หญิงสาวเยาว์วัยผู้มีปีกแสงอยู่กลางหลัง แผ่กระจายแสงขาวราวกับหิมะ เธอทิ้งตัวนุ่มนวลลงบนยอดเขา ทั้งรองเท้าถุงเท้าสีขาวบริสุทธิ์ เมื่อยืนอยู่บนหินผา ดูไร้มลทินและสูงส่ง
เธองดงามอย่างยิ่ง เยาว์วัยและมีชีวิตชีวา หากกลับไม่หยิ่งยโส แต่หากคิดจะเข้าใกล้ ก็จะััได้กับความห่างเหิน จงอย่าได้คิดอาจเอื้อม
ผู้คนต่างตะลึง สาวสวยไม่บันยะบันยังคนนี้กำลังตีสนิทฉู่เฟิง
เธอชื่อกงเสี่ยวซี รอยยิ้มบนใบหน้าอบอุ่นนุ่มนวล เธอแนะนำตัวเองอย่างง่ายๆ พอเหมาะพอดี จากนั้นเอ่ยแสดงเจตจำนงอย่างมีมารยาทว่า้าสนทนากับฉู่เฟิง
ฉู่เฟิงน้ำเสียงแหบแห้ง ไม่กล้าเปิดเผยเสียงที่แท้จริง เื่ครั้งก่อนเขายังรู้สึกผิดอยู่เลย ไม่รู้ว่าหลังจากเธอกินเนื้อแกะย่างเสียบไม้นั่นไปแล้วจะเป็อย่างไรบ้าง
แหงล่ะ เขาย่อมอยากจะรู้ว่าผลเป็อย่างไร ก็ยังแอบเลวอยู่หน่อยๆ ละนะ
ฉะนั้นระหว่างการสนทนา เขาจึงใจลอยเล็กน้อย เอาแต่คาดคะเนว่าหญิงสาวเยาว์วัยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาผู้นี้ น่าจะอายุไม่มาก อาจจะราวๆ ยี่สิบปี
กงเสี่ยวซีนุ่มนวลอย่างยิ่ง ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาท เมื่อเห็นว่าฉู่เฟิงปฏิเสธเธออ้อมๆ ว่าไม่้าที่จะเข้าร่วมกลุ่มใดๆ เธอก็ไม่ดึงดัน
ที่จริงแล้ว การที่เธอปรากฏตัวขึ้นก็เพราะความสามารถของฉู่เฟิงเข้าตา แต่ว่าพอเจอกันครั้งแรกก็ชวนเข้าร่วมกลุ่มเลย มันก็ดูไม่เนียนเท่าไหร่
อีกอย่าง เธอถึงกับมองจากอีกมุมด้วยซ้ำ ว่าถ้าเกิดคนผู้นี้เป็ยอดฝีมือของเทียนเสินเซิงอู้จะทำเช่นไร เป็ไปได้ไหมว่าหลินเยี่ยอวี่จงใจวางหมากไว้
เธอก็แค่เพียง้าแสดงเจตจำนงเท่านั้น ไม่ว่าคนผู้นี้จะร้ายกาจเพียงใด แต่การที่เธอทำเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ฉู่เฟิงใคร่ครวญแล้วถึงกับตะลึงเล็กน้อย หญิงสาวชุดขาวงดงามอย่างยิ่ง ท่วงท่าโดดเด่น ไม่ง่ายดายเลยแม้แต่น้อย
กงเสี่ยวซีก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ทันใดนั้นเธอก็ชะงักเล็กน้อย เพราะเธอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ค่อนข้างคุ้นเคย
“คุณนั่นเอง!”
