เมื่อมีเย่เฟิงยืนอยู่เคียงข้าง ความกังวลต่างๆ ของหลินซือฉิงก็เบาบางลงมาก
เย่เฟิงเห็นความกังวลภายใต้คิ้วที่ขมวดมุ่นเล็กน้อยก็กล่าวถาม “พี่หลิน หรือว่ามันจะเป็ปัญหาใหญ่เหรอ?”
ในปัจจุบันสถานการณ์ของงานแสดงสินค้ายังดูดี แต่ยอดซื้อขายแท้จริงไม่สูงนัก เนื่องจากสินค้าส่วนมากมีคุณภาพดีไม่พอ แม้ว่าเย่เฟิงจะไม่เข้าใจเื่พวกนี้แต่ก็ยังพอดูมันออก
ดูเหมือนว่าหลินเหรินเทียนและจูอี้ฉวินจะสร้างปัญหาใหญ่ให้หลินซือฉิงแล้ว
“เื่นี้เราไม่ต้องกังวลใจไปหรอก”
หลินซือฉิงยิ้มให้ คิดว่าเย่เฟิงไม่เข้าใจปัญหานี้
“แต่เื่นี้ดูเหมือนต้องกังวลแล้ว”
เย่เฟิงเพียง้าพูดว่าตนสามารถช่วยเติมเต็มบูธที่ว่างอยู่ได้ ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก ผู้ที่เข้ามาเป็ชายหนุ่มดูอ่อนวัยเล็กน้อยและสวมใส่ชุดสูท
“น้องพี่ สถานการณ์เป็เช่นไรบ้าง?”
ผู้ที่มาแท้จริงคือหลินจื้อชิงพี่ชายของหลินซือฉิง เขาเข้ามาถามด้วยสีหน้าเป็กังวล แต่เมื่อถามแล้วกลับพบว่าภายในห้องประชุมไม่ได้มีเพียงหลินซือฉิงคนเดียวแต่ยังมีเย่เฟิงอยู่ด้วย สิ่งนี้ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
เขาเดินไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามหลินซือฉิง
“ทุกอย่างไปได้ดี ไม่จำเป็ต้องกังวลหรอก”
หลินซือฉิงพูดเบาๆ ท่าทางของพี่ชายเธอไม่มีอะไรเป็พิเศษ
จากการสอบสวนจูอี้ฉวินเมื่อครู่ ทำให้หลินซือฉิงและเย่เฟิงรู้ว่าการก่อกวนงานแสดงคราวนี้มีหลินเหรินเทียนชักใยอยู่เื้ั และหลินจื้อชิงก็เป็ผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคนหนึ่ง
ในฐานะรองผู้อำนวยการสำนักการคลัง ในวงการอัญมณี เสียงหลินจื้อชิงอำนาจกว่าหลินเหรินเทียน หลายบริษัทต่างเชื่อฟังคำพูดของหลินจื้อชิงและถอนตัวจากงานแสดงครั้งนี้
ตอนนี้หลินจื้อชิงกลับวิ่งเข้ามากะทันหัน ทั้งสองคนรู้ว่าหลินจื้อชิงไม่มีเจตนาดีแน่นอน
“ปกติดีงั้นหรือ?” หลินจื้อชิงหัวเราะพลางกล่าวด้วยท่าทางจริงใจ “น้องสาว สถานการณ์ตอนนี้ของงานแสดงสินค้าต่อให้เป็คนธรรมดาก็มองออก ้าให้พี่ชายผู้ต่ำต้อยคนนี้แนะนำบริษัทเครื่องประดับสักสองแห่งหรือไม่? ให้ทั้งสองบริษัทเป็ตัวแทนสร้างภาพลักษณ์ของงานนี้ สามารถลงสัญญาตอนนี้เลย”
เมื่อหลินซือฉิงได้ยินก็ยกยิ้ม
ผู้ชายคนนี้ตอนนี้แล้วยังทำเป็ใจกว้างอยู่อีก เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาชั่วร้าย มีความเป็ไปได้อยู่สองข้อ ข้อแรกคือทำให้งานแสดงสินค้าครั้งนี้มีปัญหามากขึ้น และข้อที่สองเพื่อออกตัวแสดงให้เห็นว่าหลินจื้อชิงไม่ได้ร่วมมือกับหลินเหรินเทียน
หลินเหรินเทียน้าใช้งานแสดงสินค้าครั้งนี้ทำลายหลินซือฉิง แต่กับหลินจื้อชิงแล้วไม่มีความสนใจที่จะ้าขัดแย้งกับหลินซือฉิง ด้วยเหตุนั้นหลินจื้อชิงจึงหลอกใช้หลินเหรินเทียนเพื่อการนี้
เมื่อเป็คนของตระกูลหลิน ั้แ่เด็กอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ต้องใช้กลยุทธ์อยู่เสมอ สติปัญญาโดยเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำอย่างแน่นอน ทั้งสองบริษัทนั้นแน่นอนว่าต้องมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับหลินจื้อชิงอย่างมากแน่ มั่นใจได้เลยว่ากำไรของทั้งสองบริษัทนั้น หลินจื้อชิงจะต้องได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าเป็อย่างหลัง หลินซือฉิงไม่ใช่ไม่้าความร่วมมือจากเขา แต่เธอไม่กล้ารับความเสี่ยง ถ้าทั้งสองบริษัทนั้นมีปัญหาเล่า?
