ตงฟางซวี่ในห้องกำลังทดสอบสภาพแขนของตน เมื่อได้ยินเสียงสตรีด้านนอก จึงเผลอเคลื่อนไหวอย่างไม่ระวังทำให้าแตึงจนปวด เขาพลันขมวดคิ้ว
“โธ่ ฝ่าาเพคะ เหตุใดจึงลุกขึ้นเพคะ?” หลิ่วอวิ๋นฮว๋ารีบวางยาน้ำในมือลง ตรวจดูบนผ้าพันแผลอย่างระวัง กลัวว่าเืจะซึมออกมาอีก
ร่างกายของนางใกล้ถึงเพียงนี้ นำพากลิ่นของเครื่องประทินผิวลอยมาปะทะ กายที่โน้มลงเผยให้เห็นลำคอขาวราวหิมะ
ตงฟางซวี่เบนสายตาออกไป ใบหน้าเจือแววไม่พอใจที่ไม่อาจแสดงออก นางทำให้ตนคิดถึงเหล่านางสนมในวังหลังที่ไม่เลือกวิธีการเ่าั้ แต่จะอย่างไรนางก็เป็น้องสาวร่วมมารดาของอวิ๋นเฟิง จึงไม่อาจพูดอะไรได้
“ไม่ร้ายแรงแล้ว”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าชำเลืองมองใบหน้าอันหล่อเหลา องค์รัชทายาทช่างแตกต่างจากผู้อื่นยิ่ง ตนเองดูแลใกล้ชิดขนาดนี้เขาก็ยังไม่หวั่นไหว แรกเริ่มยังคิดไปว่าตนเองมีเสน่ห์ไม่พอ แต่ท่านแม่กล่าวว่า คนเฉกเช่นรัชทายาทจึงจะเป็สุภาพบุรุษที่แท้จริง
หลิ่วอวิ๋นฮว๋ายิ่งชมชอบเขามากขึ้น ชั่วขณะนั้นนางเคลิบเคลิ้มจนลืมดึงมือกลับมา
ตงฟางซวี่ชักมือของตนกลับอย่างไม่เป็ธรรมชาตินัก “ถึงเวลาดื่มยาอีกแล้วหรือ?”
“เพคะ อวิ๋นฮว๋าเตรียมผลไม้เชื่อมไว้ให้พระองค์แล้ว คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวขมแล้วเพคะ”
นี่เป็ยาที่อวิ๋นซูเตรียมไว้ แค่กลิ่นของมันอย่างเดียวก็สามารถทำให้คนสำลักตายได้ เพื่อ้าให้รัชทายาทพอพระทัย หลิ่วอวิ๋นฮว๋าจึงให้คนไปซื้อผลไม้เชื่อมจากตีนเขาโดยเฉพาะ
“คุณหนูหลิ่วใส่ใจแล้ว”
หลิ่วอวิ๋นฮว๋าหน้าแดง หยิบยาถ้วยนั้นขึ้นมาคนอย่างเขินอาย หยิบช้อนขึ้นมากำลังจะปรนนิบัติ ทว่าตงฟางซวี่กลับเลี่ยงออก “อวิ๋นเฟิงไม่อยู่หรือ?”
