ร่างของฮองเฮาอวี่เหวินผุดเข้ามาในหัว คิ้วคู่นั้นพลันขมวดแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย
เป็นางหรือ? ทว่านางจะไม่สนใจอำนาจของตระกูลหนานกงได้อย่างไร!
ไม่เพียงแค่นั้น หากฮองเฮาอวี่เหวิน้าจะฆ่าเหนียนอีหลานก็มีหลายหนทาง และคงมิปล่อยให้ช่วยเหนียนอีหลานได้ง่ายดายนัก
“ทูลเสด็จแม่ สตรีผู้นั้นมีนามว่าจื่อหลิง นางเป็คนของคุณชายรองหนานกง” จ้าวเยี่ยนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ฉางไทเฮาลุกยืนพรวดในทันใด ดวงตายากจะปกปิดอารมณ์ตื่นใ
"คุณชายรองหนานกง? " ดวงตาของฉางไทเฮาฉายแววเดือดดาล สีหน้าบูดเบี้ยวไม่น่ามองอย่างยิ่ง
ตระกูลหนานกงด้านหนึ่งมาขอให้ข้าช่วยอีหลาน ด้านหนึ่งกลับส่งคนไปฆ่านาง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
"ดียิ่ง คุณชายรองหนานกงช่างเป็คนดียิ่ง!"
คนฉลาดเฉลียวเช่นนาง เพียงพริบตาก็รู้แล้วว่าการฆ่าอีหลานของคุณชายรองหนานกง จะต้องเป็การตัดสินใจของคนทั้งตระกูลหนานกงแน่
ฉางไทเฮาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นางนั่งลงบนตั่งอีกครั้ง ความตื่นใและความเดือดดาลในดวงตาค่อยๆ สงบลงมา และแทนที่ด้วยความสงบนิ่งเช่นเคย
"ข้าประเมินคนตระกูลหนานกงต่ำไป" สายตาของฉางไทเฮาดำมืดขึ้นเล็กน้อย “พวกเขา้าใช้เหนียนอีหลานเป็ข้ออ้างในการบีบบังคับให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อกับฮองเฮาอวี่เหวินประนีประนอม”
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การประนีประนอมครั้งนี้ทำเพื่อสิ่งใด เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดก็สามารถเข้าใจได้ทันที
ตระกูลหนานกงคงจะจับจ้องตำแหน่งแม่ทัพหลวงอย่างใจจดใจจ่ออยู่เช่นกัน!
“พวกเราสองแม่ลูกจะชักจูงตระกูลหนานกง และเอาตำแหน่งแม่ทัพหลวงมาให้ได้!” ฉางไทเฮากล่าวอย่างเ็า ประกายลึกลับในดวงตาเย็นเยียบขึ้นเล็กน้อย
พวกเขาทุกคนไม่เห็นพวกเราสองแม่ลูกอยู่ในสายตา ทว่าสักวันหนึ่ง...
ไม่ พรุ่งนี้... พรุ่งนี้นางจะทำให้ความคิดของคนตระกูลหนานกงที่มีต่อนางกับเยี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนไป!
ครั้นคิดอะไรขึ้นได้ ดวงตาทั้งสองข้างของฉางไทเฮาจึงฉายแววสุขุม พร้อมกับเหลือบมองจ้าวเยี่ยน “เ้าทำได้ดีมาก เมื่อครู่นี้เ้าช่วยเหนียนอีหลานไว้ได้ ตราบใดที่เหนียนอีหลานยังไม่ตาย ต่อให้ตระกูลหนานกงจะวางแผนทุกอย่างมาอย่างดี สุดท้ายก็เหมือนการใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ[1] ส่วนพวกเรา...ในเมื่อพวกคนตระกูลหนานกงมีความคิดอื่น เช่นนั้นครั้งนี้พวกเราจะฉวยโอกาสนี้ทำให้พวกเขาเข้าใจความจริงเื่หนึ่ง ขุนนางก็คือขุนนาง ราชวงศ์คือราชวงศ์ ของบางอย่างก็เป็สิ่งที่ตระกูลหนานกงอย่าได้คิดเพ้อเจ้อจะไขว่คว้า”
จ้าวเยี่ยนสบตาฉางไทเฮา แสงสว่างวาววับที่ส่องประกายในดวงตาคู่นั้น ทำให้เขาเข้าใจ เสด็จแม่ทรงมีความคิดแล้ว
อย่างที่คิด หลังเงียบไปครู่ใหญ่ ฉางไทเฮาย่นคิ้วกล่าวว่า “แล้วคนที่นามว่าจื่อหลิงนั่นเล่า?”
