ฮวาเซ้าอวี่คำรามด้วยความโกรธ ทว่าผู้าุโเติ้งกลับไม่ขยับเขยื้อน
ถึงแม้นิกายเซียนไท่เซวียนจะเป็นิกายเซียนอันดับหนึ่ง แต่ฮวาเซ้าอวี่กลับมิใช่เ้านิกายน้อยเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นหน้าที่ของผู้าุโเติ้งคือรักษาความปลอดภัยของเขาเท่านั้น มิใช่ต้องฟังคำสั่ง
สตรีสวมผ้าคลุมหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“สตรีสารเลว! ข้าเป็ถึงเ้านิกายน้อยแห่งนิกายเซียนไท่เซวียน เ้าบังอาจทำร้ายข้า!”
ฮวาเซ้าอวี่เสียสติไปหมดแล้ว จึงไม่เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของผู้าุโเติ้ง
“หนวกหู!”
นางกดมือลงเบาๆ พลังที่น่าหวาดกลัวเสมือนูเาถล่มทะเลพลิกคว่ำกดทับไปทางฮวาเซ้าอวี่!”
เมื่อเป็เช่นนี้สีหน้าของฮวาเซ้าอวี่ก็เปลี่ยนไป ร่างกายทั้งร่างถูกกดทับเสียดสีกับพื้นไม่หยุด น่าอนาถยิ่งกว่าเซวียนสุ่ยอีที่อยู่ด้านข้างเสียอีก
“นี่ท่านยังไม่ยอมหยุดอีกหรือ!”
ผู้าุโเติ้งะเิความโกรธออกมาพร้อมพญาราชสีห์ขนาดใหญ่ที่ปรากฏตัว เท้าเหยียบย่ำเจ็ดดารา รอบกายรายล้อมด้วยแสงสีม่วง
สายลมและหมู่เมฆล้วนเปลี่ยนสี
“เหอะ!”
สตรีสวมผ้าคลุมหน้าเพียงมองด้วยสายตาเ็า ร่างกายของผู้าุโเติ้งก็ดั่งตกลงไปในหุบเหวน้ำแข็ง ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านออกมาั้แ่ศีรษะจรดเท้า!
“ยะ…หยุดนะ!”
ผู้าุโเติ้งไม่กล้าลงมืออย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาทำได้เพียงสะกดข่มความกลัวในใจพลางกล่าวเตือนว่า “ไม่ว่าท่านจะเป็ใคร รีบปล่อยเ้านิกายน้อยของเราเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นไม่ว่าจะหนีไปสุดขอบฟ้า ท่านก็หนีไปไม่พ้น!”
“เ้ากำลังขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?”
สตรีสวมผ้าคลุมหน้าไม่สนใจแม้แต่น้อย “เ้ารู้หรือไม่ว่าสุดขอบฟ้ากว้างไกลเพียงใด? ใต้ทะเลลึกล้ำเพียงใด? เป็แค่พวกกบในกะลา ชอบคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมาก ยังคิดจะบำเพ็ญเซียน มีชีวิตนิรันดร์? ช่างไม่รู้จักประมาณตน”
“บัดซบ เ้าคิดว่า…”
ผู้าุโเติ้งยังพูดไม่ทันจบ แรงกดดันน่าหวาดกลัวก็กดทับลงมาจากท้องนภาจนร่างกายของฮวาเซ้าอวี่แหลกละเอียดกลายเป็แอ่งเื ซึ่งคนรับใช้ของเขาก็ตายไปนานแล้ว
นั่นมันคือพลังอะไรกัน น่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังจากฟ้าดินเสียอีก!
“สตรีปีศาจ! เ้ามันสตรีปีศาจ!”
ผู้าุโเติ้งจิตใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกหวาดกลัวยิ่ง
สตรีสวมผ้าคลุมหน้ากล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พวกเ้าน่าเบื่อจริงๆ ที่ข้าไม่สังหารคนก็เพราะไม่อยากสังหารเท่านั้น ในเมื่อพวกเ้ารนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ไปตายด้วยกันเสียเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบนางยกนิ้วขึ้น มีแสงลึกลับพุ่งตรงไปทางหน้าผากของผู้าุโเติ้ง จากนั้นเขามิอาจตอบโต้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่
ปราณคุ้มกาย แตก!
ิญญาเซียน สลาย!