วินาทีนั้น ใบหน้างดงามของเธอค้างแข็งเล็กน้อย
เสียงของเธออ่อนเบา คนอื่นไม่ได้ยิน กลับมีเพียงฉู่เฟิงที่ได้ยินอย่างชัดเจน เขารู้สึกแปลกๆ ในทันที หากยังแกล้งทำงุนงงท่าทางไม่เข้าใจ
“ร่างกายคุณมีกลิ่นหอมจางๆ กลิ่นไม่มีทางเปลี่ยนแปลง!” กงเสี่ยวซีจ้องหน้าเขา
ฉู่เฟิงสะดุ้ง เขาเข้าใจความหมายดี กลิ่นหอมอ่อนนั้นออกมาจากร่างกายเขา ั้แ่ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็เป็เช่นนี้มาตลอด
ตามคำพูดของคนเก่าแก่ นี่เป็สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของกายเนื้อสู่กายทิพย์
ในยามปรกติ เขาระวังตัวเป็อย่างมาก ปฏิบัติตัวตามวิธีของหวงหนิวจนแทบจะไม่เคยมีอะไรผิดปรกติเล็ดลอดออกไป
ทว่า ที่ตรงนี้ไม่จำเป็ต้องผนึกกลิ่นอาย ต่างก็เป็มนุษย์พิเศษกันทั้งนั้น ทุกคนล้วนปลดปล่อยความสามารถออกมา เผื่อว่าเกิดอันตรายขึ้นมาจะได้รับมือได้ทันท่วงที
ครั้งก่อน หญิงสาวชุดขาวผู้นี้นอนอยู่บนเตียงของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ตอนนั้นฉู่เฟิงเองก็เฟอะฟะ ไม่ทันระวังตัว ร่างกายปลดปล่อยกลิ่นหอมโดยอัตโนมัติ
คิ้วสวยของกงเสี่ยวซีเลิกสูง ปีกแสงที่กลางหลังเปล่งแสงเรืองรอง ทำให้เธอดูสว่างไสวไร้ซึ่งมลทิน
“เป็คุณจริงๆ ด้วย!” เธอประหลาดใจเป็ล้นพ้น ครั้งก่อนไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเขาเป็ยอดฝีมือ
ก่อนหน้านี้เธออ่อนโยนนุ่มนวล วางตัวเหมาะสมมาตลอด เห็นได้ชัดเจนถึงความหนักแน่นมั่นคงแต่ก็ผ่อนคลาย ขัดกับวัยของเธอเป็อย่างมาก
จนมาตอนนี้ ใบหน้างามนวลลออก็ปรากฏรอยอารมณ์อย่างอื่นขึ้น คล้ายๆ กับมีเสียงกัดฟันเล็ดลอดออกมา แต่อาจเป็ด้วยการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวที่ทำให้ท่วงท่าของเธอยังคงละเมียดละไม
“คุณจำคนผิดแล้วมั้ง?” ฉู่เฟิงถามกลับแ่เบา ไม่้าให้คนอื่นได้ยินเช่นกัน
กงเสี่ยวซียิ้มด้วยท่าทีอ่อนหวานอันเป็เนื้อแท้ของเธอ แม้จะมีแววโกรธเคือง หากอ่อนหวานอย่างยิ่ง เหมือนกับเมื่อครั้งที่พบกันที่บ้านของฉู่เฟิง
“ฉันรู้ว่าคุณเป็ใคร ฮึ!” พูดจบเธอก็ไม่มองฉู่เฟิงอีก แต่จ้องหวงหนิวเขม็ง ถึงแม้จะยิ้มสดใส หากก็ทำให้หนิวหมัวหวังรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ที่จริงมันก็รู้สึกผิดนะที่แจกกีบให้ชาวบ้านอย่างไร้เหตุผลไปตั้งสองกีบ
แต่ว่าหนังหน้าหวงหนิวอย่างหนา มันสงบลงอย่างรวดเร็ว แถมยังวางมาดสุภาพบุรุษ วาง ‘แขน’ บนหน้าอก จากนั้นโค้งเอวด้วยกิริยามารยาทแบบตะวันตก
กงเสี่ยวซีหมุนตัวเดินจากไป เธอไม่รั้งรออยู่นาน
ฉู่เฟิงครุ่นคิด ท่าทางจะปิดไม่มิดเสียแล้ว จึงเอ่ยถามจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดัดให้แหบแห้ง “ยาที่ให้ไปครั้งที่แล้วได้ใช้หรือเปล่า?”
