ไม่นานนัก ลู่ซินให้คนเข้ามาส่งอาหารกลางวัน ในนั้นยังมีของทานเล่น ผลไม้ ปลา โจ๊ก และอาหารอีกหลายชนิด
ดวงตาของเทียนซีเปล่งประกายทันทีที่เห็นของน่าทานวางอยู่เบื้องหน้า เขาถูกบังคับให้ทานอาหารสุนัขมาหลายวัน บางครั้งยังต้องทานสิ่งที่แย่เสียยิ่งกว่าอาหารสุนัขเสียอีก
แต่เด็กชายยังคงมองฮวาชีเยว่อย่างระมัดระวัง คล้ายรอให้นางออกคำสั่ง
ฮวาชีเยว่ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน “ลูกทานเถอะ แม่ให้เ้าทาน อย่าได้กังวลไปนักเลย...เ้าต้องทานช้าๆ นะ เข้าใจหรือไม่?”
เทียนซียินดีนัก เขาเพิ่งรู้จักฮวาชีเยว่ได้ไม่นาน แต่ความอ่อนโยนในดวงตานางทำให้เขารู้สึกปลอดภัย จากนั้น เขาก็เริ่มพุ้ยข้าวเข้าปาก
ใจของฮวาชีเยว่บีบรัดยามมองเขา ทั้งลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็อดมิได้ให้เช็ดน้ำตา
สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้สำหรับเทียนซีคือการรักษาคอ แน่นอนว่าเทียนพี่แห่งโลกลึกลับผู้นั้นย่อมต้องทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ฮวาชีเยว่มองใบหน้าเทียนซีที่เต็มไปด้วยร่องรอยาเ็ รู้สึกว่าหัวใจนางบีบรัดอย่างเ็ป ความเกลียดชังในดวงใจนางเติบโตขึ้น มากมายเสียจนราวกับมีความมืดจมเข้าสู่ใจนาง หนาหนักเสียจนไม่อาจลบล้าง
เทียนซีเพิ่งจะมาถึง แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็คุ้นเคยกับฮวาชีเยว่แล้ว เขาทานข้าวจนอิ่ม จากนั้นเขาก็ทำตัวเป็เด็กดี ใช้ใบหน้าถูไถแขนนาง ดังที่ลูกชายคนนี้มักทำเสมอในอดีต
ฮวาชีเยว่มองดวงตาใสกระจ่างของบุตรชาย รู้สึกปวดใจขึ้นมา “เทียนซี เ้าไปเล่นกับพี่ลู่ซินก่อน ข้า้าเวลาพักสักหน่อยได้หรือไม่?”
เทียนซีพยักหน้า ดวงตาคู่นั้นสั่นระริกอย่างสับสนและหวาดกลัว
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็สนุกไปกับการเล่นซ่อนหากับลู่ซินที่นอกเรือน
ฮวาชีเยว่เอนกายลงบนเตียงพร้อมกำน้ำเต้าหยกแน่น จากนั้นนางก็เข้าสู่โลกรกร้าง
เทียนพี่นั่งเอื่อยเฉื่อยอยู่บนพื้น หลังเอนพิงหินก้อนใหญ่ เขามองนาง รอยยิ้มบางเบาแ่ไหวอยู่บนริมฝีปาก
“ศิษย์ข้าเฉลียวฉลาดนัก ทันทีที่ปรากฏตัวก็สั่งสอนบทเรียนให้คนพวกนั้นแล้ว จุ๊ๆ!”
