เช้าวันรุ่งขึ้น หวาชิงเสวี่ยลืมตาขึ้นมา
นางยันตัวขึ้นมาครึ่งหนึ่งตามความเคยชิน แล้วเหลือบมองไปยังฝั่งตรงข้ามของเตียงเตา
ฟู่ถิงเย่ไม่อยู่จริงๆ ด้วย
บุรุษผู้นี้ตื่นเช้ามากทุกวันจริงๆ ทุกครั้งที่หวาชิงเสวี่ยตื่นขึ้นก็ไม่เคยเห็นเขาอยู่บนเตียงเตาเลย
คิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล คนเป็ทหารก็คงแบบนี้แหละ ตื่นแต่เช้ามาฝึกซ้อมอะไรทำนองนั้น...
หวาชิงเสวี่ยทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง หลับตาลงด้วยความงัวเงีย เตรียมจะงีบหลับต่อ
แต่พอนอนไปได้สักพักก็รู้สึกปวดหน่วงๆ บริเวณท้องน้อย...
นางขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วพลิกตัว กุมท้องตัวเองไว้เพราะไม่สบายตัวเล็กน้อย
ความเ็ปหน่วงๆ เป็ๆ หายๆ ทำให้นางตื่นเต็มตา ไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไป
หวาชิงเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า หยิบกาน้ำชาขึ้นมาเตรียมรินชาอุ่นๆ ดื่มสักหน่อยเพื่อบรรเทาอาการปวดท้อง แต่กลับพบว่าชาในกาน้ำเย็นชืดไปหมดแล้ว เพราะตั้งทิ้งไว้ทั้งคืน
ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องไปก่อไฟต้มน้ำใหม่ในครัว
แต่พอทำทุกอย่างเสร็จ ยังไม่ทันได้ดื่มชาอุ่นๆ นางก็ปวดจนเหงื่อแตกพลั่ก! อีกทั้งข้างล่าง ยังมีของเหลวเหนียวๆ ไหลออกมา...
หวาชิงเสวี่ยรู้ทันทีว่าแย่แล้ว รีบกลับไปที่ห้องเพื่อตรวจสอบ และก็เป็อย่างที่คิดจริงด้วย รอบเดือนมาแล้ว!
มาเป็รอบเดือนในที่แบบนี้ ช่างไม่ใช่เวลาเอาเสียเลย!
หวาชิงเสวี่ยร้องโอดครวญในใจ!
นางจะไปหาผ้าอนามัยจากที่ไหน?!
จากความทรงจำของนาง และข้อมูลที่ได้รับรู้มา สิ่งของอย่างผ้าอนามัย เป็สิ่งที่แทบจะหาซื้อไม่ได้ในสมัยโบราณ เพราะถือว่าเป็ของใช้ส่วนตัวที่สตรีต้องทำเองทั้งหมด! วิธีที่นิยมกันทั่วไปคือทำเป็ถุงผ้าทรงยาวๆ แล้วเติมขี้เถ้าหรือถ่านจากไม้ใส่เข้าไปข้างใน
ถุงผ้าใส่ถ่านไม้ ก่อนหน้านี้นางทำไว้หลายอัน เพื่อเอาไว้ใช้ให้ความอบอุ่นในผ้าห่ม โดยการนำเถ้าถ่านร้อนๆ มาบดให้ละเอียดแล้วเย็บใส่ไว้ในผ้าห่ม เพียงแต่ผ้าห่มผืนนั้นอยู่ที่บ้านหลังเก่า
รวมทั้งเข็มกับด้าย และเศษผ้าบางส่วน ก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด
หวาชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
โชคยังดีที่ตอนนี้รอบเดือนเพิ่งมา ปริมาณจึงยังไม่มาก...
หากรีบไปที่นั่น แล้วเอาของกลับมา ก็น่าจะทันเวลา
นางนึกขึ้นได้ว่าบ้านหลังนั้นเป็บ้านที่เช่ามา ถ้าอย่างนั้นวันนี้ไปยกเลิกสัญญาเช่าเสียเลย ไม่แน่บางทีอาจจะได้เงินค่าเช่ากลับคืนมาบ้าง...