การกินยาหลายครั้งมานี้ล้วนเป็หลิ่วอวิ๋นเฟิงที่ลงมือเอง เหตุใดตอนนี้คนกลับไม่อยู่เสียแล้ว จะให้เอาเปรียบน้องรองของเขาเช่นนี้คงไม่ดีนัก อย่างไรก็เป็แม่นางผู้หนึ่ง
“ดูเหมือนพี่ใหญ่จะมีธุระจึงออกไปแล้วเพคะ” นางโกหก ความจริงหลิ่วอวิ๋นเฟิงอยู่ในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
“เช่นนั้น...คุณหนูรองวางไว้ตรงนี้เถิด อีกสักครู่ข้าจะทานเอง”
“ได้อย่างไรกันเพคะ แขนของฝ่าาไม่อาจเคลื่อนไหวมากเกินไป”
เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่ห่วงใยนี้ ใจของตงฟางซวี่หลับสงสัยไม่น้อย ่ที่ตนเองหมดสติไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนที่เปลี่ยนเขาได้เห็นแผลของตนแล้ว เป็หมอท่านไหนกันที่มีฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ตงฟางซวี่มั่นใจว่าไม่ใช่สตรีงามหยาดเยิ้มตรงหน้าแน่นอน
“เช่นนั้นข้าจะรออวิ๋นเฟิงกลับมาแล้วกัน”
หรือรัชทายาทจะรู้สึกไม่ดีที่ให้ตนเองมาปรนนิบัติ? หลิ่วอวิ๋นฮว๋าพลันนึกถึงคำพูดของเหลยซื่อ หากฝ่าาทรงตัดสินใจแล้ว ตนเองก็อย่าไปฝืนความคิดของพระองค์เด็ดขาด องค์ชายไม่ชอบคนที่ขัดคำสั่งเป็ที่สุด ยิ่งเป็สตรีก็ควรเชื่อฟังและปฏิบัติตาม
ด้วยเหตุนี้นางจึงยืนขึ้นและถอยไปอยู่ด้านหนึ่ง คอยมองไปยังบุรุษหล่อเหลาอยู่หลายครา รับรู้ได้ถึงอาการใจเต้นของตน หลิ่วอวิ๋นฮว๋าหวังเพียงให้เวลาเดินช้าลงอีกนิด ให้ตนเองสามารถมองใบหน้าอันหล่อเหลาของรัชทายาทได้นานขึ้น
ตอนนี้ด้านนอกมีเสียงของหลิ่วอวิ๋นเฟิงดังขึ้น “ฝ่าา พระวรกายดีขึ้นแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เข้ามาก็เห็นหลิ่วอวิ๋นฮว๋ายืนอยู่ด้านข้าง บรรยากาศในห้องค่อนข้างแปลกประหลาด
ใบหน้าของตงฟางซวี่แย้มยิ้ม “เ้าไปทำอะไรมา? กำลังคิดเลยว่าเหตุใดจึงไม่เห็นเ้าตลอดทั้งเช้า”
“เอ่อ พี่ใหญ่เ้าคะ เื่ที่ท่านแม่กำชับให้ท่านไปทำสำเร็จแล้วหรือเ้าคะ?” หลิ่วอวิ๋นฮว๋าเปิดปากกล่าวก่อนที่เขาจะพูด หลิ่วอวิ๋นเฟิงชะงัก มองหน้าน้องสาวของตนก็พลันเข้าใจ “อ่า ทำเสร็จแล้ว ทำเสร็จแล้วข้าก็กลับมาเลย”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วเ้าค่ะ เช่นนั้นอวิ๋นฮว๋าขอไปดูท่านแม่ก่อน ฝ่าา อวิ๋นฮว๋าไปเพียงครู่เดียวเดี๋ยวจะกลับมาดูแลพระองค์เ้าค่ะ” นางยิ้มเขินอาย เมื่อหันกายไปใบหน้าพลันเปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เมื่อไรความสัมพันธ์ระหว่างนางกับรัชทายาทจะใกล้ชิดขึ้นอีกขั้นกันนะ?
ผ่านไปไม่นาน ตงฟางซวี่ถึงเงยหน้าขึ้นมองบุรุษตรงประตู “อวิ๋นเฟิง นางคือคนที่เ้าบอกว่าจะพามาพบข้าเมื่อหลายวันก่อนหรือ?”
หลิ่วอวิ๋นเฟิงยิ้ม “นี่เป็น้องสาวที่ข้ารักถนอมที่สุด” เหตุผลนี้พอจะฟังขึ้นอยู่
“ฝ่าา แผลของพระองค์...”
