ฟ่านซื่อที่อยู่ข้างๆ เอ่ยถาม“ปีที่ผ่านๆ มา เซียวยวี่เป็คนมาเซ่นไหว้ ปีนี้เขาไปสอบ ผู้ใดมาเซ่นไหว้กันเ้าคะ? เด็กสองคนก็ยังเล็กมาก จะจัดการได้ดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ”
เซียวยิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์“ภรรยาเซียวยวี่พาเด็กสองคนมาเซ่นไหว้! ”
ฟ่านซื่อใเล็กน้อย“ภรรยาเซียวยวี่? นางจะมาทำเื่เช่นนี้อย่างนั้นหรือเ้าคะ? ”
เซียวยิงพยักหน้า “ใช่เมื่อวานตอนนำของที่ใช้ในการเซ่นไหว้ไปให้ จื่อเซวียนก็บอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของเขาซื้อไว้แล้วคิดไม่ถึงว่าวันนี้ไม่เพียงมาแต่เช้า ทั้งยังทำความสะอาดได้หมดจดขนาดนี้”
เห็นได้ชัดว่าทำอย่างเอาใจใส่!
ฟ่านซื่อเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“อาจเพราะภรรยาเซียวยวี่กลายเป็คนดีแล้ว? ”
เซียวยิงได้ยินดังนั้นส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างแรง “ฮึ กลายเป็คนดี? เซียวยวี่ไปสอบแล้ว อาจเพราะนางคิดว่าเซียวยวี่จะสอบได้ตำแหน่งกลับมาให้นางโอ้อวดได้สตรีที่เห็นแก่ตัวเช่นนั้น จะกลายเป็คนดีได้อย่างไร! ”
เมื่อครู่นี้ฟ่านซื่อเพียงพูดถึงความเป็ไปได้นางย่อมฟังสามีของตนเอง!
“เ้าดูหมั่นโถวสองลูกนี้ฮึ ใช้เงินมือเติบเสียจริง ไม่รู้จักใช้จ่ายอย่างเหมาะสม! ”
ของที่ใช้เซ่นไหว้บรรพชนเพียงทำพอเป็พิธีเท่านั้น เหล่าบรรพบุรุษไม่กินเสียหน่อย ดังนั้น หากนำของดีมา ปกติจะนำกลับไปด้วยโดยจะกล่าวกันว่าเหล่าบรรพบุรุษได้ทานแล้ว ที่เหลือเป็ส่วนที่ให้พวกเขากิน หลังจากกินแล้วบรรพชนจะคุ้มครองพวกเขาทว่าพวกเซี่ยยวี่หลัวกลับกันแล้ว ดูท่าหมั่นโถวลูกใหญ่สองลูกนี้ ไม่ได้คิดจะนำกลับไปด้วยั้แ่ต้น
หมั่นโถวลูกใหญ่ที่ทำจากแป้งข้าวละเอียดเซี่ยยวี่หลัวผู้นั้นใช้จ่ายมือเติบเสียจริง
เซี่ยยวี่หลัวกลับถึงบ้านเก็บของเสร็จก็รีบพาเด็กสองคนเข้าไปในตัวเมือง
่หลายวันนี้ฮวาหม่านยีน่าจะวางขายผ้าเช็ดหน้าแล้วนางจะไปดูสถานการณ์ ถึงอย่างไรนางก็เป็คนในยุคปัจจุบัน รู้หลักการค้าหลายอย่างที่คนในยุคสมัยโบราณไม่รู้ไม่แน่ว่านางอาจช่วยคิดหาวิธีให้ฮวาหม่านยีได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางมาเพื่อสอบถามเื่อื่นด้วย!
เพิ่งถึงหน้าประตูฮวาหม่านยีก็เห็นตรงประตูมีป้ายวางอยู่ บนนั้นเขียนว่า สินค้าผ้าเช็ดหน้าหมด
นี่เพิ่งผ่านมาเพียงสองถึงสามวันผ้าเช็ดหน้าก็เป็ที่้าอย่างมากจนขาดตลาด!
