กวนฮุ่ยเอ๋อไม่อาจยอมรับได้จริงๆ !
จะทำให้โจวเฉิงเป็ฝ่ายจัดการบอกเลิกฝ่ายหญิงได้อย่างไร เธอเองก็เ็ปมากที่ลูกชายของตนกลับกลายเป็คนไร้การอบรมสั่งสอนเช่นนี้
ปู่โจวพูดถูก เธอไม่ได้รับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่ใช่แม่ที่ดี
เนื่องจากรู้สึกติดค้างโจวเฉิงเมื่อครั้งเขายังเด็ก เธอจึงรักและตามใจโจวเฉิงมาโดยตลอด โจวเฉิงไม่ได้ถูกเธอประคบประหงมจนกลายเป็คนขี้แย ไม่อ่อนแอ นั่นอาจเป็เพราะว่ากรรมพันธุ์ของตระกูลโจวและบรรยากาศภายในครอบครัวโดยรวมกำลังทำงานและผลักดันให้โจวเฉิงเป็คนเข้มแข็ง
ทว่าเธอสถาปนาตนเป็ผู้ปกครองที่มีหัวเสรี ไม่เคยแทรกแซงเื่การสร้างมิตรภาพของโจวเฉิงเลย
แต่ในตอนนี้ กวนฮุ่ยเอ๋อคิดว่าตนเองควรใช้สิทธิ์ในการเป็แม่ เลือกคู่ชีวิตที่เหมาะสมกับโจวเฉิงแทนเขา เซี่ยเสี่ยวหลานคนนั้นเก่งกาจมากก็จริง ทว่าหญิงสาวคนนี้ไม่เหมาะกับโจวเฉิงโดยสิ้นเชิง... อิทธิพลของเซี่ยเสี่ยวหลานที่มีต่อโจวเฉิงไม่ใช่เชิงบวก
อย่างน้อยก่อนหน้านี้โจวเฉิงก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับผู้หญิง
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่อยากฟังคำแก้ตัวและเหตุผล ไม่ว่าโจวเฉิงจะทำลงไปด้วยเหตุผลใด ลงมือก็คือลงมือ ผลกระทบที่เลวร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว
คำที่พ่อสามีสอนเธอ กวนฮุ่ยเอ๋อไม่มีเหตุผลใดมาหักล้างได้เลย แก้ไขความผิดของตนในตอนนี้ น่าจะยังทันเวลาใช่ไหม?
“คุณพ่อ ฉันคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะกัน!”
โจวกั๋วปินไม่พูดอะไร อันที่จริงเขาชื่นชมว่าที่ลูกสะใภ้ที่แสนยอดเยี่ยมคนนี้มาก
พ่อเฒ่าโจวก็ชื่นชมเซี่ยเสี่ยวหลานมากเช่นกัน ในอนาคตเธอคนนี้จะเป็อัจฉริยะผู้โดดเด่นอย่างแน่นอน แต่ผู้หญิงที่เก่งกล้าสามารถไม่ได้เป็ภรรยาที่ดีเลิศเสมอไป วันนั้นที่เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าบ้านมา ปู่โจวได้สนทนาแลกเปลี่ยนโดยละเอียดกับเธอ แผนการของเซี่ยเสี่ยวหลานยาวไกลมาก ทว่าภายในแผนการในอนาคตนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโจวเฉิงสักเท่าไร
เซี่ยเสี่ยวหลานดูมีความปรารถนาที่อยากพิชิตต่อโลกใบนี้และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงนี้เต็มเปี่ยม
พ่อเฒ่าโจวไม่รู้ว่าเมื่อไรเธอถึงจะหยุดฝีเท้า และยินยอมพร้อมใจแต่งงานกับโจวเฉิง ถ้าแค่เรียนจบปริญญาตรี ตระกูลโจวรอคอยได้อย่างแน่นอนแม้ว่ากู้เจิ้งชิงเขยเล็กบอกว่าปริญญาตรีสาขาสถาปัตยกรรมของหัวชิงเป็ระบบเรียนห้าปีก็ตาม! อีกห้าปีโจวเฉิงยังอายุไม่เกิน 26 ปี สร้างงานก่อนสร้างครอบครัว โจวเฉิงเองก็เป็ผู้ใหญ่เต็มตัว สามารถรับผิดชอบภาระหน้าที่ของการเป็สามีและพ่อคนได้ ต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานพูดว่าจะไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ ด้านปู่โจวก็ไม่มีปัญหา
เขาไม่เหมือนพวกคนแก่เ่าั้ ที่จะต้องเห็นเหลนก่อนถึงตายตาหลับได้ ไม่มีอะไรทำก็เร่งแต่งงานเร่งมีลูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!
