บ่ายวันเดียวกัน
บ้านพรานเข้ม….
พรึบ
“โอ้ยยย….!”ผมร้องโอดโอยด้วยความเ็ปที่ด้านหลังในก้นของผมที่รับรู้ได้ถึงความระบมจากการที่ผมโดนพี่เข้มจัดเต็มไปเมื่อคืนและยังต่อด้วยเมื่อเช้านี่อีกยกหนึ่ง
รูทวารผมคงจะระบมหนักเกินไปแล้ว ก็แน่ล่ะ ของพี่เข้มแกเล็กๆซะที่ไหนกัน ใหญ่กว่าของผมที่ผมก็คิดว่าใหญ่เกินมาตรฐานของชายไทยมากแล้ว แต่กลับเจอของพี่เข้มใหญ่กว่าของผมอีกอ่ะ
และตอนนี้ผมก็กำลังพยายามเดินอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนรูทวารหนักของผมจนมากเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะมันจะได้ไม่เ็ปไปมากกว่านี้
ครั้งแรกมันเจ็บก็รู้แต่ครั้งสองนี้กลับสมยอมให้เขาอีกซะอย่างงั้น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
พรึบ
“เป็อะไรของเอ็งล่ะ…เดินแปลกๆชอบกล…?”เสียงสงสัยดังมาจากลุงสิงห์ที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งที่แคร่ไม้หน้าบ้านแกเช่นเดิมมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ
ผมก็ยิ้มแหยๆให้เขา โดยไม่รู้จะตอบอะไรเขา จะให้บอกไปตรงๆว่าลูกชายแกเป็คนทำก็ไม่ใช่เื่
พรึบ
“หึ…”เสียงแค่นหัวเราะจากผู้ชายที่กำลังนั่งใช้ขวานผ่าไม้เพื่อจะนำไปทำฟืนอยู่ข้างบ้านถัดจากตีนบันไดบ้านดังมาทำให้ผมหันขวับกลับไปมองค้อนเขาอย่างเอาเื่ ตัวเองเป็คนทำแท้ๆยังจะมีหน้ามีหัวเราะอีกนะ…
“เอ่อออ….”ผมอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะตอบอะไรลุงสิงห์ แกก็ยิ้มร่าพร้อมกับหัวเราะพลางเคี้ยวหมากในปากตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อย
“มาๆๆกินข้าวกินปลา…”แกที่เห็นว่าผมเอาแต่อ้ำๆอึ้งๆทำหน้าแหยๆก็เปลี่ยนจากเค้นถามผมกลับกวักมือและเรียกผมให้ไปนั่งกินข้าวกับแกแทน
แต่ผมยังไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันเลยนะแล้วจะมากินข้าวได้ยังไงกัน
“แต่ผมต้องไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนทานข้าวนะครับ…”ผมเอ่ยบอกลุงสิงห์ไป ลุงสิงห์แกก็หยุดขำและมองหน้าผมพลางเลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้างอย่างสงสัย
“แกจะมาสะอาดอะไรขนาดนั้น….ที่นี่ไม่มีหรอกเว้ยแปรงสีฟันน่ะ!”ลุงสิงห์ว่าเสียงร่า ทำให้ผมกระพริบตาปริบๆมองแกอย่างสงสัยและงุนงง ไม่มีได้ยังไงกัน และชาวบ้านใช้อะไรกันแปรงฟันล่ะ?
