ก่อนที่เล่อเทียนจะพูดจบ ภาพที่ถูกหลี่ซินหย่วนกอดก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นช่องท้องของเขาก็เกิดความปั่นป่วน เขาจึงวิ่งเข้าข้างทางแล้วขย้อนด้วยความเ็ป
“เสี่ยวเถียนเถียน เ้าสบายดีไหม?” หลี่ซินหย่วนเกาะติดเขาราวกับขนมหนิวผีถัง [1] สลัดอย่างไรก็สลัดไม่หลุด เมื่อเห็นเล่อเทียนมีท่าทีไม่ค่อยสบาย เขาจึงโน้มตัวเข้าใกล้ชิดอีกครั้ง
“ออกไป! อย่ามาใกล้...แหวะ...”
เล่อเทียนโกรธมากจริงๆ เขาะเิออกมาอย่างรุนแรงแล้วถอยห่างออกไปอีกครั้ง หายใจรุนแรงจนอกยกขึ้นสูง โกรธมากจนสะบัดแขนเสื้ออย่างรุนแรง ผลักอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือที่ใช้กำลังแทบทั้งหมดของตน
ดังนั้นขนมหนิวผีถังอย่างหลี่ซินหย่วนจึงถูกฝ่ามือของเล่อเทียนทำให้ลอยไปไกลอย่างแท้จริง
เขาอ้าแขนออกโดยไม่รู้ตัว ปลายเท้าแตะพื้นดินร่วน เกิดเสียงกรอบแกรบลากเป็เส้นตรง ฝุ่นลอยฟุ้งในทันที ควันคลุ้งมาจากใต้ฝ่าเท้า
หลี่ซินหย่วนทำท่าที่น่ามอง เขาลอยออกไปไกล ก่อนจะนั่งลงอย่างสงบ ราวกับว่าไม่รู้สึกเจ็บหรือคันจากการรับฝ่ามือของเล่อเทียนเลย
หากเขาไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็ชายตุ้งติ้ง มู่จื่อหลิงคงถูกหลอกโดยภาพหล่อเหลาของเขา ทั้งยังคิดว่าคนผู้นี้เป็คนธรรมดาอย่างแน่นอน
มู่จื่อหลิงแอบเดาในใจ
แต่หลี่ซินหย่วนสามารถหลบฝ่ามือของเล่อเทียนได้อย่างง่ายดาย สันนิษฐานได้ว่าคนผู้นี้รับมือไม่ง่ายนัก วรยุทธ์ของเขาต้องไม่ธรรมดาเป็แน่ รูปร่างหน้าตาของเขาดูเหมือนจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความลึกลับที่มีบางสิ่งซ่อนเร้นอยู่
มู่จื่อหลิงส่ายหน้าอย่างเสียดายในใจ
น่าเสียดายที่คนผู้นี้เป็ชายตุ้งติ้ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังทำให้ผู้อื่นขนลุก คิดได้เพียงแค่อยากจะทุบตีเขา มองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด
หลี่ซินหย่วนดูเหมือนจะเกิดมาเพื่อเป็มารของเล่อเทียน วันนี้ เล่อเทียนถูกเขา ‘ทรมาน’ อย่างแท้จริง
ยามที่เล่อเทียนคิดว่าในที่สุดเขาสอนบทเรียนแก่ชายตุ้งติ้งอย่างหลี่ซินหย่วนได้แล้ว ความโกรธจึงคลายลง แต่ใครจะรู้ว่าหลี่ซินหย่วนไม่ใช่แค่ขนมหนิวผีถังที่ไม่อาจสลัดออกได้ แต่ยังเป็ผู้มีวรยุทธ์แข็งแกร่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เล่อเทียนโกรธก็คือฝ่ามือของเขาที่ใส่พละกำลังทั้งหมดลงไปไม่ทำให้หลี่ซินหย่วนรู้สึกอับอาย เพราะการจู่โจมนี้ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
ด้วยหลี่ซินหย่วนยังคงทำท่าดั่งปกติ ใบหน้าดั่งหยกประดับกวน [2] ชุดผ้าพลิ้วไหว รูปลักษณ์ที่โดดเด่น ยามยืนนิ่งดูไม่ต่างจากชายหนุ่มรูปงาม ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสูงส่งสง่างาม
ครู่หนึ่ง อยู่ๆ เล่อเทียนก็รู้สึกว่าตนประเมินอีกฝ่ายผิดไป ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็ชายตุ้งติ้งที่น่ารำคาญขนาดนั้นเลยหรือ?