หวาชิงเสวี่ยคิดได้เช่นนั้น จึงรินชาอุ่นๆ ดื่มไปสองสามถ้วย พอร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว อาการปวดท้องก็บรรเทาลงบ้าง นางจึงเดินไปยังที่บ้านที่เคยอาศัยอยู่กับหลี่จิ่งหนานก่อนหน้านี้
อากาศยังคงหนาวเย็นเหมือนเดิม หลังจากที่รอบเดือนมาก็ยิ่งรู้สึกไวต่อความหนาวมากขึ้น นางหดคอเดินกลับไปยังที่อยู่เดิม เปิดประตูแล้วเข้าไป
ไม่ได้อยู่แค่ไม่กี่วัน บริเวณลานเรือนก็ดูรกร้างและทรุดโทรม บนพื้นก็มีแต่ความไม่เป็ระเบียบ
หากเ้าของบ้านเห็นเข้า คงจะบ่นแน่ๆ ...
หวาชิงเสวี่ยส่ายหน้าอย่างปลงๆ ตอนนี้ยังไม่มีเวลามาสนใจเื่ความสกปรกหรือความไม่เป็ระเบียบ นางเข้าไปในบ้านเพื่อหาถุงใส่อุปกรณ์เย็บผ้า จากนั้นลงมือแกะผ้าห่มออก เมื่อหยิบถุงเถ้าถ่านออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
ถุงเถ้าถ่านมากมายขนาดนี้ เพียงพอให้นางใช้ไปได้สักพักแล้ว
ต่อไปก็กวาดทำความสะอาดลานเรือนให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นค่อยไปหาเ้าของบ้านเพื่อคืนบ้าน...
ว่าแล้วก็ลงมือทำ หวาชิงเสวี่ยเดินไปที่ลาน หยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มลงมือกวาด
พอกวาดไปได้ไม่กี่ครั้ง ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินเข้ามาที่ลานเรือน
เมื่อหวาชิงเสวี่ยเห็นหน้าคนที่มาถึง ก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ทำไมเป็เขาอีกแล้ว?!
ดวงตาของนางคงจะสื่อความหมายได้ ฉีเหลียนเชิงเห็นท่าทางตกตะลึงของนางก็หัวเราะออกมาทันที “ทำไม? ไม่อยากเห็นข้าหรือ? เดี๋ยวนี้แปลกจริงๆ มีคนที่ไม่อยากได้เงินด้วย”
เขาพูดพลางหยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ โยนขึ้นไปในอากาศ แล้วก็รับไว้อีกที
หวาชิงเสวี่ยกะพริบตา มองเขาด้วยท่าทีงุนงง
ฉีเหลียนเชิงถอนหายใจ “จิ๊จิ๊ เ้าโง่หรืออย่างไร? เมื่อวานส่งเสื้อผ้าเสร็จ ยังไม่ได้เอาค่าจ้างไป นี่เป็ค่าตอบแทนของเ้า จะไม่เอาหรือ?”
แน่นอนว่าหวาชิงเสวี่ยรู้ว่า ครั้งที่แล้วเป็แค่เงินมัดจำ หลังจากซักเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะมีค่าตอบแทนให้อีกต่างหาก เพียงแต่ทหารเหลียวมักจะออกคำสั่งโดยไม่ถามความเห็น นางจึงไม่ได้ใส่ใจ แค่หวังว่าจะไม่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองก็พอใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าฉีเหลียนเชิงจะยังจำได้ว่าต้องนำเงินมาส่งให้นาง...
พูดตามตรง ถึงแม้ว่าบุรุษผู้นี้จะดูเ้าเล่ห์ และพยายามจะล้วงความลับจากนางหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลย ดีกว่าทหารเหลียวที่ชอบใช้กำลังปล้นชิงตามท้องถนนมากนัก...
