว้แน่น เตรียมจะสู้จนตัวตายกับผู้มาเยือน
ต้วนเหลยถิงออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หมายเลขห้า เ้าพาคนทั้งหมดเข้าไปหลบในค่ายกลของพวกเรา รอกระทั่งพั่วหุนกลับมา ให้เดินทางออกไปตามเส้นทางและวิธีการที่ข้าจัดเตรียมเอาไว้”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง” หมายเลขห้าคุกเข่าหนึ่งข้างลงบนพื้นเพื่อรับคำสั่ง จากนั้นถามหนึ่งประโยคด้วยความไม่วางใจ “นายท่าน ท่านจะทำอย่างไรหรือขอรับ?”
ต้วนเหลยถิงทอดมองไปยังทิศไกลพลางเอ่ยเสียงเบา “ไม่ทันกาลแล้ว ข้าจะไปหลอกล่อพวกเขา จำเอาไว้ พวกเ้าจะต้องคุ้มครองความปลอดภัยของคนห้าถึงหกพันคนให้ได้
ยามพบเจอเื่อันใดอย่าร้อนรน รับมือโดยพลิกแพลงตามสถานการณ์แล้วส่งทุกคนไปยังหุบเขาลั่วสยา นั่นจึงจะเป็หน้าที่ที่พวกเ้าพึงกระทำให้สำเร็จ”
หมายเลขห้าเปิดปากถามด้วยความเป็ห่วง “แต่นายน้อยเล่า?”
ต้วนเหลยถิงโบกมือ “ไม่ต้องเป็ห่วงข้า ข้าจะล่อพวกเขาแล้วไปพบกับพวกเ้าที่หุบเขาลั่วสยา ยามนี้ความปลอดภัยของครอบครัวจึงจะเป็สิ่งสำคัญ”
หมายเลขห้าขอบตาแดงก่ำทันใด กระทั่งหลับฝันเขาก็ยังไม่กล้าคิดว่าผู้เป็นายจะสละตนเองเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยของพวกเขา
นายน้อยสามารถทิ้งพวกเขาแล้วหนีไปเองได้แท้ๆ ไม่จำเป็ต้องมาเสี่ยงอันตรายเช่นนี้กับพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
ก่อนจากไป ต้วนเหลยถิงยังกำชับเื่พึงระวังอีกไม่น้อย บอกพวกเขาว่าควรทำเช่นไรเมื่อเจอสถานการณ์คับขันหรือความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
เมื่อเห็นทุกคนพยักหน้ารับสื่อว่าจำได้แล้ว ชายหนุ่มพลันถีบปลายเท้าแ่เบาทะยานกายขึ้นฟ้า เลือนหายไปต่อหน้าทุกคนภายในเสี้ยววินาที
เพียงไม่กี่อึดใจ ต้วนเหลยถิงก็มายืนอยู่บนยอดไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งและมองสำรวจสถานการณ์เบื้องล่าง
พบเพียงบุรุษวัยสามสิบกว่าผู้หนึ่งพาเด็กน้อยอายุสิบกว่าขวบสามคนวิ่งไปทางสถานที่ที่พวกตนปักหลัก
ส่วนทางด้านหลังของพวกเขายังมีชายชุดดำสวมผ้าคลุมไล่ตามมา ท่าทางไม่ต่างกับแมวไล่ตามหนูแก่ คอยตามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าสามารถจับคนได้โดยง่าย แต่กลับปล่อยให้พวกเขาวิ่งหนีไปเรื่อยๆ
ดูท่าว่ากลุ่มคนสวมผ้าคลุมจะมิได้้าสังหารพวกเขา สายตาเย็นเยียบของต้วนเหลยถิงจดจ้องหลี่เหิงไม่วางตา หากตนจำไม่ผิด คนผู้นี้ก็คือที่ปรึกษาในจวนว่าการเ้าเมือง
วันนั้นตอนรับเงินรางวัลส่งตัวกุ่ยโส่ว ที่ปรึกษาผู้นี้ยืนอยู่ข้างกายเ้าเมือง ท่าทางสนิทสนมอย่างยิ่ง น่าจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเ้าเมือง เหตุใดยามนี้กลับถูกคนสวมผ้าคลุมไล่ตามเสียแล้ว?
อีกทั้งทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังเป็การนำทางคนสวมผ้าคลุมไปหาคนชรา เด็ก และสตรีเ่าั้...