เ้าเมืองอวี๋ไม่ยินดีเท่าใดนัก
เฉิงชิง้าจะกล่าวว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นางสร้างขึ้น อดกลั้นหันไปดูความหุนหันของชุยเยี่ยน สูดลมหายใจแล้วประสานมือไปยังเ้าเมืองอวี๋
“ศิษย์ย่อมทำทุกวิถีทาง ไม่ให้ผิดต่อคำสั่งสอนของท่านเ้าเมืองขอรับ”
ความผิดนี้ให้นางแบกรับไว้เถิด
พบความยากลำบากท่วมท้นจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางยังพอมีส่วนรับผิดชอบอยู่บ้าง
“ดี ข้าได้รับความเห็นชอบจากราชบัณฑิตเสิ่นมาแล้ว อนุญาตให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ยามตรวจข้อสอบก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างยุติธรรม หากเขาเป็ผู้ที่มีความสามารถด้านการเล่าเรียนจริง เมื่อสอบผ่านระดับอำเภอแล้วก็สามารถเข้าร่วมการสอบระดับเมืองและระดับสำนักศึกษาได้ คุณวุฒิที่เขาควรได้ก็จะได้ไม่ติดค้างเขา แต่หากสุดท้ายราชสำนักตัดสินว่าเฉิงจือหย่วนมีความผิด ข้าก็จะถอดถอนคุณวุฒิที่เฉิงชิงมีอยู่!”
บุตรชายของขุนนางต้องโทษมิอาจเข้าร่วมการสอบเข้ารับราชการ
ที่เฉิงชิง้าที่จะเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในปีนี้เพราะคิดจะใช้ช่องโหว่นี้ใช่หรือไม่ เกรงว่าหลังจากหนังสือตัดสินจากราชสำนักมาแล้ว จะไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมสอบ?
แต่ในจดหมายฉบับนั้น ทั้งจากปากของนายอำเภอหลี่และเ้าสถานศึกษาเฉิง เ้าเมืองอวี๋ก็ได้รับการรับรองว่าหากตัดสินว่าเฉิงจือหย่วนมีความผิด สามารถถอดถอนคุณวุฒิที่เฉิงชิงได้รับมาได้ทันที
เ้าเมืองอวี๋เองก็คร้านที่จะสนใจแล้ว แม้เขาจะเป็เ้าเมืองขั้นสี่ แต่ก็ไม่สามารถไปแข่งกับทุกคนได้
ฉวยโอกาสนี้จัดการอย่างตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงที่จะถูกคนนอกคาดเดาไปเรื่อยเปื่อยว่า การที่เขาขัดขวางเฉิงชิงให้เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ เป็การใช้อำนาจส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว!
ชุยเยี่ยนนำหน้าร้องะโดัง กล่าวว่าเ้าเมืองอวี๋คือขุนนางซื่อสัตย์ เหล่าศิษย์ของห้องเรียนตัวอักษรติงก็ะโเช่นกัน ชาวบ้านที่รายล้อมอยู่ต่างก็พากันะโตาม
เ้าเมืองอวี๋รอให้คลื่นเสียงสงบแล้วจึงเอ่ยสำทับ
“เฉิงชิงสามารถเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ไม่ได้แสดงว่าทั้งครอบครัวของเขาสามารถออกมาได้อย่างอิสระ นอกเหนือจากยามสอบที่สามารถออกพ้นประตูบ้านได้ ยามอื่นก็ยังไม่อาจเดินไปไหนมาไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต จนกว่าจะถึงตอนประกาศหนังสือตัดสินของราชสำนัก”
หมายความว่านางสามารถออกไปสอบได้ ส่วนพวกนางหลิ่วยังคงถูกกักบริเวณ?
เฉิงชิงขมวดคิ้ว บุตรสาวคนโตชิงตอบต่อหน้านาง
“ใต้เท้าอวี๋ช่างปราดเปรื่อง ข้าน้อยไม่มีข้อโต้แย้งเ้าค่ะ!”
นางหลิ่วอ้าปากกว้างแต่ก็ไม่ได้กล่าวถ้อยคำโต้แย้งอะไร
นี่คือโอกาสสุดท้ายของนางหลิ่วที่จะชิงเปิดโปงความลับสตรีปลอมแปลงเป็บุรุษของเฉิงชิงต่อหน้าเ้าเมืองหลิ่วและฝูงชน เฉิงชิงยังไม่ได้ไปที่ว่าการอำเภอเพื่อลงชื่อสอบระดับอำเภอ ทั้งหมดยังยับยั้งได้ทัน จะได้ไม่ต้องทำเื่ผิดพลาดที่ใหญ่โตไปมากกว่านี้… แต่เฉิงชิงเคยทำอะไรมาบ้าง นางครุ่นคิดเพื่อคนทั้งครอบครัว ้า่ชิงคุณวุฒิ ผู้เป็มารดาไม่อาจช่วยเหลือได้ ยังจะเปิดโปงนางต่อหน้าฝูงชนอีกหรือ?