ชีพจร พังทลาย!
พลังชีวิตของผู้าุโเติ้งหายไปทีละน้อยๆ ก่อนจะล้มลงสิ้นชีพที่พื้น
……
บรรยากาศหยุดชะงัก เงียบราวกับป่าช้า
ผู้คนรอบด้านเผยสีหน้าตกตะลึง พวกเขาใจนไม่กล้าออกเสียง
กลิ่นเืคละคลุ้ง หลังจากจั๋วอวิ๋นเซียนจากไปเมื่อสามปีก่อน ท่าเรือหลงหยาเกิดเื่ขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งครั้งนี้ยังน่าใเสียยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อน
เซวียนสุ่ยอีกับทหารยามบนพื้นรู้สึกโชคดี ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ เมื่อครู่พวกเขาเดินวนรอบนรกมาแล้วรอบหนึ่ง
“ฮึมๆ…”
ท้องฟ้าสั่นไหว เมฆฝนปั่นป่วน
จากนั้นดวงตาั์ข้างหนึ่งปรากฏตัวเหนือท่าเรือหลงหยาด้วยพลังอำนาจยิ่งใหญ่และสูงส่ง มันก็คือดวงตาแห่งสุญญตา ผู้ตรวจตรากฎวิถีเซียน
ทว่ายังไม่ทันที่ดวงตาแห่งสุญญตาจะปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ มันกลับหนีไปภายใต้สายตามึนงงของทุกคน!
มิผิด! มันหนีกลับไป!
ราวกับหนูเจอแมวอย่างไรอย่างนั้น หนีกลับไปทันทีโดยไม่กล้าโผล่หน้าออกมา
นี่…มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่?
ทุกคนมองบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าสับสน ในใจเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด หรือว่าดวงตาแห่งสุญญตาเป็โรคตื่นกลัว? หรือว่าพวกเขาใจนเกิดภาพหลอนไปเอง?
……
ตอนนี้เซวียนสุ่ยอีเสียใจมาก ทั้งๆ ที่เป็เพียงเื่ของฮวาเซ้าอวี่ แต่กลับส่งผลกระทบต่อทั้งท่าเรือหลงหยา ที่สำคัญก็คือเขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งด้วยแล้ว
“เ้าหนู ข้าขอถามเ้า จั๋วอวิ๋นเซียนไปที่ทะเลล่วนซิงใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของสตรี เซวียนสุ่ยอีตัวสั่นอย่างห้ามมิได้ เขานึกไม่ออกว่าจั๋วอวิ๋นเซียนคือใคร?
จั๋วอวิ๋นเซียน? ใครคือจั๋วอวิ๋นเซียน? ใครจะไปรู้จักเ้าจั๋วอวิ๋นเซียนกัน?
เซวียนสุ่ยอีคิดไปต่างๆ นานา ยิ่งนานยิ่งตื่นตระหนก
กลับเป็หัวหน้าสายตรวจด้านข้างที่กล่าวเตือนขึ้นมา “ใต้เท้าท่านลืมแล้วหรือ เมื่อสามปีก่อนเด็กหนุ่มที่ชื่อจั๋วอวิ๋นเซียนสังหารคนในท่าเรือหลงหยาไปไม่น้อย แม้แต่ผู้าุโของนิกายเซียนโม่เหมินก็ถูกสังหาร ตอนนี้มีขั้วอำนาจไม่น้อยที่กำลังออกใบประกาศจับเขา”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หัวหน้าหน่วยสายตรวจมองสตรีอย่างระมัดระวัง เขาเดาว่าอีกฝ่ายก็น่าจะมาตามหาจั๋วอวิ๋นเซียน
“ที่แท้เป็เขานั่นเอง…จำได้สิ ทำไมจะจำมิได้!”
เซวียนสุ่ยอีนึกขึ้้นได้ทันที เขาก่นด่าตัวเองในใจเป็ร้อยรอบ เ้าเด็กจั๋วอวิ๋นเซียนเป็ตัวหายนะชัดๆ เมื่อสามปีก่อนก่อเื่วุ่นวายในท่าเรือหลงหยา สามปีผ่านไปยังไปเรียกสตรีปีศาจเช่นนี้มาอีก ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!