พ่อแม่ที่ดีเท่านั้นถึงจะสามารถสั่งสอนลูกให้ดีได้ ถ้าชายหญิงสองฝ่ายยังไม่พร้อมเป็พ่อแม่ทั้งคู่ พอรีบร้อนมีลูกขนาดนั้น แม้แม่บ้านจะเลี้ยงดูได้ แต่แม่บ้านช่วยอบรมบ่มนิสัยได้ด้วยหรือ?
ทว่าหลังเรียนจบปริญญาโทเล่า?
เซี่ยเสี่ยวหลานยังมีภาระงานสำคัญกว่าที่ต้องฝ่าฟันหรือไม่ ตำแหน่งของโจวเฉิงที่อยู่ในใจของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ตรงไหน?
อาชีพของโจวเฉิงมีความจำเพาะมาก ไม่สามารถเดินทางตามฝ่ายหญิงได้เหมือนคนอื่นเขา ปู่โจวจึงกลัวว่าพอถึงเวลาหนึ่งโจวเฉิงจะวู่วาม คิดว่างานในหน่วยขัดขวางการรวมตัวพร้อมหน้าของเขากับภรรยา และไม่ทำงานอีกต่อไปเสียดื้อๆ—เดิมทียังเชื่อมั่นในวิจารณญาณของโจวเฉิง ทว่าเื่ที่โจวเฉิงก่อในครั้งนี้ ทำให้ปู่โจวไม่สบายใจขึ้นมาเช่นกัน
“ไม่ค่อยเหมาะกันจริงๆ นั่นแหละ เธอลองคุยกับเสี่ยวหลานแล้วกัน นิสัยของโจวเฉิงมีจุดบกพร่อง พวกเราจะเอาเื่ราวไปตำหนิฝ่ายหญิงเขาทั้งหมดไม่ได้ แต่เด็กคนนั้นมีแผนชีวิตร่วมกับโจวเฉิงหรือเปล่า เธอต้องรู้ให้ชัดเจนนะ”
กวนฮุ่ยเอ๋อพยักหน้ารับอย่างแรง
แผนการในอนาคตอะไรกัน เธอไม่กล้าจะคิดถึงอนาคตของสองคนนี้ด้วยซ้ำ
กวนฮุ่ยเอ๋อโมโหจนหัวหมุน แม้แต่ลูกชายแท้ๆ เธอยังรู้สึกว่าไม่คุ้นเคยเหมือนคนแปลกหน้า นับประสาอะไรกับลูกสาวของคนอื่น เธอดูไม่ออกแม้แต่น้อย!