นางถือไม้กวาด เกล้าผมที่รุงรังไปด้านหลัง แล้วรับเงินจากมือฉีเหลียนเชิงด้วยความประหม่า “...ขอบพระคุณท่านนายกองพันเ้าค่ะ”
“ข้ามาหลายครั้งแล้ว แต่เ้าดูเหมือนจะไม่อยู่บ้านเลย” ฉีเหลียนเชิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ลานเรือน แล้วพูดอย่างไม่รีบร้อน “เดิมทีข้าคิดว่าหากไม่เจอเ้าอีก เงินก้อนนี้ก็คงจะเป็ของข้าแล้ว”
หวาชิงเสวี่ยก้มหน้าแล้วตอบเสียงเบา “รบกวนท่านนายกองพันต้องมาเองแล้วเ้าค่ะ ครั้งก่อน...ข้าออกไปตามหาน้องสาว จึงไม่ได้อยู่บ้านเ้าค่ะ”
“เจอหรือยัง?” เขายิ้มเ้าเล่ห์อย่างเคย ดูเหมือนไม่ใส่ใจ...แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนพอใจอยู่เล็กน้อย
หวาชิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก ส่ายหน้าไปมา
“ข้าว่าเ้าคงหาไม่เจอแล้วล่ะ อย่าหาต่อเลย เสียแรงเปล่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเ็า หันหลังเดินไปที่ประตู หยิบห่อผ้าขนาดใหญ่จากข้างนอกโยนเข้ามาในลานเรือนอย่างง่ายดาย
หวาชิงเสวี่ยมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่นางจะได้ถาม ฉีเหลียนเชิงก็พูดขึ้นว่า “เ้าซักผ้าได้ดี ผู้บังคับบัญชาพอใจมาก พวกนี้เป็เสื้อผ้าของเหล่าขุนนางชั้นสูง ซักให้ดี ต้องซักให้สะอาด! ในนี้ถ้าไม่ใช่เสื้อผ้าของนายกองพัน ก็เป็ของตูซือ [1] จื่อฮุยเชียนซื่อ [2] และของรองผู้บัญชาการที่เป็ผู้รักษาความปลอดภัย ซักเสร็จแล้วจะมีค่าตอบแทนมาให้เ้าไม่ขาด”
การซักผ้าให้คนเหล่านี้ เงินทองไหลมาเทมาแน่นอน แต่ก็อันตรายเหมือนกับการเดินบนเส้นลวดข้ามหน้าผา หากทหารเหลียวไม่พอใจขึ้นมาเมื่อใด ก็อาจจะตัดหัวนางได้ทุกเมื่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่เงิน...
หวาชิงเสวี่ยไม่อยากรับงานนี้ แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า จึงพูดเสียงเบาอย่างนอบน้อม “ไม่ทราบว่าเป็คราบอะไรบ้างเ้าคะ? คราบบางอย่าง...หากทิ้งไว้นานเกินไป ข้า...ข้าก็ซักไม่ออกเ้าค่ะ...”
“ซักไม่ออกหรือ?” ฉีเหลียนเชิงขมวดคิ้ว แสดงท่าทีไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นเ้าเปิดดูเองสิ อันไหนซักไม่ออกก็บอกข้า ข้าจะได้กลับไปรายงานผู้บังคับบัญชา”
หวาชิงเสวี่ยก้มหน้าและเปิดมัดห่อผ้า เผยให้เห็นเสื้อผ้าที่อยู่ข้างใน
นางตรวจดูคร่าวๆ มีประมาณสิบกว่าตัว ก็โล่งใจขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็ตรวจสอบคราบสกปรกบนเสื้อผ้าเหล่านี้อย่างละเอียด
ฉีเหลียนเชิงกลับมีท่าทีใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ รออยู่ข้างๆ อย่างอดทน
หวาชิงเสวี่ยตรวจดูทั้งหมดเสร็จแล้ว ก็หยิบเสื้อผ้าออกมาสองสามตัว พูดกับฉีเหลียนเชิงด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้...คราบพวกนี้ซักไม่ออกเ้าค่ะ สามารถซักให้สีจางลงได้ แต่ไม่สามารถขจัดออกไปได้ทั้งหมด...”
ฉีเหลียนเชิงเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ พูดอย่างไม่แยแส “ซักให้สีจางลงได้ก็พอแล้ว อย่างไรก็มองไม่ค่อยเห็น”
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เมื่อครู่ใครกันที่บอกให้นางซักให้ดี ต้องซักให้สะอาด?