เข้าไปในฮวาหม่านยี ยังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยไต่ถามว่าเมื่อใดจึงจะมีผ้าเช็ดหน้าบางคนซื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็้าให้ช่างปักช่วยปักลวดลายไว้บนเสื้อผ้าด้วย
ฮวาเหนียงเห็นหน้าร้านที่ครึกครื้นเช่นนี้ภายในใจก็เบิกบานราวกับดอกไม้ผลิบาน
เมื่อเซี่ยยวี่หลัวเข้ามาฮวาเหนียงก็เห็นทันที รูปโฉมงดงามไร้ที่ตินั่น เห็นครั้งเดียวก็ไม่อาจลืมได้แล้ว
ฮวาเหนียงเข้ามาทักทายอย่างสนิทสนมเรียกยวี่หลัวอย่างนั้นยวี่หลัวอย่างนี้ เหมือนจะเห็นเซี่ยยวี่หลัวเป็คนในครอบครัวอย่างไรอย่างนั้น
นางเชิญเซี่ยยวี่หลัวไปห้องด้านหลังอย่างเป็กันเองเข้าไปในห้องก็หัวเราะอย่างมีความสุข
“แม่นางยวี่หลัว เ้าไม่รู้ว่าผ้าเช็ดหน้าขายดีเสียยิ่งกว่ากระไรทำให้รายได้ของฮวาหม่านยี เพิ่มขึ้นถึงสามส่วนทีเดียว เด็กๆ จากครอบครัวที่มีฐานะมาตัดเสื้อผ้าทั้งชุดั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า ล้วน้าตัดชุดใหม่พร้อมให้ปักลวดลายที่เ้าวาด!ขณะนี้ในตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็เด็กครอบครัวใด ต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจที่มีเสื้อผ้าจากฮวาหม่านยีของข้า!”
เซี่ยยวี่หลัวไม่ใแม้แต่น้อย“ลายภาพเ่าั้น่ารักมาก เด็กๆ ชอบก็ดีแล้ว! ”
ฮวาเหนียงตื่นเต้นแต่ก็นึกรู้สึกเสียดาย“ช่างน่าเสียดาย สุดท้ายคนของข้าก็มีจำกัด ไม่เช่นนั้น หากมีคนจำนวนมาก การค้าต้องดีกว่านี้แน่”
นางแสดงสีหน้าเสียดาย
หากมีช่างปักจำนวนมาก ก็จะปักผ้าเช็ดหน้าได้มากขึ้นการค้าย่อมดีขึ้นอีก
ช่างปักหลายคนทำงานล่วงเวลาอยู่หลายวันหลายคืนก็ปักผ้าเช็ดหน้าออกมาได้ไม่กี่สิบผืน เพิ่งนำออกไปวางขาย เพียงชั่วพริบตาเดียวก็โดนคนแย่งกันซื้อจนหมดขายออกเร็วเกินไปจริงๆ
ขอเพียงมีขาย ไม่ว่าราคาเท่าไรก็จะซื้อ
เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ฮวาเหนียง ปกติที่นี่จะมีช่างปักนำผ้าเช็ดหน้าที่ปักเสร็จแล้วมาขาย ใช่หรือไม่? ”
ฮวาเหนียงพยักหน้า “ใช่ มีไม่น้อยเลย อย่างไรต่างก็ต้องหาเงินข้าจึงช่วยพวกนาง! ถือเป็การเพิ่มสภาพคล่องทางการค้าให้ร้านของข้า”
เซี่ยยวี่หลัวเสนอความคิดเห็น“เช่นนั้นเหตุใด ฮวาเหนียงจึงไม่คัดเลือกช่างปักฝีมือดี ที่ท่านเชื่อถือได้มาร่วมงานเล่า? ”
“ร่วมงานอย่างไร? ” ฮวาเหนียงเอ่ยถาม
“เลือกช่างปักฝีมือดีที่เชื่อถือได้จำนวนหนึ่งให้พวกนางนำวัตถุดิบกลับไป แล้วจึงซื้อผ้าเช็ดหน้าแต่ละผืนที่ปักเสร็จแล้วตามราคาที่กำหนด!” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
“ข้าก็เคยคิดเช่นนั้น ทว่าเวลาจะลงมือทำจริงข้ากลัวว่าเื่นี้จะไม่ง่ายถึงเพียงนั้น! วัตถุดิบของพวกเรา ล้วนแต่เป็ผ้าชั้นดีครอบครัวคนปกติไม่อาจซื้อกลับไปใช้เองได้ หากพวกนางนำกลับไป ยังไม่พูดถึงเื่ที่อาจไม่ได้คืนหากพวกนางแอบซ่อนเก็บวัตถุดิบไว้เอง แล้วของที่ทำออกมาคุณภาพไม่ดี เช่นนั้นจะทำอย่างไร? ” ฮวาเหนียงกล่าวด้วยท่าทางกังวล
