เนื่องจากความเร็วที่หมีแพนด้าดูดซับอากาศเย็นจากต้นไผ่น้ำแข็งนั้นไม่ได้เร็วมาก หลัวเลี่ยจึงค่อนข้างกังวลว่าจะมีคนจากหอเซียวเหยามาช่วยเขาก่อนหรือไม่ เพราะหากมีคนมาพบเข้า เขาเกรงว่าจะถูกแย่งชิงเ้าแพนด้าไป
ไม่ใช่แค่ต้นกำเนิดที่ลึกลับของหมีแพนด้า แต่หลัวเลี่ยชอบพวกมันเพราะรูปลักษณ์ที่น่ารัก
ดังนั้นเขาจึงคอยมองที่ประตูทางเข้า
ประตูยังคงปิดอยู่
ประตูนี้สามารถป้องกันเสียงได้ดีเยี่ยม ทั้งเสียงจากภายในและเสียงจากภายนอกล้วนไม่อาจเล็ดลอดผ่านประตูบานนี้ได้ ไม่ว่าภายในจะมีเสียงดังแค่ไหน ภายนอกก็ไม่สามารถได้ยิน เช่นเดียวกับที่เสียงจากภายนอกก็ไม่สามารถทะลุเข้ามาภายใน ด้วยเหตุนี้หลัวเลี่ยจึงไม่รู้ว่าที่ภายนอกคุกกลืนอสูรเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เขาเพียงหวังว่าจะไม่มีใครเข้ามารบกวนเขาในตอนนี้
ดังนั้นสิ่งที่หลัวเลี่ย้าเห็นในตอนนี้คือประตูที่ปิดอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วเขาก็หันกลับมาทันที
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ที่นี่ก็เกิดเปลี่ยนแปลงไปมาก
ประการแรก ระดับของความเย็นลดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่หลัวเลี่ยที่ถือลูกแก้วอัคคีณานที่มีรอยแตกร้าวอยู่ก็ไม่รู้สึกถึงความเย็นแม้แต่น้อย
ประการที่สอง ต้นไผ่น้ำแข็งซึ่งหลัวเลี่ยไม่รู้ว่าชื่อจริงๆ ของมันคืออะไร หรือเป็สิ่งวิเศษประเภทใด ต้นไผ่เ่าั้ดูเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เมื่ออากาศเย็นถูกหมีแพนด้าดูดซับไป
ยิ่งไปกว่านั้น แสงเจ็ดสีที่ส่องสว่างบนดินตรงกอไผ่น้ำแข็งนั้นก็เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับว่ามันมีพลังที่น่าอัศจรรย์ไหลเวียนอยู่
และประการสุดท้าย รูปร่างของหมีแพนด้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ท้องของมันหดลงจากเดิมเกือบครึ่ง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังดูอ้วนอยู่ดี
หลัวเลี่ยสามารถััได้ผ่านแหวนปีศาจว่า เ้าแพนด้ากำลังตื่นขึ้นอย่างช้าๆ
การตื่นขึ้นนี้เป็สัญญาณว่าหมีแพนด้าได้รับการฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่แล้ว
หลิวเลี่ยรู้สึกเหลือเชื่อ ทั้งสถานการณ์นี้และที่ต้นไผ่น้ำแข็งถูกหมีแพนด้าดูดซับไอเย็นเข้าไปในร่างกายของมัน โดยที่ไอเย็นนี้ได้ชำระล้างร่างกายและสร้างร่างกายที่ไม่ธรรมดาให้กับมัน
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็มนุษย์หรือสัตว์อสูร เงื่อนไขพื้นฐานสำหรับการขึ้นเป็เทพล้วนขึ้นอยู่กับร่างกายที่แข็งแกร่งเสมอ
เวลาไหลไปราวกับสายน้ำ
กระบวนการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของหมีแพนด้านั้นไม่เร็วนัก
หลัวเลี่ยซึ่งนั่งเฝ้าดูอยู่ข้างๆ เลื่อนสายตาไปที่ต้นไผ่น้ำแข็งที่ค่อยๆ เหี่ยวเฉาลง
มีไอความเย็นไหลออกมาจากต้นไผ่น้ำแข็งแต่ละต้น มันไหลมากันเหมือนสายน้ำแล้วเข้าไปในปากของหมีแพนด้า
หลัวเลี่ยไม่สามารถละสายตาได้ หลังจากนั่งมองเพียงไม่กี่ครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นูเา ทะเล เมฆ ท้องฟ้า พระอาทิตย์ และพระจันทร์ในสายไอความเย็นเ่าั้
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้นในใจของหลัวเลี่ย
ภายในหัวของหลัวเลี่ยว่างเปล่า เขามองไปที่หมีแพนด้า แล้วนึกถึงบทกวีของหลีไป๋ในวรรคที่กล่าวถึงแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำฮวงโห และพึมพำกับตัวเอง “สายน้ำที่เชี่ยวกรากในแม่น้ำฮวงโหไหลมาจากเบื้องบน ลงสู่ทะเลมิหวนกลับ”
“สายน้ำจากแม่น้ำฮวงโหไหลมาจากเบื้องบน”
“สายน้ำ มาจากเบื้องบน”
“เบื้องบนคือ์หรือ”
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว จากตอนแรกที่ในหัวของเขาว่างเปล่า ก็กลับปรากฏภาพก่อนประวัติศาสตร์ที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้อีกครั้ง ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้าโจมตี์จนแหลกสลาย
์พังถล่มร่วงลงมาเป็สายยังพื้นดินมนุษย์ราวกับสายน้ำ
“เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านสายน้ำ!”
