ทว่าสภาพของเหนียนอีหลานในยามนี้ ฮองเฮาอวี่เหวินย่อมไม่ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงได้เห็นนางแน่
ครุ่นคิดถึงสตรีที่ยังคงอยู่ในสวนร้อยสัตว์ มุมปากของฮองเฮาอวี่เหวินฉีกยิ้มเสี้ยวหนึ่ง และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ทำไมหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกังวลว่าผู้คนมากมายในวังหลวงอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ จะดูแลคุณหนูใหญ่เหนียนไม่ดีหรือ?”
ท่าทีเคร่งขรึมและน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ ไร้การปิดกั้น เพียงแค่รัศมีรอบกายก็กดดันผู้คนเสียจนหายใจไม่ออก
“ไม่ ไม่ ไม่เพคะ ฮองเฮาทรงเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ดูตื่นตระหนกใเล็กน้อย “อีหลานอยู่ในวังหลวง แน่นอนว่าย่อมได้รับการดูแลอย่างดีมากเพคะ ตระกูลเหนียนกับตระกูลหนานกงรู้สึกซาบซึ้งพระทัยจนหาที่สุดมิได้ พวกเราจะจดจำพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระนางอย่างดีเพคะ”
“พระคุณอันยิ่งใหญ่? ตระกูลหนานกงควรจะจดจำพระคุณอันยิ่งใหญ่ของเปิ่นกงไว้” ฮองเฮาอวี่เหวินชี้ชัดตรงประเด็น “ความผิดที่เหนียนอีหลานกระทำลงไป เพียงพอที่จะชดใช้ด้วยชีวิตของนาง ดีเลวอย่างไร ข้าจะไว้ชีวิตน้อยๆ ของนางสักครั้ง”
“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงน้อมคำนับฮองเฮาอวี่เหวินอย่างเคารพและอ่อนน้อมถ่อมตน ครั้นครุ่นคิดบางอย่างขึ้นได้ จึงอึกอักลังเล ในที่สุดก็ล้มเลิกไปอย่างหดหู่
สีหน้าเช่นนั้น ในสายตาของผู้อื่นคือท่าทีหดหู่เศร้าสร้อย ทว่าในใจกลับเป็ความรู้สึกอื่น
การที่ฮองเฮาอวี่เหวินไม่อนุญาตให้นางเจออีหลานอยู่ในความคาดหมายของนางมาั้แ่ต้น และการไต่ถามเมื่อครู่นี้ เป็เพียงการปูทางเพื่อเหตุการณ์หลังจากนี้เท่านั้น วันนี้นางจะต้องเจออีหลานให้ได้ ส่วนอีหลาน...
ครั้นนึกแผนการของตัวเอง ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงจึงยิ่งตื่นเต้น ทว่าใบหน้ากลับยิ่งสงบนิ่ง
นางเหลือบมองฉางไทเฮาโดยไม่มีผู้ใดสังเกต เห็นเพียงสายตาของไทเฮาที่กำลังมองที่ใดสักแห่งบนพื้น พร้อมกับนับลูกประคำ ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับนาง
ท่ามกลางกลุ่มนางกำนัลที่เฝ้ารอปรนนิบัติอยู่ไม่ไกล หนึ่งใน ‘นางกำนัลน้อย’ ผู้มีหน้าตาอัปลักษณ์ ทว่าแววตากลับแจ่มจรัสโดดเด่น ดวงตาคู่นั้นราวกับลอบจับตาดูเหตุการณ์อย่างสงบนิ่ง ประหนึ่งคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวอยู่ภายใน
ทันใดนั้น ในสายตาของ ‘นางกำนัลน้อย’ มีนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในงานเลี้ยงอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก คนผู้นั้นคือคนของตำหนักชีอู๋
ครั้นเจินกูกูที่เฝ้าอยู่ข้างกายฮองเฮาอวี่เหวินเห็นนางกำนัลผู้นั้นพลันย่นคิ้ว นางกำนัลของตำหนักชีอู๋ล้วนผ่านการรอบรมมาอย่างเข้มงวด นางวิ่งมาอย่างตื่นตระหนกเช่นนี้ จะต้องมีเื่ร้ายแรงอันใดเกิดขึ้นเป็แน่ เจินกูกูจึงรีบก้าวออกไปลากตัวนางกำนัลผู้นั้นทันที เพื่อให้นางกล่าวกระซิบรายงาน