“ดังนั้นท่านจึงต้องเลือกคนที่ท่านไว้ใจ!” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
“ช่างปักแต่ละคนรับผิดชอบปักเพียงหนึ่งลายเรากำหนดผ้าเช็ดหน้าที่ตัดเสร็จแล้วและปริมาณเส้นด้ายไว้ ช่างปักฝีมือดี ย่อมต้องใช้วัตถุดิบเท่ากับช่างปักในร้านเท่านั้น!เช่นนี้จะป้องกันสถานการณ์ที่พวกนางอาจเก็บเส้นด้ายและผ้าเช็ดหน้าไว้เอง! นอกจากนั้นต้องตกลงเวลาและปริมาณผ้าเช็ดหน้าที่จะส่งไว้ หากไม่ผ่านมาตรฐานที่กำหนด ไม่เพียงไม่รับซื้อคืนตรงกันข้าม พวกนางต้องชดใช้ค่าวัตถุดิบที่เสียไปด้วย! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
ฮวาเหนียงฟังไปพลางจดจำไปพลางก่อนรีบกล่าว “มีเหตุผล มีเหตุผล เหตุใดข้าไม่ทันคิดถึงวิธีที่เ้ากล่าวมา ข้าคิดแต่จะให้คนของตัวเองทำแต่หากข้าทำข้อตกลงกับช่างปักเ่าั้ ฝีมือการเย็บปักของพวกนางก็ไม่ด้อยกว่าช่างปักของข้าเลย!”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า“ฮวาเหนียง ยังมีอีกเื่หนึ่ง เมื่อครู่ตอนข้าเข้ามา เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยยังอยากได้ผ้าเช็ดหน้าท่านอย่าตอบว่าต้องรออีกหลายวันถึงจะมี เหล่าคนที่มาล้วนเป็ลูกค้า จะให้พวกเขามาอย่างมีความสุขแต่กลับไปอย่างผิดหวังไม่ได้ แม้จะไม่มีผ้าเช็ดหน้า แต่พวกเราสามารถบันทึกความ้าของพวกนางไว้รอให้มีสินค้าครบแล้ว คนที่ซื้อเยอะ ท่านให้ลูกจ้างไปส่งถึงบ้าน เช่นนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของฮวาหม่านยีทั้งยังทำให้ลูกค้าััได้ถึงประสิทธิภาพในการทำงานและความเป็กันเองจากเรา”
ฮวาเหนียงปรบมือทีหนึ่งพร้อมกล่าว “ตกลงตามนี้! เ้ามาวันนี้ช่วยข้าได้มากทีเดียว! โชคดีที่ตอนนั้นข้ารั้งเ้าไว้ไม่เช่นนั้น ข้าจะหาการค้าที่ดีขนาดนี้ได้จากที่ใดอีก! ”
“ดังนั้น นี่ก็คือพรหมลิขิต!” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
ฮวาเหนียงยิ้มเห็นฟันแทบไม่เห็นตาครั้งก่อนก็รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ดูสิ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ นางเป็เสมือนเทพเ้าแห่งโชคลาภของฮวาหม่านยีเลยทีเดียว!
โชคดีที่ตอนนั้นแบ่งกำไรหนึ่งส่วนให้หากนางไม่ยอมให้ เวลานี้ร้านที่การค้ารุ่งเรืองคงเป็ร้านอื่นแล้ว เพราะเมืองโยวหลันมีร้านขายผ้าจำนวนไม่น้อยแต่ที่มีน้อยคือลวดลายใหม่
ลวดลายแบบเก่าจะรั้งลูกค้าไว้ได้อย่างไรมีเพียงลวดลายใหม่เท่านั้นที่จะสามารถดึงดูดลูกค้าได้!
เซี่ยยวี่หลัวนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆก่อนจะเอ่ยถามเื่ที่สองที่นางอยากถามในการมาเยือนครั้งนี้