แต่ในเวลาต่อมา วาจาและการกระทำของหลี่ซินหย่วนก็ได้พลิกโฉมภาพลักษณ์หล่อเหลาสมบูรณ์แบบนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
หลี่ซินหย่วนย่นใบหน้าเย้ายวนของตน นิ้วเรียวขาวกรีดกรายอ่อนช้อยจนคล้ายดอกกล้วยไม้ [3] เขายกมือขึ้นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ทั่วหน้าและร่างกายของตน
ขณะที่เขากำลังปัดป่าย เขาก็ยกขาขึ้นเล็กน้อย แตะปลายเท้าะโขึ้นมา พึมพำเบาๆ ในปาก “เฮ่อ! ฝุ่นเต็มไปหมดเลย สกปรก มันสกปรกมาก...”
เมื่อเห็นเช่นนี้ เล่อเทียนก็สะดุ้งเพราะรู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง เกือบหายใจไม่ออกจนถึงจุดที่ได้รับาเ็ภายใน
หลี่ซินหย่วนผู้ชวนให้รู้สึกหมั่นไส้จนอยากทุบตีสักครั้งสองครั้ง สามารถทำให้เล่อเทียนะเิกำลังออกมาทั้งหมด แต่น่าเศร้าที่เขาต้องมารู้สึกถึงความอ่อนปวกเปียกราวกับตนตีโดยฝ้าย [4]
เล่อเทียนทำได้เพียงทอดถอนใจครั้งใหญ่อยู่ภายใน ไม่สามารถะเิพลังสูงสุดออกมาได้ ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้เพียงกลืนมันกลับเข้าไปในท้องอย่างเงียบๆ
เล่อเทียนไม่มองชายตุ้งติ้งอย่างหลี่ซินหย่วนอีก เขากางพัดด้ามจิ้วในมือออกอย่างแรง ราวกับว่าเขา้าที่จะะเิความโกรธในใจออกมาด้วยการโบกพัดอย่างแรงจนเกิดลมพัดกระโชก
เขาไม่รู้ว่า การกระทำนี้ทำให้หัวเล้าไก่ของเขายิ่งฟูราวกับจะกระพือปีกบิน เป็การยากที่จะทนมองผมของเขาได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม เล่อเทียนไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย เขามองพวกของมู่จื่อหลิงด้วยความเศร้า ถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “เหตุใดพวกเ้าถึงมาช้าเช่นนี้? ข้าวนรอบเมืองไปรอบหนึ่งแล้ว”
“ไม่ใช่เพราะ...” มู่จื่อหลิงกำลังจะตอบเล่อเทียน แต่ยามที่นางเห็นรูปลักษณ์ของเล่อเทียน นางก็อดไม่ได้ที่จะ “หึ หึ...”
แม้ว่านี่จะไม่ใช่โอกาสที่ดี บรรยากาศที่หนาวเย็นนี้ก็ดูไม่เหมาะสม ไม่เหมาะกับการหัวเราะเลย
แต่เมื่อเห็นภาพลักษณ์ของเล่อเทียนพังยับเยิน มีหัวที่รกไม่ต่างจากเล้าไก่ ทั้งยังทำหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้ มู่จื่อหลิงซึ่งหลบอยู่ในอ้อมแขนของหลงเซี่ยวอวี่ ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ในที่สุดก็หัวเราะออกมาดังๆ อย่างหยุดไม่อยู่
ในใต้หล้านี้ นอกจากมู่จื่อหลิงแล้วฉีอ๋องทรงไม่สนใจสิ่งใดอีก ดังนั้นในยามนี้ เขาย่อมไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆ เกี่ยวกับการที่รูปลักษณ์ของเล่อเทียนผู้สง่างามอยู่เสมอเปลี่ยนไปเป็เช่นนี้
แต่เมื่อได้เห็นมู่จื่อหลิงหัวเราะอย่างมีความสุขในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าหล่อเหลาเฉยชาของหลงเซี่ยวอวี่ก็ผ่อนคลายลง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็อ่อนโยน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เล่อเทียน เ้า...ฮ่าฮ่าฮ่า...”