หญิงสาว้าปฏิเสธไปตามตรง แต่เย่เฟิงที่อยู่ด้านข้างออกตัวพูดก่อน “ต้องขอโทษด้วย ตอนนี้งานแสดงสินค้าทั้งหมดเป็ไปได้ด้วยดีแล้ว มันจำเป็ต้องให้คุณช่วยอีกงั้นหรือ?”
เย่เฟิงเห็นหลินจื้อชิงก็อยากหัวเราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้านี้ เนื่องจากเมื่อวันก่อนเขาเสียพนันในคาสิโนจนเกือบหมดสภาพ กระทั่งกางเกงในก็แทบไม่เหลือ สุดท้ายเกือบต้องพึ่งเงินรัฐบาล เย่เฟิงช่วยเหลือคนที่แทบจะหมดตัวประเภทนี้เอาไว้
เย่เฟิงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะช่วย นักพนันที่เกินเยียวยาผู้นี้ เมื่อถึงเวลาหนึ่งความผิดพลาดจะเป็สิ่งที่คอยย้ำเตือน
“เด็กอย่างแกจะเข้าใจอะไร?”
หลินจื้อชิงได้ยินเย่เฟิงพูดเช่นนั้นก็เหลือบมองพลางแสยะยิ้ม กล่าวอย่างดูถูก
เขารู้อยู่แล้วว่าชายสวมหน้ากากคือเย่เฟิง แต่ไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเขาในคาสิโนคืนนั้นคือชายสวมหน้ากาก อย่างไรก็ตามมันเป็เพียงหน้ากากตามร้านข้างทางราคาแค่สิบหยวน ใครก็สามารถซื้อใส่ได้ นอกจากนี้สุดท้ายแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากเป็คนช่วยตนไว้ แต่แค่คิดว่าตัวเองโชคดีที่เล่นพนันได้
“ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้เื่อะไรมาก แต่รู้ว่าฉันสามารถช่วยเหลือพี่สาวหลินแก้ปัญหาได้”
เย่เฟิงยิ้ม
“แกน่ะหรือแก้ไขปัญหาได้?”
หลินจื้อชิงรู้สึกเหมือนได้ยินเื่ตลก เขาเป็รองผู้อำนวยการสำนักการคลังของเมืองเยี่ยนจิง ้าเหนือกว่าหลินเหรินเทียน สำหรับบริษัทเครื่องประดับทั้งสองถึงกับต้องใช้ความพยายามมากมายมหาศาล เย่เฟิงแค่รู้วิชาการต่อสู้ เขาจะช่วยหรือจะสร้างปัญหาให้กันแน่?
ไม่ใช่แค่หลินจื้อชิงเท่านั้น แต่หลินซือฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เย่เฟิงมีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือหรือ? แต่หลินจื้อชิงต่างกับหลินซือฉิง เธอรู้เกี่ยวกับความอัศจรรย์ของเย่เฟิงจากการเป็พยานการต่อสู้ของเย่เฟิงและหลงโม่หรานด้วยตาของเธอเอง สายตาของเธอกว้างไกลกว่าของหลินจื้อชิงมากนัก
“แน่นอนว่ามันมีทางแก้อยู่ ไม่ใช่ว่า้าอัญมณีหรือ?”