แน่นอนว่าเขาเพียงแค่คิด แต่มิได้แสดงท่าทีผิดปกติออกมา “ใช่แล้วๆ ท่านกล่าวมิผิด จั๋วอวิ๋นเซียนนั่งเรือจากที่นี่ไปทะเลล่วนซิงเมื่อสามปีก่อน แต่สามปีมานี้พวกเราไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเขาเลย ทุกคนล้วนสงสัยว่าเขาอาจตายไปแล้ว”
“……”
สตรีสวมผ้าคลุมครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นเดินไปทางเรือ
“นี่เป็เรือที่มุ่งหน้าไปทะเลล่วนซิงหรือ?”
“ชะ…ใช่แล้วขอรับ”
“ออกเรือ”
“เอ๊ะ! แต่…แต่ยังไม่ถึงเวลาเลยนะขอรับ!”
เ้าของเรือมองไปที่ระฆัง นั่นคือสัญญาณออกเรือ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
“ตูม…”
สตรีสวมผ้าคลุมหน้าโบกมืออย่างมิใส่ใจ ระฆังะเิถล่มลงมา นางไม่สนเหตุผลแม้แต่น้อย
“ตอนนี้เดินเรือได้หรือยัง?”
“อ๊า? ได้…ได้แล้วขอรับ!”
เ้าของเรือพยักหน้ารัวๆ ในสมองยังเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนของสตรีตรงหน้า
……
เมื่อเห็นเรือจากไป พวกเซวียนสุ่ยอีถึงถอนหายใจโล่งอก สถานการณ์เมื่อครู่นี้ทั้งน่ากลัวและกดดันมากเกินไป
จากนั้นหัวหน้าหน่วยสายตรวจรีบลุกขึ้นมาพยุงเซวียนสุ่ยอีก่อน
“ใต้เท้า ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรดี?”
“สตรีผู้นี้มีพลังน่ากลัวเกินไป มิใช่คนที่พวกเราจะทำกระไรได้ ข้าต้องรายงานให้ราชวงศ์ทั้งห้าแคว้น ให้พวกเขาไปจัดการเื่นี้เอง”
ตอนนี้เมื่อลองคิดย้อนกลับไป เซวียนสุ่ยอียังคงรู้สึกหวาดกลัว
หัวหน้าหน่วยสายตรวจกระซิบถามว่า “ใต้เท้า หรือว่าสตรีหายนะเมื่อครู่นี้ จะเป็ยอดฝีมือระดับเทวยุทธ์? ข้าเห็นนางสังหารผู้าุโเติ้งในกระบวนท่าเดียว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เทียบได้กับพลังของเทวยุทธ์เลย!”
“หุบปาก!”
เซวียนสุ่ยอีตวาดทันที “เื่พวกนี้มิใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถเอามาพูดคุยได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…ข้ายังมิเคยได้ยินว่าในทวีปไท่เซวียนมีคนทะลวงระดับเทวยุทธ์มาก่อน”
“ใช่ๆ ขอรับ”
หัวหน้าหน่วยสายตรวจเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางกล่าวว่า “ทางด้านของนิกายเซียนไท่เซวียน พวกเราควรจะอธิบายกับพวกเขาอย่างไรหรือ? ถึงอย่างไรคนที่ตายไปก็เป็ถึงเ้านิกายน้อยกับผู้าุโระดับเปิดชีพจรคนหนึ่ง ไม่เหมือนกับนิกายเซียนโม่เหมินก่อนหน้านี้”
“อธิบายหรือ? ให้อธิบายบ้าอะไร!”
เมื่อพูดถึงฮวาเซ้าอวี่คนนี้ เซวียนสุ่ยอีโมโหอย่างอดมิได้ “เ้านิกายน้อยของพวกเขาหาเื่ใส่ตัว จนส่งผลถึงท่าเรือหลงหยา ข้าต้องเป็คนขอคำอธิบายจากพวกเขาด้วยซ้ำไป”
เซวียนสุ่ยอีเว้นจังหวะเล็กน้อย ความโกรธค่อยๆ ลดลง “เอาเถอะ เื่นี้ข้าจะไปจัดการเอง ไปหาคนมาเก็บกวาดที่นี่ก่อน ศพของพวกฮวาเซ้าอวี่ต้องเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี”
เมื่อกล่าวจบ เซวียนสุ่ยอีสะบัดแขนเสื้อไล่ผู้คนรอบด้านออกไป