มู่จื่อหลิงหัวเราะ ในขณะเดียวกันก็ทุบหน้าอกแข็งแกร่งของหลงเซี่ยวอวี่อย่างไม่เป็จังหวะ
ในยามนี้ ใบหน้าของเล่อเทียนมืดคล้ำดำมากจนสามารถบีบหมึกออกมาได้
นอกจากนี้เขายังตระหนักว่าในวันนี้ภาพลักษณ์อ่อนโยนสง่างามของตนได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว ในยามนี้ยังมีภาพลักษณ์ใดลงเหลือยามอยู่ต่อหน้ามู่จื่อหลิงอีกเล่า?
เล่อเทียนจ้องหลี่ซินหย่วนซึ่งยังคงะโโลดเต้นอยู่อย่างอาฆาต หากดวงตาสามารถสังหารคนได้ หลี่ซินหย่วนคงถูกเล่อเทียนแทงทะลุไปนานแล้ว
เล่อเทียนรีบจัดผมเล้าไก่ให้เรียบตรง จากนั้นจึงยกกำปั้นขึ้นมาปิดปาก กระแอมไอด้วยความหดหู่สุดขีด กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พวกเ้า...”
“รอก่อน อย่าเพิ่งพูด ให้ข้าได้...ฮ่าฮ่า!” มู่จื่อหลิงโบกมือให้เขา กุมหน้าท้องด้วยไม่อาจหยุดหัวเราะได้
ใบหน้าของเล่อเทียนซึ่งแต่เดิมมืดมน ในยามนี้สามารถกล่าวได้ว่ามีเมฆครึ้มเกินบรรยาย...เขาไม่เคยเห็นคนไร้หัวใจเช่นนี้มาก่อน
แม้จะไม่พอใจ แต่เล่อเทียนก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ท้ายที่สุด ในยามนี้คนที่เยาะเย้ยเขาอย่างไร้หัวใจก็ยังมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกาย เขายัง้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปี
ตลกมาก ตลกจริงๆ ท้องของมู่จื่อหลิงสั่นด้วยความเจ็บเกร็งจากการหัวเราะ จนน้ำตาแทบไหลออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ปวด...โอ๊ยท้องข้า...”
“เอาล่ะ พอแล้ว หยุดหัวเราะได้แล้วนะ?” ดวงตาสีเข้มของหลงเซี่ยวอวี่เป็ประกายราวดวงดาว ความอ่อนโยนแผ่ออกมาทำให้นางมึนเมา น้ำเสียงนุ่มนวลเต็มไปด้วยความรักความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง
ในยามที่เขาพูด เขายื่นมือใหญ่แสนอบอุ่นใจดีออกมาลูบท้องที่กำลังสั่นเทาจากความเ็ป การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนนุ่มนวล ดูแลนางอย่างเอาใจใส่
“ไม่หัวเราะ ข้าไม่หัวเราะแล้ว” มู่จื่อหลิงพยักหน้า เม้มปากแน่น ข่มกลั้นเอาไว้เต็มกำลัง
ดวงตาสงบแน่วแน่ของหลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองเล่อเทียนเพียงแวบเดียว เพียงแค่กวาดตามองผ่านๆ อย่างไม่ใส่ใจเท่านั้น
แต่สำหรับเล่อเทียน เพียงมองมาแวบเดียว เขาก็รู้สึกได้ถึงคำเตือนรุนแรงจากดวงตาเ็า
คำเตือนที่ดูอันตรายนี้ทำให้กระดูกสันหลังของเล่อเทียนหนาวสั่น ราวกับมีลมหนาวพัดหวีดหวิว เขย่าใจจนสั่นไหว
ตัวเล่อเทียนสั่นทันที เขายกมือขึ้นแตะจมูกด้วยความรู้สึกอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
ชัดเจนมาก เขาถูกเทพเ้าแห่งความชั่วร้าย [5] จับจ้องเอาชีวิต หลังจากนั้นเขายังถูกฉีหวางเฟยกลั่นแกล้งอย่างไร้ความปรานี นางปวดท้องจากการหัวเราะ เื่นี้เป็ความผิดของเขาหรือ?
