มองดูเด็กหนุ่มในเวลานี้ที่ไม่เหมือนกับนางในอดีต คำพูดเหล่านี้เป็สิ่งที่ชายผู้นั้นก็เคยกล่าวเตือนนางมาก่อน
จากโลกแห่งความฝันได้ผันเปลี่ยนเป็โลกแห่งความจริง ไม่รู้ว่าเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไร เวลานี้นางไม่ใช่สตรีสูงศักดิ์ผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว เป็เพียงิญญาสถิตที่ดำรงอยู่อย่างเดียวดายเท่านั้น
“เื่นี้ข้าทราบดี ไอหยา ซีเยว่ ว่าแต่เผ่าชูร่าที่เ้ากล่าวถึงเมื่อครู่เป็เผ่าแบบใดกัน?”
มู่เฟิงเอ่ยถามขึ้นมาในทันใด
“เผ่าชูร่าเป็เผ่าพันธุ์หนึ่งที่แข็งแกร่งและทรงพลังมาก ในบรรดาเผ่าพันธุ์มากมายจนนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกจัดให้อยู่ในแถวหน้าของร้อยอันดับแรก คนของเผ่าชูร่านั้นล้วนเป็นักรบโดยกำเนิด และเคล็ดวิชาชูร่าที่เ้ากำลังฝึกฝนคือเคล็ดวิชาระดับสูงของเผ่าชูร่า ตอนนี้ต่อให้เ้าจะรู้อะไรไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพลังของเ้ายังอ่อนแอเกินไป”
ซีเยว่กล่าวอธิบายโดยสรุป มู่เฟิงเพียงขานรับออกมาโดยไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่ม
“ในตอนนี้เ้าถือเป็เ้านายของหยกเทพชูร่าชิ้นนี้แล้ว เ้าต้องคอยปกป้องมันให้ดี หากเ้ามีเื่ใดขอเพียงรวบรวมสมาธิ จากนั้นก็ส่งพลังปราณกระตุ้นเข้าไปภายในตัวหยกแล้วเอ่ยเรียกนามของข้า”
หลังซีเยว่กล่าวจบ หยกเทพชูร่าพลันเปล่งแสงสีโลหิตออกมา จากนั้นมันก็ได้พุ่งเข้าไปในทรวงอกของมู่เฟิงอีกครั้ง ก่อนจะหลอมรวมเข้ากับหัวใจของเขา
มู่เฟิงแตะมือลงบนหน้าอกของตัวเองด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะหันไปคอยดูแลมู่ขวงที่อยู่ด้านข้าง รอเวลาให้เด็กหนุ่มฟื้นคืนสติกลับมา
ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยไปยังทิวเขาทางทิศตะวันตก ท้องฟ้ากำลังทอประกายสีแดงราวกับใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังเขินอาย เพียงไม่นานดวงจันทร์ก็เข้ามาแทนที่ดวงตะวันที่เพิ่งลาลับขอบฟ้าไป
“โฮก...!”
เมื่อยามราตรีมาเยือน บรรดาสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาอันหนานก็เริ่มส่งเสียงร้องคำราม เหล่าสัตว์ร้ายที่ออกหากินใน่เวลากลางคืนก็เริ่มออกล่าหาอาหาร
ในที่สุดมู่ขวงก็ฟื้นคืนสติหลังจากที่หลับใหลไปนาน หลังจากได้สติเด็กหนุ่มก็กวาดตามองไปยังบริเวณโดยรอบ เขาพบว่ามู่เฟิงยังคงนั่งอยู่ด้านข้างของเขา พร้อมกับกำลังย่างกระต่ายป่าสองตัวที่เสียบอยู่บนไม้เหล็ก กลิ่นหอมของอาหารโชยขึ้นมาแตะจมูกเขาในทันที
“โครก...”