วินาทีนั้น กงเสี่ยวซีถึงกับตัวแข็ง เธอยังคงหันหลังให้เขา หากหน้าผากขาวผ่องเหมือนกับมีเมฆดำทะมึน แต่สุดท้ายเธอก็ควบคุมตัวเองได้ในที่สุด ขยับปีกแสงแล้วทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
จากกลางอากาศ เธอเอ่ยว่า “หนิวเสินหวัง เป็อันตกลงตามนี้”
ตกลงอะไรกัน? หวงหนิวที่อยู่ด้านข้างยืนงงเป็วัวตาแตก
บนเขา ผู้คนจำนวนมากมีสีหน้าประหลาดใจ
“ยัยหนูนั่นขุดหลุมดักฉัน!” ฉู่เฟิงรีบะโ “ฉันชินกับการฉายเดี่ยว อย่าได้มาคุยเื่นี้อีก!”
เขาไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดว่าเขาฝักใฝ่ฝ่ายไหน จะยิ่งใหญ่อย่างเทียนเสินเซิงอู้หรือโพธิจีนส์ก็ตาม หากเป็อริกับทุกฝ่าย ผลที่ตามมาย่อมแสนสาหัส
หลังจากวุ่นวายกันเล็กน้อย ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
จะอย่างไร ที่ผู้คนมายังเขางูขาวนี้ก็เพราะลูกไม้ประหลาดนั่น เื่อื่นล้วนเป็เื่รอง
ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ที่แห่งนี้ก็ยิ่งเต็มไปด้วยมนุษย์พิเศษ
ในตอนแรกนั้น ที่ยืนอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็ยอดฝีมือ ตอนนี้คนอื่นๆ เริ่มกล้ากันมากขึ้น ด้วยเห็นว่าที่ตรงนี้สงบเงียบอย่างยิ่ง ไม่มีการปะทะต่อสู้ จึงคิดเข้ามามุงดูใกล้ๆ
ถึงแม้ว่าคนไม่น้อยต่างก็รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีหวังที่จะได้ลูกไม้พิเศษนั่นมา หากการได้มาเห็นเหตุการณ์นี้ด้วยตาของตัวเอง ก็เรียกได้ว่าไม่เสียเที่ยวแล้ว
“ทำไมถึงมีคนอื่นเข้ามาเต็มไปหมดเนี่ย?” มนุษย์พิเศษบางคนไม่พอใจ
เป็เพราะว่า บนเขาตอนนี้มีมนุษย์พิเศษพิลึกคนหนึ่งกำลังร่อนนามบัตร ทำความรู้จักกับมนุษย์พิเศษคนอื่นไปทั่ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยมนุษย์พิเศษ อีกทั้งสรรพสำเนียงก็เริ่มวุ่นวายเซ็งแซ่
โดยเฉพาะ เมืุ่์พิเศษที่มีลักษณะเฉพาะผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้นมาก่อให้เกิดความวุ่นวายไปทั่ว ที่ตรงนั้นพลันมีคนมากมายเข้ามารายล้อม สับสนวุ่นวาย
ที่ทำให้ผู้คนต่างก็พูดไม่ออก ก็คือมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังถ่ายรูป!
หวงหนิวจิ้มเอวฉู่เฟิง เป็เชิงบอกว่ามันจะไปส่องทางนู้นหน่อย
ฉู่เฟิงหันไปดูก็พบว่า โจวเฉวียนกำลังถูกรุมล้อมอยู่
เขารู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พลางเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ย่อมต้องมีเื่ฮาอย่างแน่นอน
“โหท่านเทพ ท่านก็มาด้วย แถมยังเป็มนุษย์พิเศษอีกต่างหาก!”
“นี่ต้องเป็ข่าวใหญ่ชัวร์!”
“เ้าพ่อมีมอย่างเพิ่งไปสิ มานี่ เราสองคนมาถ่ายรูปด้วยกันก่อน ผมนับถือคุณมากเลย ไม่รู้จะพูดไงแล้วเนี่ย!”
...
โจวเฉวียนอึ้ง เขาแอบปีนเขาขึ้นมาดู ไม่ได้เข้าแถวตรงทางเข้า แต่พอโผล่หัวขึ้นมาเท่านั้นก็ถูกล้อมขังอยู่ตรงนี้
โจวเฉวียนสมองโล่งว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นโดยสิ้นเชิง!