ไม่ยุติธรรมเลย...มีเหตุผลอะไรสำหรับเื่นี้หรือไม่? เล่อเทียนหดหู่จนอยากพุ่งชนกำแพง
ต้องเป็เพราะวันนี้เขาออกจากบ้านโดยไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่ [6] เป็แน่ ถูกจับจ้องโดยเทพเ้าแห่งความชั่วร้ายก็ถือว่าแย่แล้ว ทั้งยังถูกเย้ยหยัน ถูกกลั่นแกล้งก็แค่นั้น แต่เหตุใดมันถึงได้เป็ความผิดของเขาทั้งหมด?
เล่อเทียนคิดอย่างขมขื่นภายในใจ ฉีหวางเฟยผู้นี้ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ก็ไม่เป็ไร แต่เขายังต้องเป็เครื่องเซ่นไหว้พระโพธิสัตว์ [7] ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้ในภายภาคหน้า
“เป็อย่างไรบ้าง?” หลงเซี่ยวอวี่ถามเบาๆ ขณะลูบท้องเกร็งของมู่จื่อหลิง “รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม?”
มู่จื่อหลิงกระแอมเบาๆ สองครั้ง ทำหน้านิ่ง พยักหน้าอย่างสงบ
แม้ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะคุ้นเคยกับการประพฤติง่ายๆ ของมู่จื่อหลิง แต่เล่อเทียนยังคงตกตะลึงกับภาพนี้
ในขณะเดียวกัน อารมณ์ซับซ้อนในใจของเขาก็ยากที่จะอธิบายเป็คำพูด
ดู! ดูสิ! การปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยโสของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ยกยิ้มอย่างอดไม่ได้ หยิกแก้มแดงที่กำลังยิ้มแย้มของนางอย่างรักใคร่ ท่าทางนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ “เ้านี่!”
เมื่อเห็นภาพราวกับมีเพียงท่านและข้าสองคน เล่อเทียนที่เพิ่งได้รับการเตือนอย่างเ็าจากใครบางคนก็อ้าปากจนเป็รูป ‘O’
ในความทรงจำของเขา หลงเซี่ยวอวี่มักจะมีความเฉยเมยโเี้ เ็าไม่สนใจสิ่งใด ใบหน้าเฉยชาเสมอ ไม่เคยยิ้มเลย
ดังนั้นสิ่งเ่าั้จึงทำให้ในใจของเล่อเทียนสรุปสีหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ผู้ไม่กลัวความตายอย่างเงียบๆ ไว้ว่าใบหน้าตายด้าน
ยามนี้เพียงแค่ฉีหวางเฟยแสดงอารมณ์เล็กน้อย กลับสามารถทำให้ใบหน้าตายด้านเปลี่ยนได้ในทันที เป็เื่ที่ช่างสะดุดตาเหลือเกิน
นี่คือการปฏิบัติที่ไม่อาจมีใครเทียบได้!
การปฏิบัติเช่นนี้ยังจะหาสิ่งใดมาเปรียบได้อีกหรือ? เทียบได้หรือ? ช่างน่าอิจฉาเสียเหลือเกิน ยังมีใครบ้างที่ทำได้?
เล่อเทียนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบใจ ท้องฟ้าในยามนี้เหมือนกับอารมณ์ของเขา มีเมฆดำปกคลุมดวงอาทิตย์ มืดมนไม่มีความสว่างสดใสแม้แต่น้อย
เมื่อหายจากอาการหัวเราะค้าง มู่จื่อหลิงเหลือบมองท้องฟ้าที่เดิมสดใส แต่ยามนี้กลับกลายเป็สีเทา สภาพอากาศยามนี้สะท้อนให้เห็นหมอกควันสีเทาในอากาศได้ดีจริงๆ
หลังจากพวกเล่อเทียนเข้ามาเอะอะโวยวาย มู่จื่อหลิงเพิ่งนึกขึ้นได้ นางกะพริบตาเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองหลงเซี่ยวอวี่ด้วยสีหน้าจริงจัง “หลงเซี่ยวอวี่ ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าต้องไปแล้วหรอกหรือ?”
