รอยยิ้มของหญิงสาวเป็รอยยิ้มที่มาจากใจ อลังการย่อมดูออก เขาเองอายุไม่น้อยเื่ง่ายแค่นี้ทำไมจะไม่เข้าใจ แต่เพราะเธอมักชอบทำปากเก่งใส่เขา จึงไม่คิดว่าจะมีแววตาเช่นนี้มองให้
ปกรณ์ลอบมองสองคนสลับไปมา แรกทีเดียวตั้งใจจับผิด คิดว่าอลังการต้องหาคนมาสวมรอยเป็เมียเพราะไม่อยากแต่งงานกับหนูเนยเป็แน่ๆ
แต่ดูๆ แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่เลวทีเดียว ถ้าจะลองลุ้นให้เป็ผัวเมียกันจริงๆ ก็น่าสนุกดีเหมือนกันแฮะ!
“นี่แกปล่อยเมียลำบากขนาดนี้เลยเหรอ”
“อาปกรณ์ว่าอะไรนะครับ”
“นี่ไง”
ปกรณ์ยืนโทรศัพท์มือถือให้หลานชายดู อลังการเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองหน้าจอมือถือที่มีคลิปภาพร้านขายผัดไทย เขาจ้องมองภาพจนเห็นชัดว่าเด็กสาวที่เดินไปเดินมาในคลิปคือบัวชมพู
“แกลำบากเื่เงินขนาดนี้เลยเหรอ”
ปกรณ์ส่ายหน้าไปมาแล้วเก็บมือถือ แต่อลังการคว้าไปจ้องมองชัดๆ ภาพบัวชมพูขะมักเขม้นเป็ลูกมือผู้หญิงอีกคน ซึ่งน่าจะชื่อรุ่งรวีคนรักของสารภี ยัยเด็กบัวชมพูวิ่งวุ่นกับการ เอ่อ เหมือนจะแจกผัดไทยมากกว่าขายผัดไทยนะ
“อาไปได้คลิปนี้มาจากไหน”
“ทำไม อาหามาได้ก็แล้วกัน” ปกรณ์คว้าโทรศัพท์กลับคืน “แกคนเดียวหรือไงที่มีเส้นสายในเมืองนี้”
“ก็...” เขาอึกอักครู่หนึ่ง “ผมไม่ได้ห้ามเมียนี่ เขาอยากทำอะไรก็ให้เขาทำไป”
“ไม่ใช่ว่าไม่ใช่เมียจริงๆ หรอกเหรอ ถึงได้ปล่อยทิ้งๆขว้างๆไม่ดูแล อย่างนี้กลับไปแต่งงานกับหนูเนยดีกว่า”
“เฮ้ย! ไม่เอาแม่ชี เอ๊ย! ไม่เอาหนูเนย” อลังการรีบพูดจนลิ้นพันกัน “ผมมีเมียแล้ว อาอย่ามายุให้ผัวเมียผิดใจกันสิ”
“อาผิดงั้นสินะ” ปกรณ์เลิกคิ้วลอบยิ้มในใจแล้วเอ่ย “แล้วเป็เมียยังไงไม่อยู่บ้านเดียวกัน เป็เมียไปเช้าเย็นกลับเหรอ”
อลังการเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าของผู้เป็อาที่แสร้งยกกาแฟขึ้นดื่ม เขาจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังรอยยิ้มอยู่ ทั้งสองคุยกันในห้องทำงานของอลังการ เขากำลังเคลียร์เอกสารการสั่งซื้อที่ค้างคาอยู่
“อาปกรณ์รู้ได้ยังไงว่าเมียผมไม่ได้อยู่บ้านกับผม”
“ขับรถผ่านหน้าบ้านก็รู้” ปกรณ์ยักไหล่แล้วเซ็นเอกสารตรงหน้า ปิดแฟ้มแล้วยกมือขึ้นบิดี้เี “ของแค่นี้ให้เสียเวลาลงมาตรวจงานเอง ...อื้ม ถ้าไม่อยากพาเมียไปกรุงเทพฯ เอางี้ไหม ให้พ่อกับแม่เรามาดูหน้าตาเมียแกที่นี่เป็ไง”
“ไม่ต้องให้พ่อแม่ลำบากขนาดนั้นหรอก ผมพาไปเอง”
“แน่ใจนะ”
“ครับ” อลังการรับปากส่งๆ ไป แต่เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของอาปกรณ์ก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดแล้ว
“งั้นอาบอกคนที่บ้านให้เตรียมต้อนรับสะใภ้ เอ่อ ยังเรียกสะใภ้ไม่ได้สินะ หรือจดทะเบียนกันไปแล้ว”
“ยังครับอาปกรณ์” เขาเคยจดทะเบียนสมรสแล้ว แล้วก็หย่าแล้ว ไม่อยากกลับไปเจอเื่ปวดหัวเหมือนครั้งนั้นอีก
“อืม” ปกรณ์เพียงแค่รับคำในลำคอแล้วลอบสีหน้าเหม่อลอยไปชั่วขณะของหลานชาย “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเย็นนี้อาไปกินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน”
“ครับ...หา! อะไรนะครับ” อลังการได้สติรีบถามซ้ำ
“ไปกินข้าวบ้านแกไง ดูท่าทางเมียทำกับข้าวเก่ง” ปกรณ์พูดยิ้มๆ