เสียงแ่เบานั้นมีเพียงเจินกูกูที่ได้ยิน ผู้คนรอบข้างคอยเฝ้ามอง ในดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เจินกูกูเฝ้าปรนนิบัติรับใช้ข้างกายฮองเฮามาหลายปี จึงรอบคอบและมากประสบการณ์ นางรู้ว่าสิ่งที่นางกำนัลน้อยรายงานเป็เื่ร้ายแรง ในสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง นางเอ่ยไล่ให้นางกำนัลผู้นั้นออกไปอย่างสงบ จึงค่อยกลับไปกล่าวรายงานข้างกายฮองเฮาอวี่เหวิน
ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ความสนใจของทุกคนล้วนจับจ้องไปที่เจินกูกู เหมือนไม่มีท่าทีอันใด เจินกูกูโน้มกายแล้วกล่าวบางสิ่งกับฮองเฮาอวี่เหวิน ดวงพระเนตรของฮองเฮาอวี่เหวินตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจสังเกต ทว่าเพียงครู่เดียวก็กลับมาปกติเช่นเดิม
“แค่นางกำนัลทำแผ่นหยกที่เปิ่นกงโปรดปรานแตกไปเท่านั้น แค่ของสิ่งเดียว แตกแล้วก็คือแตก” ฮองเฮาอวี่เหวินกล่าวอย่างไม่เร่งรีบไม่เชื่องช้า พลางค่อยๆ จิบชา ทว่านางที่กำลังถือถ้วยชา มือกลับเอียงเล็กน้อย น้ำชาจึงหกลงบนชุดอันหรูหราอย่างพอดีจนเปียกโชกในทันใด
“อ๊ะ...” ฮองเฮาอวี่เหวินอุทานออกมาเล็กน้อย เจินกูกูรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเสื้อผ้าบริเวณที่เปียกน้ำให้ทันที “ฮองเฮาเพคะ น้ำชาซึมเลอะไปยังฉลองพระองค์ด้านในแล้วนะเพคะ มิสู้เสด็จเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่ที่ตำหนักฉิ่นดีกว่านะเพคะ”
ฮองเฮาอวี่เหวินย่นคิ้ว “วันนี้มีงานเลี้ยงส่งเดินทาง ทั้งแเื่มากมายก็ยังอยู่...”
“ไม่เป็ไรเพคะ พระวรกายของพระนางเป็สิ่งสำคัญ แม้จะอยู่ในฤดูคิมหันต์ ทว่าลมพัดผ่าน ยังคงรู้สึกหนาวได้ ฮองเฮาเสด็จไปเปลี่ยนฉลองพระองค์เถิด ไม่เป็อะไรเลยเพคะ” ฮูหยินท่านหนึ่งในงานเลี้ยงกล่าวคล้อยตามอย่างกระตือรือร้น
ในชั่วขณะนั้น เมื่อครู่นี้ ผู้คนที่มีสายตาฉลาดเฉียบแหลมล้วนมองออกทั้งหมด
ชาในพระหัตถ์ของฮองเฮาอวี่เหวินไม่ใช่อุบัติเหตุ
ฮองเฮาอวี่เหวินแย้มพระสรวลเบิกบาน ลุกขึ้นยืนโดยมีเจินกูกูคอยประคอง “เช่นนั้นเปิ่นกงไปแล้วจะรีบกลับมา”
พระพักตร์ของฮองเฮาอวี่เหวินประดับรอยยิ้ม ก้าวเดินออกงานเลี้ยง จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าผู้คนเ่าั้ไม่เห็นนาง สีพระพักตร์ของฮองเฮาอวี่เหวินพลันดำมืดในทันใด พระเนตรตึงเครียด ฝีเท้าเร่งรีบจังหวะย่างก้าว
ภายในสวนยวี่ฮวา ทุกคนจ้องมองแผ่นหลังที่เดินออกไปของฮองเฮาอวี่เหวิน ด้วยท่าทีราวกับครุ่นคิดบางอย่าง
เกิดเื่อันใดขึ้นที่ตำหนักชีอู๋งั้นหรือ?
หากมิใช่เื่สำคัญ นางกำนัลที่มารายงานข่าวเมื่อครู่นี้ จะมาอย่างตื่นตระหนกกระวีกระวาดเช่นนั้นทำไม?
แท้จริงแล้วมันเกิดเื่อันใดขึ้น?
ในใจของผู้คนต่างอยากรู้อยากเห็น ทว่าพวกนางเองก็รู้ว่า เื่ในวังหลวงแห่งนี้มิใช่เื่ที่พวกนางจะสำรวจได้ตามใจ
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นสายตาที่มองสบกันของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกับฉางไทเฮา ดูเหมือนพวกนางกำลังลอบแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ทว่ายามที่ละสายตาออกมา ในใจพวกนางต่างมีแผนการของตนเอง
ตำหนักชีอู๋... ตำหนักชีอู๋จะมีเื่ร้ายแรงอันใดได้อีกเล่า?
