“หลังจากคนร้ายลงมือแล้วก็ะโออกทางหน้าต่างไปโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้”
มู่หรงฉือเดินมาถึงหน้าต่างแล้วชี้ไปที่รอยรองเท้า “เ้าดูนี่สิ รอยรองเท้านี่ถึงแม้จะจางมาก แต่ดูแล้วน่าจะเป็รอยรองเท้าบุรุษ”
เสิ่นจือเหยียนเดินมาดูแล้วขมวดคิ้ว “คนร้ายที่สังหารนายท่านหลี่หรือว่าอยากจะฆ่าปิดปาก?”
ดวงตาของนางเ็า “อาจจะใช่ เพราะสนิทสนมกับคนขายฝิ่นที่ถูกจับตัวไปผู้นั้น คนเื้ัจึงกังวลว่าพวกเราจะตรวจสอบได้ว่าเป็นายท่านหลี่กับบ่าวรับใช้สกุลหลี่ จึงลงมือฆ่านายท่านหลี่เอาไว้ก่อนเป็ยอดดี เมื่อเป็เช่นนี้ เบาะแสก็จะขาดไป”
เขาพยักหน้า “บ่าวรับใช้สกุลหลี่เป็คนที่นายท่านหลี่ส่งไปซื้อฝิ่น ข้าสอบถามดูแล้ว เขาเพียงได้รับคำสั่งจากนายท่านของตัวเองให้ไปซื้อของ ไม่ได้รู้ว่าตนซื้ออะไรกลับมา เขาจึงรอดพ้นคดีไป”
นางมองไปทางนายท่านหลี่บนเตียงไม้ไผ่ “ร่างกายของนายท่านหลี่เหมือนคนปกติทั่วไป น่าจะสูบฝิ่นได้ไม่นานนัก”
ตอนนี้เอง สตรีกลุ่มหนึ่งรีบร้อนเดินเข้ามาพลางร้องเสียงดัง “นายท่าน…นายท่าน…”
มีทั้งคนที่โศกเศร้า มีทั้งกรีดร้องเสียงแหลม มีทั้งร้องไห้น้ำตาไหลพราก พอนับจำนวนดูแล้วมีสตรีกับพ่อบ้านรวมห้าคน
มู่หรงฉือมองไป ที่ซบอยู่หน้าเตียงคงจะเป็ภรรยาและอนุของเขา ที่ยืนอยู่ด้านหลังคงจะเป็บุตรสาว
“นายท่าน เหตุใดท่านถึงได้ทิ้งพวกข้าแล้วจากไปเช่นนี้เล่า? ข้าแต่งเข้ามายังไม่ทันได้เห็นคนรุ่นที่สอง ยังไม่ได้คลอดบุตรให้ท่าน ท่านกลับมาสิ้นใจตายไปเสียก่อนแล้ว เช่นนี้ข้าจะทำอย่างไรเล่า ท่านบอกข้ามาว่าข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” อนุที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น อายุอานามน่าจะน้อยกว่าบุตรสาวสกุลหลี่เพียงสี่ห้าปีร้องไห้ฟูมฟายปานจะขาดใจ เสียงแหลมเล็กแทบจะแยกฟ้าได้
“นายท่าน ท่านตายได้น่าเวทนาเช่นนี้ ข้าจะต้องเรียกร้องความเป็ธรรมให้ท่าน” ฮูหยินหลี่สีหน้าเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น พูดประโยคนี้ออกมาด้วยความเ็ป
มู่หรงฉือเห็นฮูหยินหลี่สวมเสื้อคลุมสีทองเหลือบเงินท่าทางเรียบร้อยงดงามมองอนุอายุน้อยคนนั้นอย่างเหยียดหยาม ราวกับรังเกียจที่นางร้องไห้ต่อหน้าคนนอก แต่เพราะมีคนนอกอยู่ด้วยจึงไม่อาจสั่งสอนได้
กลับไม่เห็นคุณชายหลี่ที่วันๆ เอาแต่ดื่มสุรา คิดว่าตอนนี้คงจะอยู่กับสตรีตามหอโคมเขียวที่ไหนสักแห่ง
บรรดาสตรีร้องห่มร้องไห้ ที่ปวดใจก็ปวดใจ ทำเอาเสิ่นจือเหยียนกับมู่หรงฉือได้แต่ยืนอย่างสงบให้แก่คนตายอยู่ด้านข้าง
พ่อบ้านทำการแนะนำฮูหยินหลี่ “ฮูหยิน สองท่านนี้คือขุนนางจากศาลต้าหลี่ขอรับ”