“วางใจเถิด แผลเล็กแค่นี้ ไม่ถึงขนาดทำให้คนของสำนักหมอหลวงพวกนั้นใได้หรอก” ความหมายของเขาก็คืออย่าบอกผู้อื่นเื่ที่ตนได้รับาเ็ ตงฟางซวี่เข้าใจดีว่า การไปเจอหมีสีน้ำตาลไม่ใช่ความผิดของผู้ใด แต่หากแพร่ออกไป จะไม่เป็ผลดีต่อจวนชางหรงโหวและจวนชางติ้งโหว
หลิ่วอวิ๋นเฟิงถอนใจอย่างรู้สึกละอาย รัชทายาทกลับยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ไม่ต้องโทษตัวเองไป หากไม่ใช่เพราะพวกเ้า เกรงว่าข้าคงตายอยู่ในปากของเ้าหมีตัวนั้นแล้ว จะว่าไปพวกเ้าไม่เพียงแต่ไม่ผิด แต่ยังมีความดีความชอบด้วย! นอกจากนี้ อาการาเ็ของข้าก็เป็พวกเ้าที่จัดการได้ทันเวลา มิฉะนั้นแขนข้างนี้คงหมดสภาพไปแล้ว”
เมื่อกล่าวถึงแขนข้างนั้นขึ้นมา ใบหน้าของหลิ่วอวิ๋นเฟิงพลันเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ตกลงแล้วต้องบอกรัชทายาทว่าน้องหกของตนเป็คนรักษาพระองค์หรือไม่?
“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็หมอที่เชิญมาจากไหน? วิธีการรักษาพิเศษยิ่งนัก บางทีอาจจะให้หมอหลวงพวกนั้นไปเรียนรู้สักหน่อย...”
ฝ่าาเปิดปากถามขึ้นมาจริงแล้ว หลิ่วอวิ๋นเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ตงฟางซวี่คอยสังเกตท่าทางของเขา “ฝ่าา คือ...”
“อวิ๋นเฟิง” ด้านนอกมีเสียงของเหลยซื่อดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
สตรีนางนั้นปรากฏตัวออกมาจากประตูอย่างรู้สึกผิด “คารวะฝ่าา”
“ฮูหยินท่านโหวไม่ต้องมากพิธี”
“ท่านแม่?”
เหลยซื่อกวาดตามองหลิ่วอวิ๋นเฟิงตรงหน้า จากนั้นจึงยิ้มอย่างรักใคร่ “ท่านย่าของเ้าเรียกหาเ้า”
“...” เขาก็เพิ่งจะออกมาจากเรือนท่านย่า เขามองใบหน้าของมารดาตนเองอย่างลึกล้ำ หลิ่วอวิ๋นเฟิงรู้สึกสงสัย ไม่ใช่ว่านางได้ยินคำพูดของตนเองตรงประตู จึง้าขัดขวางไม่ให้รัชทายาทรู้ความจริงหรอกนะ?
“ลูกจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากลังเลอยู่ไม่นาน หลิ่วอวิ๋นเฟิงก็หันไปยิ้มอย่างรู้สึกผิดให้กับตงฟางซวี่ “ฝ่าา เช่นนั้นกระหม่อม...”
“อืม ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่าก็สำคัญ ข้าจะพักสักครู่”
เมื่อเห็นทั้งสองจากไป ท่าทางของตงฟางซวี่จึงกลายเป็นิ่งเฉย เขาในตอนนี้รู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ
ภายในห้องอันเงียบสงบมีกลิ่นยาฟุ้งกระจายอย่างเข้มข้น มองไปยังยาน้ำสีดำบนเก้าอี้ข้างเตียงที่มีไอร้อนลอยขึ้นมา รัชทายาทลังเลครู่หนึ่งจึงยื่นมือซ้ายออกไป
ร่างบางร่างหนึ่งเดินอยู่ด้านนอก เดิมทีคิดจะมาหาพี่ซูให้ไปเล่นด้วยกัน แต่ว่านางกลับไม่อยู่ในห้อง บนเขาช่างน่าเบื่อเสียจริง ท่านย่าก็บอกให้ตนไปดูสัตว์เล็กๆ อะไรนั่นในป่าคนเดียว
ทันใดนั้น เงาร่างสีน้ำตาลวิ่งแฉลบผ่านหน้าเฟิ่งหลิงไป “สัตว์ตัวน้อย?!”