“ทูลเสด็จแม่ นางตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกเก็บกวาดร่างของนางเรียบร้อยแล้ว” จ้าวเยี่ยนกล่าวอย่างใจเย็น จากนั้นหยิบของบางอย่างออกมาจากใต้เสื้อตรงหน้าอก “นี่เป็ของที่เอามาจากร่างของจื่อหลิงเมื่อครู่นี้พ่ะย่ะค่ะ”
“พลุไฟให้สัญญาณงั้นหรือ?” ฉางไทเฮาเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของจ้าวเยี่ยน มุมปากแย้มยิ้มเบาบาง “ในเมื่อเป็อย่างนี้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งจดหมายไปที่จวนหนานกง บอกให้พวกเขารู้ว่า เื่ในวันนี้พวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว”
จ้าวเยี่ยนมิได้โง่เขลา เขาย่อมเข้าใจความหมายของฉางไทเฮาแน่นอน
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน” ยามที่จ้าวเยี่ยนกล่าว เขาหันหลังเดินออกไปนอกห้อง ทันทีที่เดินไปถึงประตูห้อง เสียงของฉางไทเฮาด้านหลังดังขึ้นอย่างแ่เบา...
“พรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนนางจะคิดหนทางของวันพรุ่งนี้มาอย่างดีแล้ว
พรุ่งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปจริงหรือไม่?
จ้าวเยี่ยนหรี่ตาลง พรุ่งนี้...เขาเริ่มรู้สึกคาดหวังขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ช่างน่าเสียดายที่เหนียนยวี่จะไม่ได้เห็นสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมในวันพรุ่งนี้!
เมืองชุ่นเทียน ในโรงเตี๊ยมที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา เงาร่างเล็กอรชรของคนผู้หนึ่งออกมาจากห้องอย่างเงียบเชียบ ทันทีที่ขึ้นไปบนหลังคา และเห็นคนที่รอคอยนางอยู่บนหลังคา ร่างอรชรพลันชะงักงันเล็กน้อย
ร่างสูงโปร่งที่หันหลังให้นาง ทว่าเพียงเห็นแผ่นหลังของคนผู้นั้น เหนียนยวี่ก็รู้แล้วว่าคนผู้นั้นเป็ใคร
"ท่านแม่ทัพหลวง?" เหนียนยวี่เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่นี้นางแน่ใจว่าฉู่ชิงนอนหลับอยู่ในห้องของตัวเองอย่างชัดเจน นางจึงออกมาอย่างเงียบเชียบ ทว่าเขาที่อยู่ตรงหน้า...
ฉู่ชิงหันหลังกลับไป มองเห็นความประหลาดใจของเหนียนยวี่ในสายตา จึงแวบตัวเข้าไป เพียงพริบตา ก็มายืนอยู่ด้านข้างของเหนียนยวี่แล้ว แขนยาวโอบรัด พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่กักเอวของเหนียนยวี่ไว้อย่างแ่า “ไปที่ใดหรือ?”
เสียงเรียบๆ ทว่าไพเราะและมีพลังดังขึ้นข้างใบหูอย่างแ่เบา ราวกับมีเวทมนตร์ดึงดูดผู้คนให้เข้าไปก็ไม่ปาน เหนียนยวี่โพล่งปากตอบออกไปอย่างไม่ระแวดระวังแม้แต่น้อย “เขตพำนัก”
เขตพำนัก?