ฮูหยินหลี่ลุกขึ้น ทำความเคารพพวกเขา “ยินดีที่ได้พบท่านทั้งสอง ให้พวกท่านต้องเจอเื่น่าขบขันเสียแล้ว”
“หากไม่ใช่สองท่านนี้มาหานายท่านที่จวน แล้วบุกเข้ามาในห้องตำรา ข้าน้อยก็คงยังไม่รู้ว่านายท่าน…” พ่อบ้านเช็ดน้ำตาแล้วพูด
“ท่านทั้งสอง นายท่านของพวกเราเสียชีวิตอย่างน่าเวทนาเช่นนี้ พวกท่านจะต้องคืนความเป็ธรรมให้นายท่านของพวกเราด้วย” นางร้องไห้พลางพูดด้วยสีหน้าเ็ป
ต่อมา อนุกับบรรดาบุตรสาวสกุลหลี่ต่างพูดรับคำกันเสียงเจี้ยวจ้าว หัวของมู่หรงฉือแทบจะพองโตขึ้นมา
เสิ่นจือเหยียนกล่าว “ฮูหยินหลี่วางใจเถิด ข้าจะต้องตรวจสอบความจริงให้กระจ่างแล้วจับตัวฆาตกรมาจัดการตามกฎหมาย ใช่แล้ว ฮูหยินหลี่ วันนี้พวกเ้าไม่รู้ว่าท่านชายอยู่ในห้องตำราหรือ?”
ฮูหยินหลี่ตอบ “ประมาณหลายชั่วยามก่อน นายท่านบอกว่าจะออกไปข้างนอก จากนั้นก็ไม่เห็นเขาอีก ใครจะคิดว่าเขาจะอยู่ในห้องตำรา...”
พ่อบ้านพูดเสียงเศร้า “ข้าน้อยเห็นนายท่านเดินออกจากประตูใหญ่ไป นายท่านกลับมาั้แ่เมื่อไหร่ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ”
คนอื่นๆ เองก็แสดงท่าทางไม่รู้ บอกว่าใน่เวลาดังกล่าวไม่พบเห็นนายท่านหลี่
เสิ่นจือเหยียนกับมู่หรงฉือมองหน้ากันไปมา เื่นี้ชักแปลกแล้ว นายท่านหลี่ออกจากบ้านไปแล้วแต่ลอบกลับมาสูบฝิ่นอยู่ในจวน?
“่นี้การกระทำกับคำพูดของเขามีสิ่งใดแปลกไปหรือไม่?” นางถาม
“นายท่านเป็ปกติ ตอนสายจะออกไปเดินตรวจตราร้านค้า ตอนบ่ายก็จะกลับมา มีบางครั้งจะกลับมาช้าบ้างเล็กน้อย” ฮูหยินหลี่ตอบกลับ
“นายท่านสามารถกินดื่มได้ปกติ ไม่มีอะไรที่แปลกไปจากเดิมเ้าค่ะ” อนุอีกคนที่อายุราวสามสิบตอบกลับมา
“หากคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ครึ่งเดือนมานี้นายท่านมีความผิดปกติอยู่เล็กน้อยเ้าค่ะ” อนุที่อายุน้อยที่สุดก้มหน้าครุ่นคิดแล้วพูดออกมา “ผลไม้สดที่ปกตินายท่านชอบทานมากที่สุดตอนนี้กลับไม่ค่อยจะทานแล้ว พวกของมีค่าหลายอย่างที่นายท่านชอบมากที่สุดก็ไม่เห็นแล้ว...สีหน้าของนายท่านก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน วันทั้งวันเอาแต่ถอนหายใจ ข้าให้เขานอนพักเขาก็ไม่นอน แล้วก็เดินไปที่ห้องตำรา”
“คนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงเป็ธรรมดา เื่นี้มีอะไรที่ผิดแปลกไปหรือ?” อนุอายุสามสิบปีกลอกตาอย่างดูแคลน “พอความสดใหม่ผ่านพ้นไป ก็ย่อมเบื่อหน่ายเป็ธรรมดา”
คำพูดนี้มีสองความหมาย ที่นางพูดหมายถึงอนุที่ยังสาวที่สุดคนนั้น
อนุอายุน้อยคนนั้นหน้าแดงทันที ก่อนจะเปลี่ยนเป็ประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว สุดท้ายก็เปลี่ยนมาเป็ขาวซีด
เสิ่นจือเหยียนถามขึ้นอีกครั้ง “นอกจากนี้แล้ว ยังมีตรงที่ใดที่ผิดปกติอีกหรือไม่?”