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งครอบครัวขึ้นรถไฟเรียบร้อย โชคดีรักที่รถประจำมหาวิทยาลัยของหัวชิงยังเหลือเที่ยวกลับมหาวิทยาลัยอยู่ เธอจึงขึ้นรถของมหาวิทยาลัยกลับไป
เวลานี้เข้าสู่่กลางคืนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกลับถึงหอพักและพบกับเพื่อนร่วมห้องนอนคนอื่นจนได้ เธอผลักประตูเข้าไป บรรยากาศภายในห้องครึกครื้นรื่นเริง พอเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาทุกคนพากันชะงักเล็กน้อย
“เพื่อนเสี่ยวหลานกลับมาแล้ว มามามา นี่ก็คือเสี่ยวหลานที่ฉันพูดถึงเมื่อครู่ เธออยู่ห้อง 2”
หยางหย่งหงทักทายเซี่ยเสี่ยวหลานก่อน
จากนั้นก็คือการแนะนำตัวอีกรอบตามธรรมเนียม ปีนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอายุ 19 ปี เพื่อนร่วมห้องอายุมากที่สุดก็คือหยางหย่งหงผู้มีอายุ 22 ปี และผู้ที่อายุน้อยที่สุดคือลฺหวี่เยี่ยน 17 ปี ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นเป็อันดับที่หก นอกจากหยางหย่งหง คนอื่นล้วนคือนักศึกษาใหม่สาขาสถาปัตยกรรมจริงๆ ด้วย
เป็หญิงสาวอายุราว 20 ปีกันทั้งนั้น พบปะครั้งแรกก็ไม่มีความขัดแย้งใด ทุกคนกำลังคิดเกี่ยวกับการสานสัมพันธ์อันดีในหอนอน เมื่อลักษณะการสนทนาไปในทิศทางเดียวกัน ย่อมกลายเป็หนึ่งเดียวกันอย่างรวดเร็ว
พี่ห้าซูจิ้งชี้ไปยังกำแพง “พวกเรากับ 305 อยู่สาขาสถาปัตยกรรมทั้งหมด ปีนี้นักศึกษาหญิงปริญญาตรีใหม่สาขาสถาปัตยกรรมมีแค่ 15 คน ตอนพี่ใหญ่บอกว่าพวกเราเป็บุปผาทองทั้งสิบห้าของสาขาสถาปัตยกรรมฉันยังเชื่อนะ แต่พอเสี่ยวหลานกลับมา ฉันก็รู้ว่าพี่ใหญ่โกหก ในนักศึกษาใหม่ของสาขาสถาปัตยกรรมปีนี้มีดอกไม้แค่ดอกเดียวชัดๆ พวกเราคือใบเขียวที่เป็ตัวประกอบให้ดอกไม้สดต่างหาก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานยอมรับไม่ได้จริงๆ “เธออยากเป็ใบไม้เขียว ก็ต้องถามว่าคนอื่นยินดีไหมหน่อยสิ... กุหลาบหอม ลิลลี่สง่า ดอกซิ่งฮวา [1] และหลีฮวา [2] ก็เรียบง่ายน่ารัก เธอว่าอันไหนไม่งดงามกัน?”
ซูจิ้งอึ้งไปทันทีที่ได้ฟัง เซี่ยเสี่ยวหลานพูดอย่างมีเหตุผล ใครสามารถจัดอันดับแบ่งชั้นให้มวลปุบผาได้เล่า เธอพูดว่าคนอื่นเป็ใบไม้เขียวกันหมดเช่นนี้ ถ้ามีเพื่อนร่วมห้องที่อารมณ์อ่อนไหว จะไม่โกรธเคืองได้หรือ?
คนอื่นต่างพากันหัวเราะสรวลเสเฮฮา
กุหลาบ ลิลลี่ ซิ่งฮวาและหลีฮวา พวกเธอทุกคนต่างกำลังเป็ตัวแทนของพวกมันนี่นะ
ถ้อยคำของเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับการยอมรับจากทุกคน หยางหย่งหงบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอัธยาศัยดี ในที่สุดพวกเธอเหล่านี้ก็เชื่อแล้ว
หลังเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาถึงไม่นานเท่าไร อาจารย์ที่ปรึกษาก็พาคนมาตรวจห้อง เขาเป็นักศึกษาปริญญาเอกของหัวชิง ทำหน้าที่เป็อาจารย์ที่ปรึกษาของห้อง 2 ไปพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าศีรษะของอาจารย์ที่ปรึกษามีผมบางเบา เซี่ยเสี่ยวหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามอาจารย์ไต้ผู้เป็อาจารย์ที่ปรึกษาว่าเรียนสาขาอะไร
“สาขาฟิสิกส์น่ะ นักศึกษาเซี่ยมีความสนใจจะย้ายสาขารึ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้าราวกับส่ายกลองป๋องแป๋ง “ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันคิดว่าสาขาสถาปัตยกรรมดีมากแล้ว ขอบคุณที่อาจารย์ไต้ที่ห่วงใยนะคะ”
อาจารย์ไต้หัวเราะร่วนแต่ไม่พูดมาก “หวังว่าพวกเธอนักศึกษาหญิงสาขาสถาปัตยกรรมปีนี้จะยืนหยัดอดทนได้นานหน่อยล่ะ!”