หวาชิงเสวี่ยก็ไม่กล้าพูดอะไรกับเขา หยิบเสื้อผ้าออกมาอีกตัวหนึ่งแล้วพูดกับเขาว่า “เสื้อนวมใยฝ้ายตัวนี้ข้าดูอย่างละเอียดแล้ว สะอาดมาก ไม่ต้องซักเ้าค่ะ”
ฉีเหลียนเชิงมองนางเหมือนมองคนโง่ “เ้าตาบอดหรืออย่างไร? มองไม่ออกหรือไงว่าเสื้อนวมใยฝ้ายตัวนี้เป็ของใหม่ แถมยังเป็ของสตรีอีก?”
หวาชิงเสวี่ยอึ้งไปชั่วขณะ มองไปยังเสื้อนวมใยฝ้ายในมืออีกครั้ง...
เป็ของสตรีจริงๆ ...สีเรียบ ทั้งยังไม่มีลวดลายใดๆ นางจึงมองไม่ออกในตอนแรก
เมื่อลองััดู หนามาก อืม...ดูเหมือนจะใช้ใยฝ้ายชั้นดี
แต่ทำไมถึงเอาเสื้อนวมใยฝ้ายของสตรีไว้ในนี้ด้วยล่ะ?
หรือว่าเป็คนในครอบครัวของขุนนางเ่าั้?
ฉีเหลียนเชิงไม่คาดหวังว่าสมองทึบๆ ของนางจะเดาคำตอบที่ดีอะไรออกมาได้ จึงพูดตรงๆ ว่า “เสื้อตัวนี้ยกให้เ้า!”
ดวงตาของหวาชิงเสวี่ยเบิกกว้างด้วยความใ!
อยู่ๆ ทำไมถึงให้เสื้อนวมใยฝ้ายกับนางล่ะ?!
“มือของเ้าทั้งสองข้าง แค่ทายาจะช่วยได้หรือ? ต่อให้ดีขึ้นแล้ว พอโดนความเย็นเข้าหน่อยเดี๋ยวก็กลับมาเป็ซ้ำ! ให้เสื้อผ้าเ้าไปใส่ จะได้อุ่นขึ้นหน่อย ยาของข้าจะได้ไม่เสียไปเปล่าๆ” ฉีเหลียนเชิงพูดอย่างหงุดหงิด เหลือบมองนางด้วยสายตาฉายแววไม่พอใจ แล้วพูดต่อ “ทุกครั้งที่เห็นเ้า ก็ใส่เสื้อผ้าสีหม่นขาดๆ ตลอด เป็สตรีแท้ๆ ไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างหรืออย่างไร? โชคดีที่ตอนนี้เป็ฤดูหนาว ถ้าเป็ฤดูร้อน เ้าคงจะมีเหาขึ้นเต็มตัวแล้ว!”
หวาชิงเสวี่ยหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดของเขา!
กล้าดีอย่างไรมาว่านางไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า? ...ยังมาบอกว่าตัวนางจะมีเหาขึ้นอีก? ...
ขอร้องล่ะ! นางเปลี่ยนทุกๆ วันเลยนะ! เพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าข้างในเท่านั้น ส่วนตัวนอกนี่...
เอาเถอะ มันสภาพแย่ไปหน่อยก็จริง แต่นางตั้งใจ! ตอนนี้ในเมืองวุ่นวายขนาดนี้ นางจะกล้าแต่งตัวสวยๆ ได้อย่างไร? ต้องทำตัวเองให้ดูโทรมๆ หน่อย เพื่อไม่ให้เป็ที่สนใจของทหารเหลียวสิ!
แต่นางพูดเื่นี้ไม่ได้ จึงทำได้แต่กัดริมฝีปากยอมรับ...