เ้ากลุ่มก้อนนั่นสั่นระริก หันมาทำหูใหญ่ๆ สองข้างลู่ลง กระต่ายหรือ?!
“หยุดนะ!”
เฟิ่งหลิงถกกระโปรงวิ่งไล่ตามไป แต่ว่ากระต่ายตัวนั้นว่องไวเหลือเกิน พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตานาง
“ฮึ!” จะมีอะไรพิเศษกัน นางค่อยให้พี่สามจับกลับมาให้นางหลายๆ ตัวก็ได้แล้ว!
ห้องนี้...เฟิ่งหลิงหันมาเห็นประตูไม้ที่มีช่องเล็กๆ นางพลันนึกขึ้นได้ จึงโผล่หัวเข้าไปอย่างระมัดระวัง ลองถามออกไปคำหนึ่ง “องค์รัชทายาท?”
เสียงประตูเปิดออกเบาๆ สบเข้ากับสายตาสงสัยของบุรุษบนเตียงเข้าพอดี
“ฝ่าา พระองค์ตื่นแล้ว?”
ตงฟางซวี่พบว่ามีดรุณีน้อยผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงประตู ดวงตากลมโตคู่นั้นงดงามเป็พิเศษ ดวงหน้าน้อยๆ แดงระเรื่อ ผมหยุ่งเหยิงอยู่บ้าง
“อืม เ้าคือ...”
เฟิ่งหลิงมองใบหน้าสุภาพหล่อเหลา แล้วจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไป “พี่ชายใหญ่ของหม่อมฉันคือเฟิ่งอวี่”
คำตอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์เด็กน้อยเช่นนี้ ทำให้ตงฟางซวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา คิดว่าต้องเป็คนที่เฟิ่งอวี่กล่าวถึงบ่อยๆ น้องเจ็ดที่ถูกตามใจจนเสียคนผู้นั้น
“ที่แท้ก็เป็คุณหนูเจ็ดของชางติ้งโหว”
“เอ๋ พระองค์เคยได้ยินเื่หม่อมฉันหรือ?” เฟิ่งหลิงกะพริบตา ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ “พี่ใหญ่จะต้องพูดเื่ไม่ดีเกี่ยวกับหม่อมฉันแน่ๆ ใช่หรือไม่เพคะ?!”
ไม่รอให้ตงฟางซวี่ตอบ นางก็วิ่งไปข้างเก้าอี้มองยาน้ำถ้วยนั้น แล้วหันมามองแขนของรัชทายาท พลางนึกถึงสิ่งที่คนในจวนสอนนางมา ต้องดูแลคนเจ็บ! จึงยื่นมือออกไป “ฝ่าาดื่มยาไม่สะดวกใช่หรือไม่เพคะ หลิงเอ๋อร์จะช่วยพระองค์เอง!”
“อย่า...”
ตงฟางซวี่คิดจะห้าม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อมือเล็กๆ ของเฟิ่งหลิงััถูกขอบถ้วยก็โดนลวกจนปล่อยมือ ผลคือถ้วยยาตกพื้นจนแตก ยาน้ำยังกระเด็นไปลวกนิ้วของนางด้วย
เสียงกรีดร้องดังขึ้น พลันนั้นยากระจายไปเต็มพื้น ชุดกระโปรงสีชมพูของนางก็ถูกสีหมึกย้อมทับ
“...” ดวงตาคู่นั้นพลันมีน้ำตาคลอ ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหวาดกลัว ปิดปากแน่นสนิท ท่าทางราวกับทำผิดแล้วกลัวรัชทายาทตำหนิ
เดิมทีตงฟางซวี่สามารถใช้มือซ้ายดื่มยาได้ด้วยตัวเอง เขาเห็นว่ายายังร้อนเกินไปจึงยังไม่ได้แตะ “คุณหนูเจ็ด นิ้วมือาเ็หรือไม่?”