เฮ้อ สาวๆ ไร้เดียงสากันเกินไปแล้ว คิดว่าแค่เรียนสาขาสถาปัตยกรรมก็ไม่ผมร่วงหรือ?
ชายหัวชิงคนใดที่อายุสามสิบขึ้นไปแล้วผมยังคงดกอยู่ได้นั้น ถ้าไม่ใช่มรดกที่ครอบครัวส่งต่อให้ ก็เป็พวกเรียนศิลปศาสตร์ สำหรับสาขาวิชาสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม พอเรียนถึงระดับปริญญาเอก แน่นอนว่าศีรษะก็เกือบล้านแล้ว! ไม่ล้าน? มาสิ งานของคุณนี่คงยังไม่หนักพอ อาจารย์จะเพิ่มภาระให้คุณอีกหน่อย!
อาจารย์ไต้มาเพื่อถ่ายทอดคำสั่ง เย็นวันพรุ่งนี้จะจัดพิธีเปิดเรียนที่สนามใหญ่ฝั่งตะวันตกของมหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทที่เข้าศึกษาปีนี้ทุกคนต้องเข้าร่วม
อาจารย์ไต้ยังตั้งใจเน้นย้ำอีกด้วย “ไม่ไปไม่ได้ล่ะ หากไม่ไปจะหักคะแนนความประพฤตินะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานร้อนรนเล็กน้อย เธอไม่ได้ยินของอย่าง ‘คะแนนความประพฤติ’ นี้มาหลายปีแล้ว อันชิ่งเซี่ยนอีจงเลี้ยงเธอแบบปล่อยตามสบาย ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานถึงต้องทำความคุ้นเคยกับชีวิตส่วนรวมใหม่อีกครั้ง
ซูจิ้งกะทุ้งลฺหวี่เยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง “อาจารย์ไต้หมายความว่าอะไรน่ะ สาขาสถาปัตยกรรมแค่ต้องวาดรูปเป็ไม่ใช่หรือไร ฉันคลั่งใคล้การวาดรูปั้แ่ม. ปลายปีหนึ่ง แต่ที่บ้านไม่อนุญาตให้ฉันเรียนศิลปะ ฉันจึงทำได้แค่มาเรียนสถาปัตยกรรมแล้ว”
เซี่ยเสี่ยวหลานตกตะลึงเพราะสุดยอดนักเรียนตัวจริงคนนี้
สาขาสถาปัตยกรรมหัวชิงเป็ตัวเลือกรองที่ดีที่สุดของคนอื่นเขาสินะ ความฝันอันดับหนึ่งคือการเรียนศิลปะ!
สถาปัตยกรรมไม่ใช่แค่วาดภาพอย่างเดียวแน่นอน เซี่ยเสี่ยวหลานพอรู้จักอยู่บ้าง ถ้าซูจิ้งเลือกสาขานี้เพราะชอบวาดภาพ ถึงเวลาเกรงว่าเธออาจร้องไห้โฮออกมา—ก็ไม่แน่ คนที่สอบเข้าหัวชิงได้ ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการเรียน เซี่ยเสี่ยวหลานคือสุดยอดนักเรียนจำแลงที่ปะปนท่ามกลางสุดยอดนักเรียนตัวจริง เธอสงสัยว่าตัวเธอเองต่างหากที่จะร้องไห้ก่อนใคร
เชิงอรรถ
[1]杏花 ซิ่งฮวา คือ ดอกแอปพริคอต
[2]梨花 หลีฮวา คือ ดอกสาลี่