มุมปากของบุรุษยกยิ้มเล็กน้อย ฝ่ามือจับเอวของเหนียนยวี่ เขย่งปลายเท้าเบาๆ เขาพาเหนียนยวี่ะโขึ้นไปกลางอากาศ เหนียนยวี่ตื่นใ ทันใดนั้นนางที่กลับมาตอบสนอง จึงรีบยื่นมือออกไปโอบเอวของฉู่ชิง
ภายใต้หน้ากาก คิ้วหล่อเหลาของฉู่ชิงเลิกขึ้นทันใด พึงพอใจกับ ‘ความร่วมมือ’ ของเหนียนยวี่
ในค่ำคืนมืดมิด เมืองชุ่นเทียนอันเงียบสงัด สองร่างพุ่งผ่านแสงยามราตรี มุ่งตรงไปยังเขตพำนัก
ไม่มีผู้ใดรู้ว่า คนสองคนซึ่งเดิมทีได้เสียชีวิตไปแล้วในสายตาชาวเมือง ยามนี้ได้ปลอมตัวเข้ามาในเมือง หลังจากสั่งเปิดประตูใหญ่เมืองชุ่นเทียน หลายวันมานี้พวกเขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ และไม่ก้าวออกมาข้างนอกเลย และการออกมาคืนนี้ของเหนียนยวี่มีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น
พรุ่งนี้ฮองเฮาอวี่เหวินจะจัดงานเลี้ยงส่งฉางไทเฮา ในฐานะที่เป็ราชทูตจากแคว้นหนานเยวี่ย พวกเขาจะต้องเข้าร่วมแน่นอน
เหนียนยวี่นึกถึงคนที่เกือบจะทำลายค่ายเสินเช่อ และหวนนึกถึงจดหมายที่ใช้นามของฉู่ชิงส่งมาให้นาง แน่นอนว่านางจะตามติดโอกาสนี้ ส่งคืนของขวัญชิ้นใหญ่กลับไปเป็อย่างดี
เขตพำนัก ลานทางใต้
เกือบทุกคนต่างเข้านอนกันหมดแล้ว
ในความมืดปรากฏร่างสองร่าง หนึ่งนำหน้า หนึ่งตามหลัง เดินมาถึงหน้าห้องหนึ่งอย่างคุ้นเคย ภายในห้องเต็มไปด้วยความมืด เหนียนยวี่พัดควันเลอะเลือนเข้าไปในห้อง ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป
ั้แ่ต้นจนจบ ฉู่ชิงคอยติดตามอยู่ข้างกายนาง ยามที่เดินเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมฟุ้งของแป้งสีชาดของสตรีปะทะใบหน้า ฉู่ชิงจึงรับรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ในห้องคือผู้ใด
ฉางหงเยียน องค์หญิงราชทูตของแคว้นหนานเยวี่ย
ถึงจะกล่าวว่าเป็องค์หญิง ทว่าผู้คนล้วนรู้ดีว่า ฉางหงเยียนมิใช่สายเืของราชวงศ์หนานเยวี่ยที่แท้จริง
ยามที่ทั้งสองมาถึงหน้าเตียง ฉางหงเยียนบนเตียงนอนยังคงหลับสนิท เหนียนยวี่หยิบขวดกระเบื้องเคลือบลายครามขวดหนึ่งออกมาจากใต้เสื้อตรงหน้าอก แม้อยู่ในความมืดมิด ทว่าสายตาเฉียบคมของฉู่ชิงยังคงมองเห็นสีแดงสดได้อย่างรางเลือน เขาหวนนึกถึงขวดลายครามในมือของเหนียนยวี่วันนั้น ยามที่อยู่บนหลังคาลานเซียนหลานที่จวนเหนียน ใบหน้าของฉู่ชิงพลันเบ่งบานด้วยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ในขวดลายครามขวดนี้ มี ‘ของดี’ อันใดอีกแล้วงั้นหรือ?
แม้แต่เขาเองยังไม่ได้สังเกตเลยว่า สายตาของตัวเองที่มองนางแฝงแววหลงใหลมากพอควร
ยามที่ขวดลายครามถูกเปิดออก มีกลิ่นหอมแปลกประหลาดโชยเข้าจมูก
“ห้ามดม!” เหนียนยวี่กล่าวเสียงเบา ฉู่ชิงจึงกลั้นหายใจทันที จากนั้นจึงเห็นเหนียนยวี่ยกขวดลายครามและค่อยๆ เทมันลงไปบนร่างกายของฉางหงเยียน ของเหลวหลายหยดที่หยดลงบนร่างกายของฉางหงเยียน ซึมซาบลงไปในิัอย่างรวดเร็ว
"เ้า...ทำอันใด?" ฉู่ชิงขมวดคิ้ว "คุณหนูยวี่กลายเป็แม่นางน้อยหมื่นพิษไปั้แ่เมื่อใด!"
น้ำเสียงหยอกเย้าแฝงความสนใจ เื่ที่เหนียนยวี่้าทำใน่กลางดึกค่อนคืนเยี่ยงนี้ จะต้องไม่ใช่เื่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เหนียนยวี่เก็บขวดเคลือบลายครามเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือบมองฉู่ชิง นางเลิกคิ้วขึ้น ั์ตาสดใสมีชีวิตชีวา
แม่นางน้อยหมื่นพิษหรือ?
“ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของข้า” มุมปากของเหนียนยวี่ค่อยๆ ผุดรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ชำเลืองมองสตรีที่นอนอยู่บนเตียง กลิ่นหอมของดอกเทียนเซียงลอยโชยอยู่ในอากาศ กลิ่นหอมฟุ้งรุนแรง ทำให้นางตระหนักถึงฤทธิ์ยาของดอกเทียนเซียง เหนียนยวี่หันไปมองฉู่ชิง พลันสบดวงตาสีนิลสนิทลุ่มลึกคู่นั้นเข้าอย่างประจวบเหมาะ...
[1] ใช้ตะกร้าไม้ไผ่ตักน้ำ หมายถึง ทำเื่ที่เสียแรงเปล่า