ทันใดนั้นหลัวเลี่ยก็เข้าใจในทันทีว่าสิ่งนั้นไม่ใช่เพียงแค่มือ แต่เป็เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนที และยังเป็การแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสายน้ำที่พัฒนาไปสู่ระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้
หลังจากที่พลังขึ้นสู่จุดที่สูงแล้ว น้ำทั้งหมดในโลกก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ดั่งหัวใจไปที่ใดสายน้ำก็ไหลไปที่นั่น
สายน้ำ?
พลังแห่งน้ำ!
ถ้าหลัวเลี่ยไม่ได้มีประสบการณ์ในพลังด้านูเามาก่อน เขาคงไม่สามารถเข้าใจได้ แล้วนับประสาอะไรกับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้
เป็เพราะหลัวเลี่ยมีประสบการณ์ในการทำความเข้าใจ และการควบคุมพลังจากเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านูเามาก่อน ดังนั้นภาพที่ปรากฏอยู่ในความคิดของเขาจึงไม่ใช่มืออีกต่อไป แต่กลายเป็แม่น้ำสายหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนพลังของน้ำ
เขาตกตะลึงกับภาพของสายน้ำที่ไหลทะลุเข้าไปใน์ที่กำลังแตกสลาย และดูเหมือนว่าเขาจะถูกดึงดูดให้ยืนอยู่ภายในสายน้ำนั้น
ความปั่นป่วนของน้ำ ความสงบของน้ำ การเปลี่ยนแปลงของน้ำ ความนุ่มนวลของน้ำ ทุกอย่างล้วนเข้ามาภายในร่างกายของเขา
น้ำยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าดั่งมหาสมุทรและ์
น้ำสามารถสะท้อนดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว และความลับต่างๆ บนโลกใบนี้
ไม่ใช่เพียงแค่ความอดทนและความยิ่งใหญ่
ยิ่งหลัวเลี่ยคิดถึงเื่นี้วนๆ ซ้ำๆ ความเข้าใจของเขาก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น
ดวงตาของเขาราวกับว่ามีสายน้ำไหลวนอยู่ด้านใน มันสะท้อนทุกสิ่งบนโลก ข้างหลังเขามีเสียงน้ำไหลแ่เบาดังอยู่ แล้วพลังบริสุทธิ์ภายในรัศมีสามสิบจั้งก็มารวมกันก่อตัวเป็สายน้ำด้านหลัง
เขาเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีแล้ว!
หากผู้คนในภพจิตัรู้ว่า ‘มีัอยู่ในเป้า’ จริงๆ แล้วเข้าใจถึงพลังของน้ำด้วย และยังอยู่ในระดับที่สามารถทำให้น้ำก่อตัวเป็รูปร่างได้แล้ว คงจะเกิดความวุ่นวายอย่างมาก และคงสั่นะเืไปถึงเหล่าเทพเป็แน่
เพราะั้แ่สมัยโบราณมา ในดินแดนเหยียนหวงแห่งนี้ไม่เคยมีใครที่สามารถเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินพร้อมกันสองประเภทได้ในเวลาเดียวกันเลย
แม้แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทำไม่ได้
ตามตำนานที่เล่ากันมา มีเทพผู้หนึ่งใช้เวลาหลายพันปีในการทำความเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินประเภทที่สอง ด้วยความเป็เทพทำให้มีความเข้าใจในเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินที่ดีมาก เขาสามารถรับรู้ถึงเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินประเภทที่สองได้ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะมองออกหรือล่วงรู้ถึงลึกลับของมัน แต่เขาก็ไม่สามารถฝึกฝนมันจนสำเร็จได้
ั้แ่นั้นเป็ต้นมา ก็มีคำกล่าวที่ว่า คนคนหนึ่งจะเชี่ยวชาญเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้เพียงประเภทเดียวเท่านั้น
คำบอกกล่าวที่ส่งต่อกันมาเช่นนี้ ผ่านมานานจนไม่สามารถบอกได้ว่ากำเนิดมาั้แ่เมื่อไร และถือเป็ความรู้พื้นฐานที่ทราบโดยทั่วกัน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ทว่าในตอนนี้หลัวเลี่ยกำลังทำลายความเชื่อนี้
ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับพลังของน้ำแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสายน้ำที่ไหลข้างหลังเขาก็ใสขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน นอกจากนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้สะท้อนท้องฟ้าและพื้นดินอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็น้ำสีเหลืองของแม่น้ำฮวงโหที่ไหลเชี่ยว
เมื่อระดับความเข้าใจของเขาลึกลงไปอีก สายน้ำที่อยู่ข้างหลังเขาก็เปลี่ยนเป็สีเหลืองและตกลงมาจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับบทกวีที่กล่าวว่า ‘สายน้ำที่เชี่ยวกรากในแม่น้ำฮวงโหไหลมาจากเบื้องบน ลงสู่ทะเลมิหวนกลับ’
ประโยคที่สง่างามและน่าเกรงขามบรรยายถึงน้ำในแม่น้ำฮวงโหได้อย่างชัดเจน เมื่อเป็เช่นนี้จึงทำให้หลัวเลี่ยเป็บุคคลแรกที่มีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินสองประเภทในดินแดนแห่งนี้
“ฟู่...”