“ได้...ได้ครับ” ทำไมเื่ง่ายๆ เหมือนจะยิ่งยุ่งเหยิงขนาดนี้นะ
ปกรณ์โบกมือไล่ “ไปรับเมียมาทำมื้อเย็นเลี้ยงอาได้แล้ว งานก็กองไว้นี่แหละ แค่ตรวจงบบัญชี อาจัดการให้เอง สักสี่โมงเย็นอาเข้าไปหาก็แล้วกัน”
ปกรณ์พูดแล้วดึงแฟ้มเอกสารตรงหน้าอลังการออกมา ใช้เท้ายันเก้าอี้อีกฝ่ายเป็เชิงไล่ให้ลุกออกไปจากห้องทำงานในออฟฟิศ อลังการลุกขึ้นเสยผมยุ่งๆ เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วก้าวออกมาอย่างงุนงง
เมื่อเดินมาเปิดประตูรถเข้าไปนั่งแล้ว ก็หยิบมือถือมาส่งข้อความไปทางไลน์หายัยเด็กบัวชมพูว่าจะเข้าไปรับ แล้วขับรถออกมาทันที ทำไมอาปกรณ์ถึงดูเอ็นดูเด็กคนนี้นัก พูดจาเหมือนหยอก ถ้าไม่ใช่เมียเขาจริงๆ ก็หวังงาบ! หรืออาจะสนใจเด็กคนนี้เข้าจริงๆ
รถกระบะของปกรณ์มาจอดใกล้บ้านเช่าที่บัวชมพูอาศัยอยู่ เขานั่งเคาะพวงมาลัยรถนับหนึ่งถึงสิบในใจแต่ไม่เห็นคนที่รอโผล่หน้าออกมา เขาจึงไลน์ไปอีกครั้งแต่ข้อความไม่ถูกเปิดอ่าน คราวนี้คิ้วเข้มขมวดยุ่งแล้วเปลี่ยนเป็กดหมายเลขโทรศัพท์ของบัวชมพู เขารอครู่หนึ่งอีกฝ่ายจึงรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“อยู่ไหน”
“อยู่ไหน?”
“ฉันถามว่าเธออยู่ที่ไหน”
“หนูอยู่บ้านค่ะ”
“บ้านไหน ฉันรอหน้าบ้านเธอตั้งนานแล้วนะ”
“คุณใหญ่อยู่หน้าบ้านหนูเหรอคะ”
อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจจนอลังการอดงุนงงไม่ได้
“เธอไม่ได้อ่านไลน์หรือไง”
“ไม่ค่ะ หนูไม่สะดวก” เธอตอบแล้ว “ไม่มีใครบอกเหรอคะว่าถ้าเื่ด่วนอย่าส่งไลน์ให้โทรมา”
อลังการกำลังจะอ้าปากเถียงก็เห็นร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีชมพูหวานแหววยาวคลุมสะโพกทับกางเกงขาสั้นอวดเรียวขาขาวผ่องออกมายืนหน้าบ้านพร้อมแนบโทรศัพท์กับใบหู เธอหันซ้ายหันขวามองหาเขา และเมื่อเห็นรถของเขาก็ตัดสัญญาณโทรศัพท์แล้วเดินมาหา
เขาเลื่อนกระจกลงแล้วถาม “ทำไมไม่อ่านไลน์”
“หนูเรียนออนไลน์อยู่ค่ะ” บัวชมพูเบ้ปากใส่ “มีธุระอะไรคะ”
“ไปทำกับข้าวให้อาฉันกินหน่อย”
“เอ๊ะ? ยังไงคะ หนูงง”
“อาปกรณ์อยากกินข้าวเย็นฝีมือเธอ” เขาขึงตาใส่แต่ไม่ได้ทำให้เด็กสาวกลัวเลยสักนิด
“อ้อ! ได้ค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว หนูเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวออกมานะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“คะ”
“ฉันต้องไปกรุงเทพฯ เธอไปกับฉันด้วย”
“ไปกรุงเทพฯกับคุณใหญ่? ให้หนูไปทำอะไรคะ”
“ไปเป็เมียฉันไง!”
“ออกต่างจังหวัดขอค่าแรงเพิ่มค่ะ”
“เฮ้ย! ฉันให้ไปสามหมื่น มือยังไม่ได้จับนี่ยังจะมาเรียกเพิ่มอีกเรอะ”
เธอหงายฝ่ามือขึ้นแล้วพูด
“ขอมือค่ะ”
ดวงตากลมเป็ประกายวาววับจนอลังการตะลึงไป ทำตามที่เสียงหวานใสพูดอย่างลืมตัว บัวชมพูมืองฝ่ามือใหญ่ที่ว่างบนฝ่ามือเธอแล้วก็ยกมืออีกข้างขึ้นลูบคางที่เพิ่งโกนหนวดออกไปเบาๆ
“เก่งมาก”
“เฮ้ย!” เขาร้องอย่างนึกได้ ปัดมือหญิงสาวออก อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักไม่ได้ใส่ใจที่ถูกปัดมือ “ไม่ใช่หมานะเว้ย!”
“หนูไม่ได้พูดอะไรนะคะ” เธอยักไหล่ “จะให้หนูไปกรุงเทพฯ ก็ต้องจ่ายอีกสามหมื่น ดูแลเื่กินอยู่ให้หนูด้วย”
“นี่มันปล้นกันชัดๆ ฉันซื้อกินยังไม่จ่ายแพงขนาดนี้”