“ข้าจะรีบซักเสื้อผ้าให้เสร็จเ้าค่ะ” หวาชิงเสวี่ยกล่าว
“ซักเสร็จไม่ต้องส่งมาแล้ว อีกสองวันข้าจะส่งคนมารับ” ฉีเหลียนเชิงคว้าห่อผ้าขนาดใหญ่บนพื้น แล้วเดินเข้าไปในบ้าน “ข้าจะเอาไปไว้ในบ้านให้เอง เ้าช้าเป็เต่า...”
หวาชิงเสวี่ยใ รีบวิ่งไปขวางเขาไว้!
หากฉีเหลียนเชิงเข้าไปในบ้าน เขาจะต้องรู้แน่ๆ ว่าไม่ได้มีคนอยู่ในบ้านนี้มาหลายวันแล้ว!
“ไม่ต้องเ้าค่ะ! ข้า...ข้าทำเองเ้าค่ะ!” หวาชิงเสวี่ยรีบแย่งห่อผ้าจากมือเขา สายตาเหลือบไปเห็นตุ่มเืขนาดใหญ่สีช้ำเขียวบนมือของฉีเหลียนเชิง ก็ถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง “มือของท่าน...”
ฉีเหลียนเชิงหดมือกลับ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “อ้อ ก็แค่พวกขยะมันอิจฉาที่ข้าได้เลื่อนตำแหน่งเร็วเกินไป เลยแอบทำร้ายข้าข้างหลัง แต่ข้าหลบทัน แล้วพวกมันก็ทำไม่สำเร็จ”
หวาชิงเสวี่ยเห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่มีตุ่มเืที่หลังมือ บริเวณฝ่ามือก็าเ็สาหัสเช่นกัน คงเป็เพราะปกติเขาต้องจับอาวุธ ตุ่มเืที่ฝ่ามือจึงแตกออก เป็แผลตกสะเก็ดหนาๆ อีกทั้งยังมีเืและหนองไหลซึมออกมา
พอเห็นชัดๆ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บมือของตนขึ้นมาบ้าง...
“ท่านต้องไปหาหมอนะเ้าคะ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอักเสบขึ้นมาจะทำอย่างไร?” หวาชิงเสวี่ยรู้สึกไม่อาจทนดูต่อไปได้อีก
“อักเสบหรือ?” ฉีเหลียนเชิงเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจความหมายของคำนี้ จึงพูดโดยไม่แยแส “แผลแค่นี้ต้องไปหาหมอด้วยหรือ? คงได้ขายหน้าแย่! ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปจะต้องถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเป็แน่!”
โอ้โห คนผู้นี้ยังจะกลัวเสียหน้าอยู่อีก...
หวาชิงเสวี่ยแอบเหน็บแนมในใจ แต่เห็นว่าฉีเหลียนเชิงช่วยเหลือนางมาหลายครั้ง ก็อยากจะตอบแทนบ้าง จึงบอกว่า “แผลของท่านเป็หนองแล้ว จะปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้นะเ้าคะ ไม่เช่นนั้นต่อไปจะยิ่งแย่ลง ท่านกลับไปผสมไข่ขาวกับน้ำมันงา จากนั้นเอาไปทาลงบนแผล จำไว้ว่าต้องเจาะตุ่มเืออกก่อนค่อยทา จะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้ ถ้าไม่มีน้ำมันงา ก็ใช้น้ำผึ้งสุกแทนก็ได้...”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกฉีเหลียนเชิงขัดจังหวะด้วยท่าทางไม่พอใจ “เ้าพูดออกมากตั้งมากมาย ใครจะจำได้! น่ารำคาญชะมัด เหตุใดเ้าไม่กลับไปกับข้าเสียเลยล่ะ!”
————————————————————————————————————
[1]ตูซือ(都司)ตำแหน่งทางการทหาร มีหน้าที่ควบคุมทหารและรักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองหรือพื้นที่ชายแดนที่การป้องกันเป็สิ่งสำคัญ
[2]จื่อฮุยเชียนซื่อ(指挥佥事)ตำแหน่งทางทหาร มีหน้าที่ช่วยดูแลการบังคับบัญชาทางทหาร แม้ไม่ได้มีอำนาจสูงเท่าแม่ทัพใหญ่ แต่เป็ผู้ช่วยในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ภายในหน่วยทหาร