พ่อบ้านส่ายหน้า แต่จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “นายท่านออกไปเดินตรวจตราร้านค้า ตามปกติแล้วตอนกลางวันจะไม่กลับมาทานข้าว หลายสิบปีมานี้ก็เป็เช่นนี้ แต่ครึ่งเดือนมานี้นายท่านกลับมาทานอาหารที่จวนแทบจะทุกวัน หลังจากทานเสร็จแล้วก็จะอยู่แต่ในห้องตำรา ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน”
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนมองตากัน เช่นนี้ก็สามารถวิเคราะห์ได้แล้วว่า นายท่านหลี่สูบฝิ่นมาได้ประมาณหนึ่งเดือนกว่า อีกทั้งยังแอบสูบในห้องตำราด้วย
จากนั้นก็สอบถามอีกไม่กี่คำถาม ก่อนที่พวกเขาจะกล่าวลาแล้วจากไป
เมื่อกลับมาถึงศาลต้าหลี่ พวกเขาก็รีบสอบสวนบ่าวรับใช้สกุลหลี่ทันที
“นายท่านหลี่ให้เ้าไปที่ตรอกชิงหยางมากี่ครั้งแล้ว?” เสิ่นจือเหยียนถาม
“สามครั้ง ข้าน้อยจำได้ว่าสามครั้งขอรับ” บ่าวผู้นี้เป็คนซื่อสัตย์ ถูกศาลต้าหลี่จับเข้ามาก็ิญญาก็หลุดลอยไปพอสมควร ตกประหม่ากล้าๆ กลัวๆ จะกล้าปิดบังได้อย่างไร?
“นอกจากตรวจตราร้านค้าแล้ว นายท่านหลี่ยังชอบไปเที่ยวเตร่ตามสถานที่ใดหรือไม่? อย่างเช่นร้านน้ำชา หรือชอบไปดูเครื่องหยก ภาพวาดที่ร้านไหน” มู่หรงฉือถามเสียงเย็น
บ่าวผู้นั้นครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า “นายท่านชอบดื่มชา แต่กลับไม่ค่อยชอบไปที่ร้านน้ำชา นายท่านไม่ค่อยชำนาญเื่ศิลปะความงาม แต่กลับชอบซื้อพวกภาพวาด ชอบไปที่หอชุ่ยเวยเพื่อดูอักษรภาพ เพียงแต่่นี้กลับไม่ไปแล้ว อ้อ ใช่แล้ว ่นี้นายท่านชอบเครื่องหยก ซื้อมาหลายชิ้น ทั้งยังมีราคาสูงมากขอรับ”
นางเหมือนจะคิดอะไรออก จึงถามออกไป “เป็เครื่องหยกจากร้านใด?”
เขาลูบหัว “ขอข้าน้อยคิดดูก่อนขอรับ…ใช่แล้ว ข้าน้อยคิดออกแล้ว เป็ร้านหลิงหลงเซวียน”
มู่หรงฉือใ มองไปทางเสิ่นจือเหยียน เป็หลิงหลงเซวียนอีกแล้ว
นี่เป็เื่บังเอิญ หรือว่า…
“ปกตินายท่านหลี่อยู่ที่หลิงหลงเซวียนซื้อเครื่องหยกใช้เวลานานเท่าไหร่” เสิ่นจือเหยียนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงถามออกมาเช่นนี้
“พูดไปแล้วก็แปลก มีอยู่ครั้งหนึ่งนายท่านบอกว่าจะไปดูเครื่องหยกที่หลิงหลงเซวียน หายไปสองชั่วยามเต็มๆ ถึงได้กลับมาขอรับ” บ่าวรับใช้ผู้นั้นบอก
เสิ่นจือเหยียนกับมู่หรงฉือออกมาจากห้องขัง เดินมาถึงทางเดินด้านหลังต่างคนต่างมีท่าทีครุ่นคิด
ตอนนี้นางมีความคิดมากมายหลายอย่าง อยากจะจัดระเบียบความคิดแต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ใด “หลิงหลงเซวียนดูแล้วเป็ร้านหยกที่ไม่ได้มีค่าอะไร แต่กลับมีส่วนที่แปลกประหลาดเต็มไปหมด หากนายท่านหลี่ดูหยกที่หลิงหลงเซวียนสองชั่วยามจริงๆ เช่นนั้นก็แปลกมากไม่ใช่หรือ?”