จนกระทั่งคำว่าเ้าพ่อมีมลอยเข้าหู เขาจึงถึงบางอ้อ จากนั้นแทบจะอดพ่นคำด่าไม่ได้ นี่มันเื่บ้าอะไรวะ? ไอ้ตัวบรรลัยหวงหนิว!
“ออกไป ฉันไม่รู้จักพวกนาย!” โจวเฉวียนกระชากเสียง
“ได้ไง มาถ่ายรูปคู่กันก่อน!” บางคนเบียดเข้ามาข้างเขา ยกเครื่องมือสื่อสารขึ้น แล้วเซลฟี่รัวๆ
“พอเลย ตาฉันแล้ว รีบถอยไปเลย เ้าพ่อมีมครับช่วยหน่อย คุณโพสท่าเทพๆ หน่อย พวกเราเอียงหัวหากันหน่อยดีมะ!”
“เฮ้ย พวกแกนี่ละเมิดสิทธิ์นะโว้ย ถอยไปให้หมดเลย!” โจวเฉวียนแทบจะร้องไห้ แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เสียงชัตเตอร์ดังรัวๆ ไม่หยุด ไม่รู้ถูกถ่ายรูปไปกี่ร้อยรูปแล้ว
แถมนี่ยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น คนมุงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลัวจะไม่ได้ถ่ายรูปกับเขา บางคนถ่ายรูปรัวๆ จากระยะไกลก็มี
“พวกแกเบาๆ กันหน่อยได้มั้ย? พวกเราก็มนุษย์พิเศษเหมือนกันนะโว้ย เลิกมาล้อมหน้าล้อมหลังฉันได้แล้ว!” โจวเฉวียนนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง รู้อย่างนี้ไม่โผล่มาดีกว่า หลบอยู่ยิ่งไกลยิ่งดี
ตอนนี้ใบหน้าของเขาหมองคล้ำ พอจะจินตนาการได้เลยว่าเขาคงเป็ข่าวไม่น้อย ตัวตนของเ้าพ่อมีมในเว็บรูปเห่ยๆ มาทางนี้ ที่แท้แล้วเป็มนุษย์พิเศษ ปรากฏตัวบนเขาไท่หังซาน คาดได้เลยว่าได้กลับมาเป็หัวข้ออันร้อนแรงอีกแล้ว
“แม่งเอ๊ย ตูโดนไอ้วัวบ้านั่นเล่นงานจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” โจวเฉวียนก่นด่าสาปแช่งไม่หยุดหย่อน เขารู้เลยว่าเดี๋ยวจะต้องเกิดเื่วุ่นวายขึ้นอีกแน่ แค่คิดก็หัวบวมแล้ว
ตอนนั้นเอง มีมนุษย์พิเศษคนหนึ่งที่มีพลังมหาศาล พุ่งเบียดเข้ามา ผลักคนอื่นๆ ออกไปด้านข้าง เอ่ยว่า “พวกเรารู้จักเคารพสิทธิ์คนอื่นเขามั่ง ให้คนเขาอนุญาตก่อนค่อยถ่ายรูปสิ”
โจวเฉวียนได้ยินเข้าก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
คนผู้นี้รีบยื่นนามบัตรให้ แล้วเอ่ย “มารู้จักกันหน่อย ผมชื่อโจวอี่เทียน นี่เป็นามบัตรของผม”
โจวเฉวียนบื้อไปชั่วครู่ ก็คนแซ่เดียวกันนี่หว่า แล้วนี่มันอะไรกัน เขามาที่นี่เพื่อมาดูเื่สนุกเท่านั้น คนเป็มนุษย์พิเศษนี่มันต้องยื่นนามบัตรกันด้วยเหรอ?
“คุณเป็ผู้กำกับเหรอ?” โจวเฉวียนมองดูนามบัตรแล้วถึงกับตะลึง คนแบบนี้มาหาเขาเพื่ออะไร?