เมื่อได้กลิ่นหอมฉุยของอาหาร มู่ขวงก็พลันรู้สึกหิวขึ้นมา
“ตื่นแล้วรึ เอานี่ ข้าย่างไว้ให้เ้าแล้ว”
มู่เฟิงยื่นกระต่ายป่าย่างให้กับมู่ขวง เด็กหนุ่มรับเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะสูดกลิ่นหอมของมันเข้าไปเต็มปอด แล้วอ้าปากงับเข้าไปคำโตอย่างหิวกระหาย ก่อนจะพูดขึ้นในขณะที่กำลังเคี้ยวอยู่ว่า “พี่เฟิง ทำไมวิธีการฝึกนั่นถึงทำให้ข้ารู้สึกเ็ปมากขนาดนี้ ในตอนที่ข้าเฝ้าสังเกตท่าน ข้าไม่เห็นว่าท่านจะมีอาการเ็ปอะไรเลย?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้มู่เฟิงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันใด ด้วยความไม่รู้ของเขา ทำให้เขาเกือบจะฆ่าน้องชายของตัวเองเสียแล้ว เด็กหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “จากวิธีการฝึกที่ข้าถ่ายทอดให้กับเ้า เ้าไม่เหมาะที่จะใช้วิธีการเปลี่ยนพลังเืให้กลายเป็พลังปราณ เ้าเหมาะสมกับการหลอมพลังเืให้เข้ากับร่างกายของเ้ามากกว่า
ในครั้งต่อไปเ้าต้องดูดซึมพลังเืเข้าไปก่อน แต่หลังจากพลังเืเข้าสู่ร่างกายของเ้าแล้ว ให้เ้าทำตามวิธีการที่ข้าชี้แนะเ้าไปก่อนหน้านี้ หลอมรวมพลังเืให้เข้ากับกายเนื้อของเ้า โดยวิธีการนี้เรียกว่าการฝึกกายา มันจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายของเ้าแกร่งขึ้น เป็การฝึกอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้ร่างกายเป็หลัก และหากเ้าฝึกสำเร็จร่างกายของเ้าจะคงกระพันเสมือนเป็อาวุธวิเศษ”
“ร่างกายเป็เสมือนอาวุธวิเศษ! เหมือนว่าผลลัพธ์ของมันจะยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน”
มู่ขวงเผยสีหน้าตื่นตะลึง แต่เพียงนึกถึงความทรมานเมื่อครู่เขาก็พลันหวั่นใจขึ้นมา
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากเ้า้าจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น เ้าต้องอดทนต่อความเ็ปที่คนอื่นไม่อาจทนได้ แต่หากเ้าไม่้าฝึกฝนด้วยวิธีนี้ก็ย่อมได้เช่นกัน แน่นอนว่าพี่เฟิงไม่บังคับเ้า”
มู่เฟิงกัดเนื้อกระต่ายป่าย่างขณะที่พูดคุยกับอีกฝ่าย
“ไม่ ข้าไม่หวาดกลัวต่อความเ็ป ข้าจะฝึก ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อช่วยท่านล้างแค้น ชำระแค้นให้กับท่านลุงเทียน และชำระแค้นให้กับกองทัพทหารตระกูลมู่ทุกคน!”
มู่ขวงส่ายหน้าพลางกล่าวขึ้นด้วยสายตาที่แน่วแน่
“เ้าน้องรัก…”
หัวใจของมู่เฟิงพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันใด เด็กหนุ่มจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เพียงแค่แก้แค้นเท่านั้น ในอนาคตทั้งเ้าและข้า พวกเราจะต้องกลายเป็ผู้ที่แข็งแกร่งจนผู้อื่นทำได้เพียงแหงนหน้ามอง เช่นนี้จึงจะสามารถปกป้องตระกูลมู่ของเราได้”
“อืม!”