ฮวาชีเยว่ยิ้มแล้วพูด “ขอบคุณสำหรับคำชมเ้าค่ะ วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องท่าน…”
“เื่บุตรบุญธรรมคนนั้นของเ้าใช่หรือไม่? ชิ ข้าไม่เข้าใจเอาเสียเลย เ้าเป็บุตรคนโตของตระกูลใหญ่ เหตุใดจึงต้องเพียรพยายามช่วยเ้าคนพิการ…”
“อาจารย์ ช่วยเคารพกันมากกว่านี้หน่อยเถอะเ้าค่ะ! เขามิใช่คนนอก เด็กคนนี้คือลูกข้า” ฮวาชีเยว่ขัดอย่างเ็า เทียนพี่อึ้งงัน มิคาดนางจะกล้าเอ่ยขัดเขา
ฮวาชีเยว่โค้งกายปลูกต้นหลงแดงลงบนดิน มองเมล็ดพันธุ์งอกเงยเติบใหญ่อย่างรวดเร็ว
โลกใบนี้คือมนต์วิเศษโดยแท้ ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เมล็ดพันธุ์ก็เบ่งบานเป็ดอกไม้ ความเร็วในการเติบโตรวดเร็วกว่าโลกภายนอกมากนัก
“อาจารย์ นี่เป็เื่เดียวที่ข้าจะขอร้องท่าน หากท่านทำให้เทียนซีพูดได้อีกครั้ง ไม่ว่าเท่าใดข้าก็พร้อมจ่าย”
ฮวาชีเยว่เอ่ยอย่างนุ่มนวล แสงแดงแห่งความแห้งแล้งพาดผ่านใบหน้า ทำให้ดวงตาดำคู่นั้นเจือประกายสีแดง สายตานางนุ่มนวล คิ้วนางราวกิ่งหลิว เทียนพี่อดมิได้ให้ขมวดคิ้วยามเห็นนางค้อมกายก้มหัวเช่นนั้น
“ชิ หากข้าให้เ้ามอบกายแก่ข้าเล่า?” เทียนพี่หัวเราะร้าย
“ได้” คำตอบของนางเรียบง่ายมั่นคง
มุมปากเขากระตุก เขายกมือขึ้นแตะหน้าผากอย่างยอมแพ้ “ก็ได้ ก็ได้ ข้ายอมแพ้! อย่างไรเ้าก็เป็ศิษย์ข้า ทว่าข้าไม่ใช่หมอ ข้าจะรักษาบุตรชายเ้าได้อย่างไร? ทว่าข้ายังคงมอบเมล็ดพันธุ์สมุนไพรให้เ้าได้ พวกนี้เป็เมล็ดพันธุ์ที่ข้าเก็บเอาไว้มานานกว่าพันปีแล้ว! ฮึ่ม!”
ฮวาชีเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “อาจารย์ ท่านรักษาคอเขาไม่ได้หรือ?”
“ข้าไม่ใช่หมอ ที่นี่เองก็ไม่มีหม้อปรุงยา เด็กน้อย เ้าไม่ทราบหรือว่าจุดแข็งข้าคือวิชาลมปราณและการอัญเชิญคนตาย? จุดแข็งข้าไม่เกี่ยวข้องกับฝีมือการรักษา”
เทียนพี่กล่าวอย่างหงุดหงิดขณะส่งถุงเมล็ดพันธุ์ให้นาง
ฮวาชีเยว่รับถุงมาแล้วกล่าว “ขอบคุณท่านอาจารย์เ้าค่ะ”
นางไม่เสียเวลาพูดคุยอีก ทว่านั่งโคจรลมปราณดังที่เทียนพี่เคยแสดงให้นางดูเมื่อหลายคืนก่อน
เทียนพี่นั่งศึกษานางอย่างเงียบงัน
เขาอยู่ในน้ำเต้าหยกมาห้าร้อยปี ทั้งยังมีชีวิตยืนยาวเสียจนไม่แน่ใจว่าตนเองอายุมากเพียงใดแล้ว
ยามฮวาชีเยว่สวมน้ำเต้าหยก เขาพยายามสุดความสามารถเพื่อให้นางรู้สึกถึงเขา ทว่าฮวาชีเยว่คนเดิมนั้นขี้ขลาดตาขาว ทั้งยังเป็คนไร้ประโยชน์
ดังนั้นเขาจึงแปลกใจที่เห็นนางนั่งอยู่ตรงนี้ โคจรลมปราณ เขาอดมิได้ให้ปรบมือยามเห็นวงแสงสีฟ้าอ่อนปรากฏอยู่บนศีรษะนางไม่เลือนหาย
“เ้าขจัดอาการเส้นลมปราณติดขัดได้ กลายเป็อัจฉริยะ ฮวาชีเยว่ ข้าใช้เวลาหลายเดือนจึงจะดูดซับพลังเข้าสู่ระดับตั้งต้นได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าเ้ากลับทำได้เท่าเทียมกันในเวลาไม่กี่คืนเท่านั้น ดียิ่ง! ข้าคงเจอศิษย์อัจฉริยะเข้าแล้ว!” เทียนพี่หัวเราะยินดี ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเปล่งประกาย
ฮวาชีเยว่มองอาจารย์ผู้มีนิสัยต่ำช้าของตนอย่างสงสัย "เหตุใดบุรุษที่หล่อเหลาเช่นเขาจึงมาติดอยู่ในที่แบบนี้ได้เล่า?"