“หลิงหลงเซวียนจะเกี่ยวข้องกับการขายฝิ่นหรือไม่?” เสิ่นจือเหยียนลูบคางพลางครุ่นคิด คิ้วขมวดเข้าหากันจนเกิดรอยย่นระหว่างคิ้วเหมือนูเาเล็กๆ
“ดูเหมือนจะต้องไปที่หลิงหลงเซวียนดูสักรอบ” มู่หรงฉือไม่ได้พูดเื่ที่หลิงหลงเซวียนกับกองทัพตรวจสอบอาวุธเกี่ยวข้องกันออกมา
“เตี้ยนเซี่ย หากหลิงหลงเซวียนเกี่ยวข้องกับเื่นี้จริง เช่นนั้นก็เป็ถ้ำเสือ จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้” เสิ่นจือเหยียนพลันเลิกคิ้วขึ้นก่อนพูดอย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว ข้าจะไปที่สกุลจวงกับสกุลกานแล้วลองถามดู ใต้เท้าจวงกับใต้เท้ากานตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เคยไปที่หลิงหลงเซวียนหรือไม่ เตี้ยนเซี่ย ท่านกลับไปที่ตำหนักบูรพาก่อน รอข่าวจากข้า”
เช่นนี้ก็ดี ไปหาหลักฐานก่อนแล้วค่อยลงมือ
นางบอกลาแล้วกลับตำหนักบูรพา ระหว่างทางก็เจอเข้ากับฉินรั่วที่มาหานางพอดี
ฉินรั่วพูดเสียงเบา “เตี้ยนเซี่ย คุณชายหรงมีข่าวส่งมาเพคะ”
มู่หรงฉือทั้งใทั้งดีใจ รีบเดินทางไปที่ซู่อวี้เซวียน
ภายในห้องของหอไม้ไผ่ หรงจ้านรออยู่นานหลายชั่วยามแล้ว ต้มชาเอาไว้จนหอมกรุ่น ผลไม้สดแช่เอาไว้ในน้ำแข็งกับขนมหวานรสชาติถูกปากถูกตระเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพ
เมื่อเห็นนางเปิดประตูเข้ามา เขารีบลุกขึ้นไปต้อนรับทันที ประสานมือโค้งตัว ให้เกียรติรอบคอบเป็อย่างมาก
“คุณชายหรงทำอะไรน่ะ?” ฉินรั่วหัวเราะพลางหยอกเย้า
“ครั้งที่แล้วให้เ้าสำนักพบเจออันตราย เป็ข้าที่ละเลยไป วันนี้จึงมารับโทษขอรับ” หรงจ้านที่สวมชุดสีขาวราวกับผู้เร้นกายส่งยิ้มมา
“ถือว่าเ้าก็รู้ตัวดี” ฉินรั่วยิ้มกว้าง
มู่หรงฉือยิ้มแล้วนั่งลง มองอาหารน่าอร่อยเต็มโต๊ะ ทันใดนั้นพลันรู้สึกว่าร่างกายกลวงโบ๋ จึงหยิบขนมกับผลไม้ขึ้นมาแล้วทานอย่างไม่เกรงใจ
ฉินรั่วยิ้มเอ่ย “คุณชายหรงไม่ได้บอกว่ามีข่าวดีหรือ?”