เย่เฟิงหัวเราะเบาๆ สะบัดมืออย่างฉับพลันก็ปรากฏชุดเครื่องเพชร ทอง และเครื่องประดับออกมาจากแหวนมิติ กองอยู่บนโต๊ะประชุมหน้าโซฟา
ชั่วพริบตา พี่น้องทั้งสองจากตระกูลหลินก็อยู่ในอาการตาค้าง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเย่เฟิงแค่สะบัดมือ แล้วเครื่องประดับเหล่านี้ออกมาได้เช่นไร? ไม่ใช่แค่เพชรหรือทองธรรมดา ความบริสุทธิ์เปล่งปลั่งของไพลิน ทับทิม โมรา และอัญมณีอื่นๆ ต่างแวววาวภายใต้แสงไฟของห้องประชุม
แรกเริ่มมันเป็ทรัพย์สินส่วนตัวของฉีหลินจือ แต่ตอนนี้ย่อมเป็ของเย่เฟิงทั้งหมด ชายหนุ่มเก็บไว้ยังไงก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี การมอบมันเพื่อช่วยเหลือหลินซือฉิงอาจเป็วิธีที่ดีในการใช้ประโยชน์สิ่งของเหล่านี้ แน่นอนว่าคือการขายเอาเงินมา และเย่เฟิงจะต้องได้ส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งแน่นอน เนื่องจากเป็เพราะเขาขาดแคลนเงินเช่นกัน
หากมีเงินเพียงพอ เขาสามารถซื้อวัตถุดิบทั่วไปมาทำยา ด้วยวรยุทธ์เพียงสิบห้าปี สามารชำระฟื้นฟูพลังชี่ได้เป็อย่างดี โดยการใช้เม็ดโอสถเพื่อการฟื้นฟู
เมื่อมีพวกโอสถตุนเอาไว้ เย่เฟิงก็คงมั่นใจเพิ่มขึ้นมากมาย!
แม้ว่าจะเป็เพียงวัตถุดิบทั่วไป แต่ราคาไม่ต่ำเลย เช่นพวกโสมที่มีอายุหลายปีและบัวหิมะหรือเหอสิ่วโอว รวมถึงสมุนไพรอื่นๆ ต่างเป็วัตถุดิบทำเม็ดโอสถที่อาจมีราคาสูง ซึ่งมีราคาหลายร้อยและมันไม่ใช่วัตถุดิบที่จะหาซื้อได้ตามร้านขายยา นอกจากนี้เขายังเตรียมเม็ดโอสถพวกนี้ไว้ให้หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน เย่เวิ่นเทียนก็จำเป็ด้วยเช่นกัน คำนวณดูแล้วต้องใช้เงินหลายล้านซึ่งเขาจ่ายไม่ไหว
เป็ธรรมดาที่การช่วยชีวิตโดยใช้เม็ดโอสถเทียบกับการสูญเสียความมั่งคั่งเช่นเครื่องประดับที่ไร้ประโยชน์พวกนี้เพื่อเปลี่ยนเป็เม็ดโอสถ สำหรับเย่เฟิงแล้วมันคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
“เสี่ยวเย่ นายเอามันออกมาจากที่ไหน?”
แววตาหลินซือฉิงตกตะลึง ตอนที่เย่เฟิง นำเพชรจักรพรรดิออกมาทำให้เธอใไปแล้วครั้งหนึ่ง ยิ่งเป็ตอนนี้เธอใมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
เอาสิ่งของออกมาหลายอย่างไม่ใช่เื่แปลกอะไร เพียงแต่เอามันมาจากที่ไหนกัน?
มันเหนือความเข้าใจเหมือนกับเวทมนตร์
“ความลับ” เย่เฟิงเอียงตัวมาใกล้หูของเธอพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย กลิ่นรัญจวนใจอันเบาบางส่งผ่านมา “ของพวกนี้เติมเต็มบูธเพียงพอไหมครับ?”
“ดูจากจำนวนแล้วน่าจะเพียงพอ แต่…”
หลินซือฉิงไม่สามารถนำพวกมันไปได้ทั้งหมด อัญมณีแต่ละชิ้นบนโต๊ะต่างดึงดูดน่าสนใจ และเธอก็ไม่ได้เป็ผู้เชี่ยวชาญอัญมณี ถ้านำพวกมันไปแสดงในบูธแล้วจะต้องตั้งราคาเท่าไรจึงจะเหมาะสมที่สุด?
หลินจื้อชิงที่อยู่อีกฝั่งมองด้วยสายตาพร่ามัว
เครื่องประดับที่เย่เฟิงนำออกมา มูลค่าของมันอย่างต่ำก็เท่ากับเงินเดือนหนึ่งปีของเขาแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้