ดรุณีน้อยนางนี้ทำให้เขานึกถึงเหล่าน้องสาวในวังของตน จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสารในใจ
เฟิ่งหลิงสูดจมูกพลางส่ายหน้า “อย่าบอกพี่ใหญ่ได้ไหมเพคะ?”
ตอนนี้นางยังจะมัวกังวลว่าจะถูกพี่ใหญ่ของตนตำหนิอีก ช่างนิสัยเด็กน้อยจริงๆ
“ได้ ข้าจะไม่พูด”
“แต่ว่า...ฝ่าาไม่มียาให้เสวยแล้ว” นางสูดจมูกอีกครั้ง น้ำตาราวกับจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อ
ด้านนอกมีเงาร่างหนึ่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง จึงรีบหลบอยู่ตรงประตู
“เด็กดี ไม่เป็ไรหรอก กินน้อยไปครั้งหนึ่งก็ไม่เป็ไร” ตงฟางซวี่ปลอบอย่างอดทน ในสายตาของเขา ดรุณีน้อยวัยสิบสองปีตรงหน้าก็เป็เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น เขาได้ยินเฟิ่งอวี่พูดถึงเื่แย่ๆ ที่น้องสาวผู้ดื้อรั้นคนนี้กระทำในสมัยก่อนมามาก เื่ประเภททำยาหกนับเป็เื่เล็ก เขาบอกว่านางตัวเตี้ย แล้วยังเงอะงะซุ่มซ่าม นิสัยก็ไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามตอนที่เฟิ่งอวี่กล่าวถึงเื่พวกนี้ ใบหน้ามักจะเต็มไปด้วยความรักและตามใจของคนเป็พี่
ตงฟางซวี่มองน้องสาวของสหายเป็ดั่งน้องสาวของตน รอยยิ้มจนใจนั้นตกอยู่ในดวงตาที่ฉายแววอิจฉาตรงประตู เติบโตเป็หนามแหลมทิ่มแทงจนมิอาจอดกลั้น
ชางติ้งโหวให้คุณหนูเจ็ดเ้าเล่ห์ผู้นี้มาที่วัดเทียนฝู จะต้องเป็เพราะมีอุบายแอบแฝงเป็แน่! หลิ่วอวิ๋นฮว๋าบิดผ้าในมือ เดิมทีคิดว่าเฟิ่งหลิงผู้นี้เป็แค่เด็กน้อยที่ถูกตามใจจนเสียคนเท่านั้น ตอนนี้ดูแล้ว ถึงกับมีแผนการเช่นนี้ได้ แค่วิธีการเล็กน้อยก็ทำให้รัชทายาทยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นาง! ส่วนตนเอง...รัชทายาทไม่เคยใช้รอยยิ้มเช่นนั้นกับตนเองมาก่อน! มีเพียงความห่างเหินตามมารยาท
เงาร่างไกลๆ ที่ตกอยู่ในม่านสายตาทำให้สายตาของหลิ่วอวิ๋นฮว๋าเย็นเยียบ รีบหลบเข้าไปในมุม
“ฝ่าา...” หลังจากที่หลิ่วอวิ๋นเฟิงถูกเหลยซื่อสั่งสอนไปรอบหนึ่ง ก็ตัดสินใจกลับมาป้อนยาให้ตงฟางซวี่ แต่กลับเห็นดรุณีน้อยที่ร้องไห้สะอื้นอยู่ในห้อง ทั้งยังมียาน้ำบนพื้นอีก
“นี่...คุณหนูเจ็ด?”
แย่แล้ว! เป็สหายของพี่ใหญ่! ใบหน้าของเฟิ่งหลิงยับยู่อย่างร้ายกาจ คิดจะโกหกออกไป แต่ว่ารัชทายาทก็ยังอยู่ด้วย
“ขะ ข้าไม่ทันระวัง...”
“ข้าไม่ทันระวัง ทำถ้วยยาหกจนลวกถูกคุณหนูเจ็ด”