“ผมมีความฝันอันยิ่งใหญ่ อยากทำหนังเกี่ยวกับพวกตำนานให้สมจริงสมจัง ตีแผ่ข้อมูลเบื้องลึกของความลี้ลับแห่งวัฒนธรรมตะวันออกโบราณ!” โจวอี่เทียนกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจัง
“แล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย?” โจวเฉวียนยังมีสีหน้างุนงง
“ลักษณะท่าทางของคุณใจนักเลง ดีเดือด ดุดัน แล้วคุณดูนะ เขาวัวใหญ่หนาคู่นี้กลับถูกซ่อนอยู่ใต้ทรงผมหวีเสยนี่ มันช่างเสียของจริงๆ!” โจวอี่เทียนพูดจาเคร่งขรึม
โจวเฉวียนจ้องหน้าเขา หมายความว่าอย่างไร นี่ชมเขาเหรอ?
“ผมอยากทำซีรีส์เกี่ยวกับตำนาน ชื่อเื่ บันทึกตำนานาแห่งมหาเทพปีศาจวัว เริ่มจากปีศาจวัวตนหนึ่ง แล้วเล่าเื่ราวตำนานดึกดำบรรพ์ไปจนจบ คุณว่าไหม นี่มันทำมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ” โจวอี่เทียนพูดอย่างจริงจัง
“ไปเลยไป!” โจวเฉวียนหัวร้อน ผู้กำกับบ้าบอคอแตก ขุดคุ้ยความเ็ปของเขาอยู่ได้ ไอ้เขาวัวคู่นี้มันเป็าแทางใจของเขา ยังจะมาให้เขาแสดงซีรีส์ตำนานปีศาจวัวอีก?
“ผมเอาจริงนะ!” โจวอี่เทียนชี้ไปด้านข้างที่มีมนุษย์พิเศษอีกหลายคนแบกอุปกรณ์ถ่ายทำสารพัดชนิดอยู่
“พวกคุณเป็ใครเนี่ย มาวุ่นวายอะไรแถวนี้?” โจวเฉวียนหน้าดำคร่ำเครียด
“พวกเขาก็เป็มนุษย์พิเศษเหมือนกัน ไม่ได้มาวุ่นวายอะไร เมื่อก่อนก็ทำงานในกองถ่ายนั่นแหละ ตอนนี้ก็แค่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของมนุษย์พิเศษมาเก็บภาพที่เขาไท่หังซาน นี่ก็จะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ของเหล่ามนุษย์พิเศษไม่ใช่เหรอ นี่แหละจะกลายเป็ฉากอันยิ่งใหญ่ของซีรีส์ของพวกเรา คุณคิดดูนะ าขนาดใหญ่ที่มีมนุษย์พิเศษเยอะขนาดนี้ มันจะเป็ฉากที่อลังการขนาดไหน แถมยังไม่ใช่เอฟเฟกต์ แต่เป็ความสามารถของจริง มันจะต้องกลายเป็สุดยอดซีรีส์เกี่ยวกับตำนานลึกลับอย่างแน่นอน!” โจวอี่เทียนยิ่งพูดก็ยิ่งเมามัน ดึงไม้ดึงมือโจวเฉวียนบอกเขาว่าจะให้เขาเป็ดารานำอันดับหนึ่ง
โจวเฉวียนตาลาย สะบัดแขนแล้วบอกเขาไปตรงๆ ว่าไอ้ซีรีส์บ้าบอนี่ เขาไม่เล่น!
เขาแหวกฝูงคนออกไปอย่างเืร้อน แทบจะเรียกได้ว่ากระโจนออกไปเลยทีเดียว พุ่งไปทางที่มีคนน้อยหน่อย แต่ก็โชคร้ายไปหน่อยไหมล่ะนี่ จะตัวอะไรก็เจอหมด!
ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงบางอย่างจึงเงยหน้าขึ้นดู พบว่าูเาเตี้ยๆ ที่อยู่ใกล้ๆ นี้ มีตัวประหลาดคล้ายๆ กันอยู่สองตัว บนศีรษะมีเขาวัวงอกออกมา
วินาทีนั้น โจวเฉวียนน้ำตาแทบเล็ด ในที่สุดก็เจอพวกเดียวกันเสียที
“พี่น้อง พวกนายก็มีเขาเหมือนกัน พวกเรามาคุยกันหน่อยเถอะ” เขาตะกายปีนขึ้นไป ก็เห็นคนประหลาดสองคนสวมชุดหนังปกปิดมิดชิด คนหนึ่งมีเขาสีทอง อีกคนมีเขาสีเงิน พลันรู้สึกได้ถึงหัวอกเดียวกัน
โจวเฉวียนรู้สึกเหมือนได้เจอญาติ โห่ร้องพร่ำพูดความอัดอั้นตันใจ จนคนที่นั่งอยู่ด้านข้างตบไหล่เขาเบาๆ เหมือนกับว่ารู้สึกเช่นเดียวกัน
โจวเฉวียนพลันรู้สึกตื้นตัน อดไม่ได้ที่จะพ่นความในใจจนหมดสิ้น
“มอ!” คนที่อยู่ด้านข้างอีกคนก็ตบบ่าเขาด้วย พลางส่งเสียงร้องประหลาดที่ทำให้ร่างโจวเฉวียนแข็งค้างทันควัน
เขาหันขวับไปจ้องตัวประหลาดทั้งสองเขม็ง
“นี่....พวกนายสองคน?!” เขาแทบจะพุ่งหัวเข้าชนไอ้หวงหนิว!
ฉู่เฟิงปลอบ “ไม่ต้องหดหู่น่า อีกอย่าง ฉันว่าที่ผู้กำกับคนนั้นพูดก็มีเหตุผลนะ ดูเขาเองก็จริงจังอย่างมากด้วย เป็คนที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ไม่แน่นะศึกใหญ่บนเขาไท่หังซานครั้งนี้ เขาอาจจะสร้างผลงานชิ้นเยี่ยมยอดออกมาก็ได้ ฉันว่านายไม่น่าปฏิเสธเขานะ”
“พวกนายสองคนก็มีเขาไง เหมาะกว่าฉันอีก!” โจวเฉวียนตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี
“เอ๋ ดูนั่น ใครน่ะ?” ฉู่เฟิงใ ใบหน้าฉายแววประหลาด
“หา นั่นมัน ติงซือถงไม่ใช่เหรอ? นางฟ้าแห่งปวงประชา แฟนในอุดมคติของฉันเลยนะเนี่ย!” โจวเฉวียนที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้คร่ำครวญหายไปแล้ว กลับกลายว่าตอนนี้ดวงตาเป็ประกายวิบวับแทน
ห่างออกไป หญิงสาวผู้หนึ่งมีคนไม่น้อยคอยคุ้มครอง เธอมีใบหน้างดงาม ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มกองมนุษย์พิเศษสักกลุ่ม
“นี่เป็คนของโพธิจีนส์นี่นา!” มีคนกระซิบกระซาบ
นี่มันอะไรกัน ติงซือถง นางฟ้าแห่งปวงประชาอยู่กับคนของโพธิจีนส์? ในอดีตมีแต่คนพูดกันว่าเื้ัของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลย แต่ที่เห็นกันตรงนี้ก็น่าแตกตื่นกันไม่น้อยทีเดียว
“ฉันได้ยินมาว่า ติงซือถงเองก็เป็มนุษย์พิเศษ แถมตอนที่กลายพันธุ์ก็ไม่ธรรมดาด้วย มีหางงอกออกมาเก้าหาง!” เสียงซุบซิบจากไกลๆ ลอยมา
“หา เก้าหาง!?”
...
พอฉู่เฟิงได้ยินเข้าก็ตะลึงอย่างแรง
หลังจากแผ่นดินเปลี่ยนแปลง ผลที่ตามมาใหญ่หลวง กระทบต่อคนทั้งมวล ขนาดนางฟ้าแห่งปวงประชายังกลายเป็มนุษย์พิเศษเลย ดูเหมือนจะเป็จิ้งจอกขาวเก้าหางในตำนานเสียด้วย!
“สถานการณ์แปลกไป!”
สีหน้าของฉู่เฟิงเปลี่ยนไปทันควัน เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นะเืจากพื้นดิน อีกทั้งยังมีกลิ่นอายอันน่ากลัวที่แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่บริเวณนี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้