ดูเหมือนว่า สวนร้อยสัตว์แห่งนั้น...
หึ เื่ครานี้ช่างน่าสนใจยิ่ง!
เมื่อครู่นี้ยามที่ฮองเฮาอวี่เหวินเสด็จออกไป เงาร่างของนางกำนัลผู้นั้นที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก็หายตัวไปอย่างเงียบเชียบเช่นกัน
ณ ตำหนักชีอู๋
นางกำนัล ขันทีทุกคนในวังต่างเงียบกริบ
เดิมทีปรมาจารย์เฉิงกวังจะตั้งแท่นบูชาสวดมนต์ที่ลานจัตุรัสด้านนอกตำหนักเซวียนเจิ้ง เดิมทีไม่มีทางมาทางนี้แน่ ทว่าเมื่อครู่นี้ ยามที่ทำพิธี เพลิงนิรนามพลันลุกไหม้ขึ้นภายในแท่นบูชา แม้แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อยังตกพระทัย ปรมาจารย์เฉิงกวังมาเยือนที่นี่ จนกระทั่งเดินไปถึงนอกตำหนักชีอู๋ ปรมาจารย์เฉิงกวังจึงหยุดฝีเท้า
เมื่อเข้าไปในตำหนักชีอู๋ สีหน้าของปรมาจารย์เฉิงกวังยิ่งตึงเครียดขึ้นกว่าเดิม เขาเดินวนเวียนอยู่ในตำหนักชีอู๋ เริ่มเดินไปยังที่แห่งหนึ่ง จนกระทั่งเดินผ่านูเาจำลอง จนถึงด้านหน้าสวนร้อยสัตว์ จึงหยุดเดินอย่างแท้จริง
สวนร้อยสัตว์... ความอาฆาต...
ทั้งสองสิ่งนี้เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้วแน่น นึกถึงจี้เยวี่ยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว...
“ฝ่าา ท่านเปิดประตูบานนี้ให้อาตมาเข้าไปโปรดดวงิญญาหน่อยได้หรือไม่? ความอาฆาตแค้นในนี้ช่างหนักหนานัก หากไม่ไปโปรด เกรงว่าจะทำให้คนในตำหนักแห่งนี้มิอาจอยู่อย่างสงบได้”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทันทีที่ปรมาจารย์เฉิงกวังเอ่ยปาก พลันดึงสติของฮ่องเต้หยวนเต๋อกลับมา
เข้าไปโปรดดวงิญญางั้นหรือ?
“ที่นี่...” ฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้ว ถ้อยคำที่กล่าวถึงดวงิญญาของท่านปรมาจารย์เฉิงกวังคือ จี้เยวี่ยหรือไม่?
จี้เยวี่ย... ครุ่นคิดถึงเื่เมื่อหลายปีก่อน ในพระทัยของฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันปวดร้าว เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยามที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด ชั่วครู่ใหญ่ ในที่สุดเขาจึงเอ่ยปาก “ย่อมได้แน่นอน ทหาร มาเปิดประตูออกเสีย”
ฮ่องเต้หยวนเต๋อถ่ายทอดพระบัญชาการ ท่ามกลางเหล่าข้าราชบริพารที่ติดตามอยู่ด้านหลัง หนานกงเลี่ยและหนานกงจื้อ ทั้งสองครุ่นคิดถึงคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ในใจจึงตึงเครียดขึ้นทันใด ทว่ากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่คิดในใจอย่างสมบูรณ์
อีหลานอยู่ในสวนร้อยสัตว์แห่งนี้!
หนานกงจื้อดีใจมากเสียจนอยากจะเห็นอีหลานโดยเร็ว ส่วนหนานกงเลี่ยกลับครุ่นคิดว่า รออีกประเดี๋ยว เมื่อเห็นร่างไร้ิญญาของอีหลาน เขาควรจะโจมตีอย่างไร!
ทหารเฝ้ารักษาการณ์ที่ติดตามมารีบทำตามพระรับสั่งทันที เขาก้าวไปข้างหน้าเปิดประตูใหญ่สวนร้อยสัตว์ ดึงกลไกออก เสียง ‘ปัง’ ของประตูไม่ดังมาก ทว่าผู้คนที่อยู่ด้านหน้าสวนร้อยสัตว์ต่างได้ยินกันอย่างชัดเจน รวมถึงฮองเฮาอวี่เหวินผู้ซึ่งเพิ่งเดินมาถึงหน้าูเาจำลอง
“หยุดมือ!” ตัวคนยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงไปถึงก่อนแล้ว