“โฮก…!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พลันมีเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับเงาดำซึ่งอยู่ห่างออกไปราวเจ็ดแปดเมตรกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาร่างของมู่ขวงอย่างรวดเร็ว
“ระวัง!”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไปในทันที ส่วนมู่ขวงก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างนั้นพุ่งตัวเข้ามาหาเขา เด็กหนุ่มก็หันกลับไปและปล่อยพลังหมัดออกมาทันใด
เปรี้ยง!
หมัดนี้ของมู่ขวงแข็งแกร่งมาก ร่างนั้นถูกแรงปะทะกระแทกจนกระเด็นออกไปราวห้าหกเมตร
เด็กหนุ่มทั้งสองคนอาศัยแสงจากกองไฟทำให้สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
แท้จริงแล้วกลับเป็เสือดาวสีดำตัวหนึ่ง มันมีขนาดความยาวสองเมตร มีกรงเล็บและฟันที่แหลมคม ขนสีดำของมันช่วยให้มันสามารถพรางตัวในความมืดยามค่ำคืนได้เป็อย่างดี ดวงตาวาวโรจน์ของมันกำลังจับจ้องมายังเด็กหนุ่มทั้งสอง พร้อมกับส่งเสียงครางต่ำอยู่ในลำคอ
“ระวังตัวด้วย เสือดาวตัวนี้ไม่ธรรมดา เป็อสูรร้ายระดับจื่อฝู่! เหตุใดที่นี่จึงมีอสูรร้ายระดับจื่อฝู่โผล่ออกมาได้”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันมืดครึ้มลงทันที พร้อมกระชับดาบในมือเอาไว้แน่น
สิ่งมีชีวิตตรงหน้าเขาไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็อสูรร้ายตัวหนึ่งที่มีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ ความแข็งแกร่งระหว่างสัตว์อสูรและอสูรร้ายนั้นแตกต่างกันเป็อย่างมาก
มู่ขวงประหลาดใจเล็กน้อย เขากำหมัดแน่น เวลานี้เด็กหนุ่มได้ค้นพบว่าหมัดของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก กระทั่งเมื่อครู่เขายังสามารถซัดอสูรร้ายระดับจื่อฝู่จนล่าถอยออกไปได้ในหมัดเดียว
เวลานี้เด็กหนุ่มทั้งสองได้ถอยห่างออกมาพร้อมกัน พวกเขาเฝ้าจับตามองเสือดาวตัวนั้นอย่างระแวดระวัง ในขณะเดียวกัน เสือดาวสีดำตัวนั้นก็กำลังมองประเมินพวกเขาด้วยเช่นกัน
ในยามราตรีคือ่เวลาแห่งการหาอาหารของมัน และกลิ่นเนื้อกระต่ายป่าที่ถูกมู่เฟิงย่างก็ได้ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ ทำให้มันตามกลิ่นนี้มาด้วยความหิวโหย
เนื่องจากมู่เฟิงยังขาดประสบการณ์การใช้ชีวิตในป่า ดังนั้นเขาจึงลืมตระหนักถึงเื่นี้ไป
“พี่เฟิง เราควรทำอย่างไรดี?”
มู่ขวงกระชับดาบเอาไว้แน่น พลางเอ่ยปากถาม
“เราคงไม่สามารถหลบหนีจากมันได้แน่ มีเพียงทางเดียวคือต้องสู้กับมันเท่านั้น อีกเดี๋ยวเราจะแยกกันไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา จากนั้นพวกเราต้องลงมือโจมตีมันพร้อมกันโดยเน้นที่ดวงตาและขาของมันเป็หลัก เมื่อสองตำแหน่งนี้ของมันได้รับาเ็ เราจะสามารถรับมือกับมันได้ง่ายขึ้น”
มู่เฟิงหรี่ตาลงขณะอธิบายแผนการ
“รับทราบ!”
โฮก…!