หลัวเลี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาเข้าใจพลังของสายน้ำอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากพลังของูเา แต่สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองประเภท คือล้วนมีความลึกลับที่ไม่เหมือนใคร
หลัวเลี่ยหลับตาลงอีกครั้ง เขาทบทวนความรู้สึกถึงพลังของน้ำอีกครั้งอย่างมีความสุข
นอกจากนี้เขายังได้พิสูจน์ว่า ประโยคที่กล่าวว่า คนคนหนึ่งสามารถเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้เพียงหนึ่งประเภท ซึ่งถือว่าเป็ประโยคพื้นฐานที่กล่าวไว้ในหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินที่เขาได้อ่าน ถ้าเป็คนอื่นก็อาจจะยอมแพ้ แม้ว่าจะเริ่มเข้าใจบางอย่างแล้วก็ตาม เพราะคนคนนั้นเชื่อว่ามันเป็ไปไม่ได้ที่จะมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเพิ่มได้อีก
แต่หลัวเลี่ยแตกต่างออกไป
เขาเชื่อมั่นว่าสิ่งลึกลับของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะนำเวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาให้เขา
ดังนั้นเขาจึงยืนหยัด
และผลลัพธ์คือเขาได้รับพลังจากน้ำ
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จะนำปาฏิหาริย์มาให้ข้าอีกกี่เื่กันนะ”
หลัวเลี่ยมีความคาดหวังมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ต้นไผ่น้ำแข็งได้เหี่ยวเฉาลงหมดแล้ว และแสงเจ็ดสีที่พื้นดินก็ไหลมากันตรงกลางรากของต้นไผ่ที่เหี่ยวเฉาดั่งสายน้ำไหลมารวมกัน
ประกายแสงเจ็ดสีที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั้งหมดไหลมารวมตัวกัน
หลังจากนั้นแสงพร่างพรายก็สว่างวาบขึ้น
ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่หลัวเลี่ยจะลืมตาขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้หลัวเลี่ยก็อดทึ่งไม่ได้
ดินเจ็ดสีเ่าั้หายไป รากของต้นไผ่น้ำแข็งก็หายไป กลายเป็ต้นไผ่เจ็ดสีเข้ามาแทนที่
หลังจากนั้นไม่นาน ต้นไผ่ที่มีสีสันก็ซีดจางลงอีกครั้ง จางลงจนในที่สุดมันก็ไม่แตกต่างจากต้นไผ่ทั่วไป แต่หลัวเลี่ยรู้ว่ามันไม่ใช่ต้นไผ่ธรรมดา รูปลักษณ์ต้นไผ่ธรรมดาถูกใช้เพื่อปกปิดความพิเศษภายใน
ในที่สุดเ้าหมีแพนด้าก็ลืมตาและลุกขึ้นนั่ง แต่ด้วยร่างกายที่กลมเหมือนลูกบอล ทำให้การลุกขึ้นนั่งเป็ไปอย่างยากลำบาก หลัวเลี่ยยิ้มและพูดว่า “คราวหน้ากินให้น้อยลงหน่อยเถอะ”
โดยไม่คาดคิด เ้าหมีแพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็ก “เ้ารู้จักข้าไหม ข้าคือปั้นเทียนฉื่อ! ข้าคือของขวัญจาก์”
“แล้วเื่นี้เกี่ยวกับปริมาณการกินของท่านอย่างไรหรือ” หลัวเลี่ยรู้ว่าสัตว์อสูรที่มีพลังสูงสามารถพูดภาษาของมนุษย์ได้ั้แ่แรกเกิด เขาจึงไม่แปลกใจนัก
“เ้าโง่ ข้าชื่อปั้นเทียนฉื่อ อักษรปั้นหมายถึงครึ่ง ครึ่งหนึ่งของ์ (เทียน) ย่อมหมายถึงดวงจันทร์ อักษรปั้น (ครึ่ง) รวมกับเยว่ (ดวงจันทร์) เมื่อรวมกันก็กลายเป็อักษรพั่ง (อ้วน)” แพนด้าปั้นเทียนลูบท้องที่แน่นจนแทบหายใจไม่ออก “เป้าหมายของข้าคือการกินให้เยอะ”
หลัวเลี่ยกลอกตา “แพนด้าน้อยปั้น ข้าขอแนะนำให้เ้าเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตให้สดใสกว่านี้จะดีกว่า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้