“แพงขนาดนั้น…พวกข้าไม่มีปัญญาไปซื้อหรอก…”ลุงสิงห์ว่าพร้อมกับเคี้ยวหมากในปากอย่างหนักหน่วงขึ้น
“แพงเหรอครับ?….ปกติถูกสุดนี่แค่อันละยี่สิบบาทเองนะครับ…”ผมเอ่ยขึ้นพลางขมวดคิ้วงุนงงไปด้วย พี่เข้มที่นั่งเงียบและทำการผ่าไม้เพื่อทำฟืนก็เงยหน้าขึ้นมาผมมองหน้าผมพลางขมวดคิ้วงุนงง ผิดแปลกจากลุงสิงห์มากที่แกทำหน้าเข้มขรึมใส่ผม
เฟี้ยววววว
โป๊ก
“โอ้ย!!”ผมหน้ามืดรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หน้าผากของผมทันทีที่มีวัตถุคล้ายสากกระเบือถูกเขวี้ยงปามาจากลุงสิงห์ใส่กลางหน้าผากของผมเต็มๆๆผมก็ยกมือขึ้นมาวางบนหน้าผากของผมที่มันต้องบวมมากแน่ๆ
ร่างของผมเซถอยหลังด้วยความมึนงงและล้มแล่ไม่ล้มแล่อยู่แล้ว
พรึบ
“พ่อ!!”เสียงเข้มะโเรียกพ่อของเขาไปอย่างใ พร้อมกับร่างของผมที่ถูกอ้อมแขนแกร่งของพี่เข้มคว้าโอบกอดผมไว้ได้ทัน ไม่อย่างงั้นผมหงายหลังล้มลงพื้นก้นกระแทกเจ็บตูดทวารมากกว่าเดิมแน่
“ก็ข้าหมั่นไส้มัน…เงินตั้งยี่สิบบาทมันบอกถูกสุดๆ!!”ลุงสิงห์เอ่ยเสียงเข้มอย่างไม่พอใจผม ผมก็ทำหน้าเอ๋อเหวอมองหน้าพี่เข้มที่อยู่ใกล้ผมไปอย่างสงสัย
“พ่อ…พ่อก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนที่นี่”พี่เข้มว่าเสียงเข้มอย่างจริงจัง ก่อนจะยกร่างของผมขึ้นให้ยืนทรงตัวได้เองอย่างแ่เบาแบบทะนุถนอมผม กลัวว่าผมจะเ็ปไปมากกว่านี้ น่ารักจังเลย^_^
“ชิ๊!”ลุงสิงห์จิ๊ปากใส่ผมก่อนจะก้มหน้าก้มตาตำหมากพลูในมือของแกต่อไป พี่เข้มก็หันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาเป็ห่วง ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของผมเต้ารัวเร็วขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“เอ็งเจ็บมากไหม?”พี่เข้มเอ่ยถามผมเสียงอ่อน พลางมองมาที่หน้าผากของผมด้วยแววตาสั่นไหว ผมก็ยิ้มอ่อนให้เขาไป
“เจ็บน้อยกว่าที่ตูดครับ…”ผมตอบพี่เข้มเสียงทะเล้น พร้อมกับยิ้มกริ่มให้เขาไปด้วย พี่เข้มก็หน้าเขินอายแดงระเรื่อขึ้นมาทันที
“เอ็งนี่นะ…พ่อข้าน่าจะเขวี้ยงให้หัวแตกไปเลย…”
“พี่เข้มอ่ะ!”ผมทำหน้างอใส่เขาอย่างงอง้อนเขา พี่เข้มก็ส่ายศีรษะไปมาก่อนจะค่อยๆพยุงร่างของผมให้เดินไปนั่งบนแคร่ตัวเดียวกับลุงสิงห์พ่อของแกอย่างช้าๆเพราะเขาคงจะรู้ว่าก้นของผมระบมหนักหน่วงแค่ไหน
พรึบ
“ทำมาสำออย….”ลุงสิงห์ว่าพลางลอยหน้าลอยตาอย่างกวนโอ้ยผมกับพี่เข้ม ผมก็ทำหน้าเบะใส่พี่เข้มอย่างออดอ้อนในขณะที่เขาพาผมมานั่งบนแคร่จุดหมายสำเร็จแล้ว
พรึบ
“แดงแล้วก็ปูดเลย….”พี่เข้มว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาจับหน้าผากของผมที่ผมรับรู้ได้ถึงแรงเ็ปตุ๊บๆ
“ฟู่ววววว….หายเถอะหนา……”พี่เข้มเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนโยนหลังจากที่เขาเป่าลมหายใจออกทางปากใส่หน้าผากมนของผม ผมก็จ้องหน้าคมเข้มหล่อไม่มีที่คิของพี่เข้มอย่างหลงใหล
ผู้ชายอะไรอ่อนโยนชะมัด^_^
“จะประคบประหงมอะไรมันขนาดนั้น…โตเท่าควายป่าแล้ว…”เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมา ทำให้ผมได้สติหันไปมองลุงสิงห์ทันที ก็พบว่าแกไม่ได้ทำสีหน้าไม่พอใจอยู่เลย แต่แกกลับยิ้มกริ่มออกมา
“พอได้แล้วไอ้เข้ม…ไปเก็บสากกระเบือมาคืนข้าเลย…”ลุงสิงห์ว่าเสียงเข้ม พี่เข้มก็ผละจากหน้าของผมไปมองหน้าลุงสิงห์