หลังมู่เฟิงกล่าวจบ เสือดาวตัวนั้นก็ได้ส่งเสียงร้องคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งทะยานตัวเข้าหามู่ขวงอีกครั้ง สัตว์ร้ายตัวนี้นับว่าฉลาดไม่น้อย เนื่องจากมันััได้ว่ามู่ขวงนั้นมีพละกำลังในร่างกายมากกว่า ดังนั้นมันจึงจ้องจะจัดการกับมู่ขวงก่อน
เด็กหนุ่มทั้งสองผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็ได้แยกกันไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา หลังจากมู่ขวงหลบหลีกการโจมตีของมันได้สำเร็จ เด็กหนุ่มก็เริ่มจู่โจมกลับในทันที โดยที่มู่เฟิงเองก็ได้พุ่งทะยานตัวเข้ามาพร้อมกัน เขาง้างดาบขึ้นโดยเล็งไปยังศีรษะของเสือดาว
เสือดาวตัวนั้นหลบหลีกได้อย่างว่องไว ทำให้ดาบเล่มนั้นของมู่เฟิงฟันลงบนพื้นแทน
พรึ่บ!
แต่ในเวลาเดียวกัน มู่ขวงได้เหวี่ยงดาบของตัวเองไปยังเสือดาวตัวนั้นเช่นกัน เนื่องจากเสือดาวเพิ่งจะหลบหลีกดาบของมู่เฟิงมา ทำให้มันไม่อาจหลบหลีกดาบนี้ของมู่ขวงได้ทัน
ทว่าทันใดนั้น ตรงอุ้งเท้าของมันก็ได้ปรากฏแสงสีดำสลัวขึ้นอย่างฉับพลัน และแสงนี้ก็คือพลังปราณของมัน!
เสือดาวตบดาบของมู่ขวงที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยอุ้งเท้าข้างเดียวซึ่งแฝงไว้ด้วยพลังที่มหาศาลของมัน ทำให้ดาบเล่มนั้นของมู่ขวงกระเด็นออกไปไกล พร้อมกับที่อุ้งเท้าอีกข้างได้กางกรงเล็บอันแหลมคมออกมา
ฉัวะ!
กรงเล็บเสือดาวที่มีความยาวกว่าครึ่งฟุตได้ตวัดลงบนกลางอกของมู่ขวงทันที
อ๊าก!
มู่ขวงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเ็ป พร้อมกับล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าอกของเด็กหนุ่มถูกกรงเล็บของเสือดาวตวัดใส่จนปรากฏรอยแผลฉีกขาดถึงสี่จุด ซึ่งแผลของเขารุนแรงมากเสียจนสามารถมองเห็นเนื้อด้านในที่มีเืไหลซึมออกมาได้ อีกทั้งแผลยังลึกมากจนมองเห็นถึงกระดูกซี่โครง
“อ๊า!”
มู่ขวงกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้ ใบหน้าของเขาซีดลงถนัดตา ในขณะที่เสือดาวได้พุ่งกระโจนเข้าหาเขาอีกครั้ง
“หมัดทะลวงลมปราณ!”
ด้านมู่เฟิงที่อยู่ไม่ไกลกันนัก หลังจากพลาดการโจมตีในครั้งแรก เขาก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มกำหมัดเอาไว้แน่น เขารวบรวมพลังปราณไว้ที่มือ ก่อนจะะเิพลังหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
หมัดนี้ของมู่เฟิงกระแทกเข้าที่ศีรษะของเสือดาวตัวนั้นอย่างจัง จนมันล้มคว่ำลงไปด้านข้าง
“อึก!”
มู่ขวงไม่สนใจความเ็ปจากาแของตัวเอง เขาคว้าดาบขึ้นมาก่อนจะฟาดฟันไปยังเสือดาวตัวนั้นอีกครั้ง
แต่โดยไม่ทันคาดคิด เสือดาวตัวนั้นกลับกลิ้งตัวหลบได้อย่างว่องไว มันอ้าปากออกกว้างพร้อมกับรวบรวมกลุ่มก้อนพลังสีดำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะะเิพลังมาทางมู่ขวงในทันที!