เขาแสดงท่าทางเชิญทั้งสองคนดื่มชา “ท่านเ้าสำนัก ในที่สุดข้าก็ตรวจพบความจริงของหลิงหลงเซวียนแล้ว”
“อ้อ?” มู่หรงฉือดีใจมาก “รีบพูดมาเร็วเข้า”
“หลิงหลงเซวียนที่ว่าขายเครื่องหยกโดยเฉพาะ ความจริงแล้วเป็เพียงฉากบังหน้าเท่านั้น เื้ัที่ทำคือ…”เสียงเขาเบาลงเรื่อยๆ สีหน้าก็ยิ่งลึกลับ
นางตั้งใจฟังอย่างละเอียดด้วยดวงตาเปล่งประกาย
ฉินรั่วปิดปากด้วยความใ “คิดไม่ถึงเลยว่าหลิงหลงเซวียนจะแอบทำเื่พวกนี้”
มู่หรงฉือขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กิจการต้องห้าม ในเมืองหลวงยังขาดแคลนบ่อนพนันกับหอโคมเขียวหรือ? หลิงหลงเซวียนจำเป็ต้องหลบซ่อนหรืออย่างไร?”
หรงจ้านยกถ้วยชาขึ้นจิบ “ยามนี้ที่ตรวจสอบลงลึกได้มีเพียงเท่านี้ แขกของหลิงหลงเซวียนส่วนมากเป็คหบดีกับขุนนาง หากให้คนรู้ว่ามีขุนนางมามั่วสุมกับเื่พวกนี้ก็คงจะเสียชื่อเสียงและอนาคตไปไม่น้อย”
ฉินรั่วพยักหน้า “เื่นี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงจริงๆ”
ดวงตาเ็าของมู่หรงฉือฉายความสงสัยออกมา “เช่นนั้นที่ว่านฟางกับหวังเทาไปที่หลิงหลงเซวียน ก็ไปเล่นสนุกกับสิ่งเหล่านี้หรือ?”
“เ้าสำนักคิดว่าควรจะทำอย่างไร?” เห็นนางมีท่าทีหนักแน่น เขาพลันเข้าใจ
“หลิงหลงเซวียนลึกลับซับซ้อนเกินไป ดูเหมือนว่าพวกเราคงต้องไปดูสักรอบ” มุมปากของนางยกยิ้ม
“เช่นนั้นข้าจะไปกับเ้าสำนักด้วย” เขารีบเสนอตัว
“หนูฉายจะรอพวกท่านอยู่ด้านนอก” ฉินรั่วกล่าว
…
โคมไฟหรูหราถูกจุดขึ้น บนถนนยังคงครึกครื้น
ภายใต้แสงไฟสวยงาม รถม้าหรูหราคันหนึ่งวิ่งมาจอดที่หน้าประตูหลิงหลงเซวียนช้าๆ
เสี่ยวเอ้อในร้านตาแหลมรีบออกมาต้อนรับ เห็นคุณชายสวมชุดแพรหรูหราสองคนลงมาจากรถ เสี่ยวเอ้อพลันฉีกยิ้มกว้าง “คุณชายสองท่านมาชมหยกหรือขอรับ? เชิญด้านในขอรับ เมื่อวานเพิ่งจะมีของชุดใหม่เข้ามา ล้วนเป็หยกสลักฝีมือเยี่ยม คุณชายทั้งสองจะต้องลองดูสักหน่อยขอรับ”
คุณชายหน้าตาดี ท่าทางสง่างามสองคนเดินเข้าไปในร้าน สายตากวาดมองไปโดยรอบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คุณชายทั้งสอง้าหาซื้อหยกแบบใด สามารถบอกข้าน้อยได้หรือไม่?” เจอลูกค้าผู้เ็าสองคน เสี่ยวเอ้อจึงร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“หยกแกะสลักที่นี่มีอะไรให้งามกัน? ที่จวนของข้ามีที่สวยกว่านี้เต็มไปหมด” คุณชายรูปร่างผอมบางกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“เ้าอย่าได้ใส่ใจ ญาติของข้าผู้นี้สายตาสูงส่ง ปกติก็เป็เช่นนี้” คุณชายอีกคนกล่าวกับเสี่ยวเอ้อยิ้มๆ “วันนี้ข้าพาเขามาเล่นของเล่นใหม่ๆ พวกหยกอะไรพวกนี้เอาไว้ก่อนเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้