“จ้ะพ่อ….”เขาตอบรับคำลุงสิงห์ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผมและลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปเก็บส่กกระเบือไม้ที่ลุงสิงห์ใช้เขวี้ยงหัวผมมาคืนลุงสิงห์แก โดยมีผมนั่งมองพี่เข้มอย่างไม่ละสายตา
พรึบ
“มันไม่หายไปไหนหรอก…จ้องขนาดนั้น….”ลุงสิงห์เลยขึ้น ทำให้ผมหันกลับมามองหน้าแกอย่างเขินอาย ที่เขารู้ทันผม แกก็ลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้ไม่ชี้ เป็จังหวะเดียวกับที่พี่เข้มเดินถือสากกระเบือกลับมายื่นส่วให้ลุงสิงห์พอดี
“พี่เข้มกินข้าวแล้วเหรอครับ?”ผมเอ่ยถามพี่เข้มเสียงอ่อน พี่เข้มก็นั่งลงข้างๆผมก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเป็คำตอบว่าเขายังไม่ได้กินข้าวผมก็ขมวดคิ้วมองแกอย่างสงสัย ว่าทำไมเขายังไม่กินอีก ทั้งๆที่เขาออกจากบ้านมาก่อนผมอีกน่ะ
“มันจะกินได้ยังไง…ก็มันรอเอ็งอยู่น่ะสิ…”ลุงสิงห์เอ่ยขึ้นมาทำให้ผมมองหน้าพี่เข้มอย่างเค้นคั้นเอาคำตอบว่าที่ลุงสิงห์พูดเป็เื่จริงหรือเปล่า ที่ว่าพี่เข้มรอกินข้าวพร้อมผมน่ะ
“ไปๆๆไปยกสำรับข้าวมากินไป๊…ข้าหิวแล้ว..”ลุงสิงห์ว่าเสียงเข้มพลางโบกมือไล่พี่เข้ม พี่เข้มที่หน้าแกแดงก่ำก็รีบหลบสายตาผมอย่างเขินอายหันไปก้มศีรษะหงึกๆเป็คำตอบให้ลุงสิงห์ก่อนที่แกจะลุงขึ้นยืนและเดินซอยเท้าถี่รัวออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว
พรึบ
“ข้าจะบอกกับคนในหมู่บ้านว่าเอ็งเป็หลานของข้าแล้วกัน….”
“ส่วนเอ็งก็แสร้งทำเป็หลานชายข้าที่มาจากในเมืองไปก่อนล่ะกัน…”ลุงสิงห์ว่าในขณะที่แผ่นหลังของพี่เข้มละสายตาจากผมไปแล้ว ผมก็หันกลับมามองหน้าลุงสิงห์อย่างงุนงงและสงสัยว่าทำไมผมต้องแกล้งเป็หลานชายของแกด้วย
ทำไมแกไม่ไปส่งผมกลับบ้านล่ะ ผมมีงานใหญ่รออยู่นะ
“ก็อย่างที่ไอ้เข้มมันพูด…ว่าเอ็งไม่ใช่คนที่นี่…”
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเอ็ง….”ลุงสิงห์พูดต่ออย่างดูสีหน้าสงสัยของผมออก ผมก็ยิ้มทำหน้าเหวอใกับสิ่งที่ลุงสิงห์พูดขึ้น ว่าผมไม่ใช่คนที่นี่และที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม มันคืออะไร?
“ที่นี่ก็หมู่บ้านภูดาวไม่ใช่เหรอครับ?”ผมถามลุงสิงห์ขึ้น ลุงสิงห์ก็ทำสีหน้าซีเรียสขึ้นมาทันที โดยที่แกหยุดการเคี้ยวหมากของโปรดแกเลยล่ะ แสดงว่าแกจริงจังกับเื่นี้มาก
“คำถามเดียวกับที่เอ็งเพิ่งจะถามข้าไปเมื่อวาน…ข้าก็จะตอบเอ็งเหมือนเดิมว่าที่นี่คือหมู่บ้านภูดาว…”ลุงสิงห์ว่า หน้าตาของแกดูจริงจัง แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นอยู่ว่า ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านภูดาวแน่นอน
เพราะที่ผมเห็นมากับตาคือ ภูดาวที่ลุงสิงห์บอกว่ามันเป็หมู่บ้านแท้จริงแล้วมันเป็หุบเขาลึกที่มีูเาสองลูกอยู่ติดกันแล้วมันมีชื่อเรียกขานว่า ูเาภูและูเาดาวที่มีรูปร่างคล้ายดาวห้าแฉก
พอหลายๆปากหลายๆคำพูดเข้าเลยเหลือแค่ คำว่าภูดาว….และผมก็เห็นมันมากับตาว่ามันเป็เพียงแค่พื้นดินที่อยู่ในหุบเขาลึกสองลู
กที่อยู่ติดกันแค่นั้นเอง มันไม่มีหมู่บ้านเลยสักหลัง….
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้