ระหว่างทางมาที่นี่ หลงเซี่ยวอวี่บอกนางว่าเขามีเื่ต้องจัดการ ทั้งยังต้องแยกจากไปนาน จึงไม่อาจเข้าเมืองกับพวกเขาได้
แม้ว่าในใจจะรู้สึกผิดหวังและเศร้าเล็กน้อยที่จะแยกห่างกับเขา แต่หากหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้เข้าไปกับพวกเขาก็ไม่เป็ไร ท้ายที่สุดแล้วนี่คือการรักษาโรคระบาด ไม่ใช่เที่ยวเล่น หากไม่ระวัง เขาก็อาจติดเชื้อได้
เล่อเทียนที่เดิมทีมองขึ้นไปบนฟ้าได้ยินคำนี้ จึงมองที่พวกเขา แต่เมื่อเขาเห็นภาพถัดไป เขาก็เม้มปากพูดไม่ออก ก่อนเบนสายตาไปทางอื่น
ด้วยเขาเพิ่งเห็นหลงเซี่ยวอวี่ก้มหน้าลง ขบกัดติ่งหูบอบบางของมู่จื่อหลิงเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เจืออันตราย “ฉีหวางเฟยอยากให้ข้าออกไปเช่นนั้นหรือ หืม?”
เขากำลังจะไป แต่เมื่อถูกหญิงตัวเล็กๆ ผู้นี้ไล่ออกไป เหตุใดจึงรู้สึกหงุดหงิดได้ถึงเพียงนี้?
คนผู้นี้ ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน...ร่างของมู่จื่อหลิงสั่นสะท้านในทันใด ผลักเขาออก มองเขาด้วยความโกรธ “สายมากแล้ว ยังไม่แยกออกไปอีก อย่าบอกนะว่าท่าน้าให้พวกเราเริ่มรักษาในความมืด?”
หลงเซี่ยวอวี่ไม่เปิดโอกาสให้นางหลบหนีเลย เขาจับศีรษะของนางแน่น กระซิบข้างหูของนางว่า “เ้าจำทุกสิ่งที่เปิ่นหวางบอกได้หรือไม่?”
“จำได้” มู่จื่อหลิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เมื่อนึกถึงเื่ราวั้แ่เล็กไปถึงใหญ่ที่มารร้ายผู้นี้เพิ่งกล่าวไประหว่างทาง มู่จื่อหลิงรู้สึกราวกับมีม้านับหมื่นตัวควบผ่านใจ......
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ขนมหนิวผีถัง (牛皮糖) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า ติดหนึบ เกาะติดแน่นจนยากจะแยกออกได้ ความจริงแล้วขนมหนิวผีถังเป็ขนมท้องถิ่นเมืองหยางโจว เนื้อเหนียวนุ่ม ยืดหยุ่น มีกลิ่นหอม
[2] ใบหน้าดั่งหยกประดับกวน (面如冠玉) เป็สำนวน มีความหมายว่า ผู้ชายที่มีรูปลักษณ์ภายนอกขาวเกลี้ยงเกลาประดุจหยกเนื้อดี หรือหน้าตางดงามมาก
[3] กรีดนิ้วดอกกล้วยไม้ (兰花指) เป็กระบวนท่าวาดมือไม้ กรีดกรายนิ้วที่มีความอ่อนช้อยแต่กลับดูงามสง่า มีการกรีดหลายแบบ บางครั้งจะเรียกว่าดรรชนีกล้วยไม้
[4] ตีโดยฝ้าย (打到棉花上) เป็วลี มีความหมายว่า กำปั้นกระแทกท้องคู่ต่อสู้ หรือโจมตีโดนอีกฝ่ายแต่กลับรู้สึกว่ามันช่างเปล่าประโยชน์ อีกฝ่ายไม่รู้สึกอะไรเลย
[5] เทพเ้าแห่งความชั่วร้าย (瘟神) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า คนชั่วร้ายหรือสิ่งที่นำภัยพิบัติมาสู่ผู้คน
[6] ปฏิทินหวงลี่ (黄历) เป็ปฏิทินั้แ่สมัยโบราณ คนสมัยก่อนออกจากบ้านจะต้องดูปฏิทินก่อน ดังนั้นหากเกิดเื่ไม่ดีขึ้นจึงมักกล่าวว่าไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่มา เพื่อแฝงว่าวันนี้ดวงซวยนั่นเอง
[7] เครื่องเซ่นไหว้พระโพธิสัตว์ (菩萨供) เป็วลี มีความหมายว่า คนที่ต้องรับผิดหรือรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ได้ทำ