เมื่อได้รับเสียงสนับสนุนของสหายร่วมเรียน เฉิงชิงก็มีชีวิตชีวาขึ้นทันตา
ผู้ที่กระทำความผิดไม่ใช่เฉิงชิง เป็นางหลิ่วและเฉิงจือหย่วนที่้าจะเลี้ยงบุตรสาวให้เติบใหญ่ในฐานะบุตรชาย ทว่าไม่อนุญาตให้เฉิงชิงไป่ชิงอนาคตเฉกเช่นเด็กหนุ่มคนอื่น นี่ช่างย้อนแย้งเกินไปแล้ว
นางหลิ่วพยักหน้า “ข้าน้อยก็ไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งหมดยึดตามที่ใต้เท้าอวี๋ตัดสินใจเ้าค่ะ”
เฉิงชิงกลับรู้สึกปวดใจแทนมารดาและพี่สาว แต่ก็รู้ว่ายามนี้ต้องเลือก นางต้องสอบให้ได้คุณวุฒิให้ได้เสียก่อน ความเป็อยู่ของที่บ้านจึงจะดีขึ้น
ส่วนเฉิงจือหย่วนจะสามารถปลดเปลื้องความผิดได้หรือไม่ การที่เ้าเมืองอวี๋ยอมปล่อยให้นางไปสอบทำให้เฉิงชิงรู้สึกว่าการตรวจสอบของมือปราบหลิวแห่งศาลต้าหลี่สิ้นสุดแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็ประโยชน์ต่อครอบครัวของนาง… นางกล้าคาดเดาคำยืนยันอย่างระมัดระวัง เฉิงชิงชนะเดิมพันเล็กๆ ครั้งนี้แล้ว
ศิษย์ของห้องเรียนตัวอักษรติงตื่นเต้นเป็อย่างมาก ในขณะเดียวกัน เกี้ยวขุนนางของนายอำเภอหลี่ก็เข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า
“ในเมื่อมีผู้ร่วมสอบที่สามารถรับรองครบแล้ว ไม่สู้วันนี้ไปลงชื่อที่ห้องพิธีการในที่ว่าการอำเภอเสียเลย”
เฉิงชิงเองก็รู้สึกไม่มั่นคง หากวันนี้ลงชื่อได้เป็ดีที่สุด
ทั้งสองข้างซ้ายขวาล้วนมีเ้าพนักงานยืนขนาบข้าง เฉิงชิงถูกล้อมไว้ตรงกลาง มุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอ
กรอกข้อมูลพื้นเพของบิดามารดาของตน พร้อมทั้งมีสหายร่วมเรียนห้องเรียนติงเก้าสี่คนมายืนยันให้แล้ว เฉิงชิงยังขาดบัณฑิตหลิ่นเซิงในอำเภอของตนมา ‘ลงลายมือรับรอง’ เพื่อรับรองให้นาง
บัณฑิตหลิ่นเซิงก็คือบัณฑิตที่มีคุณวุฒิซิ่วไฉ แต่ไม่ใช่ว่าบัณฑิตซิ่วไฉทุกคนจะสามารถถูกเรียกขานว่าบัณฑิตหลิ่นเซิงได้ หลังจากการสอบระดับสำนักศึกษาทุกครั้ง หนึ่งอำเภอจะสามารถมีบัณฑิตหลิ่นเซิงใหม่ได้เพียงสิบคน และไม่ใช่ตำแหน่งที่ประจำไปโดยตลอด หลังจากเป็บัณฑิตหลิ่นเซิงแล้ว ทุกปีก็ต้องเข้าร่วมการสอบ ผู้ที่ไม่ผ่านก็จะถูกเปลี่ยนให้เป็บัณฑิตซิ่วไฉปกติ
การเป็บัณฑิตหลิ่นเซิงไม่เพียงมีชื่อเสียงน่าฟัง แต่ยังได้รับผลประโยชน์ด้วย ทุกเดือนบัณฑิตหลิ่นเซิงจะได้รับข้าวสารหกโต่ว[1]ที่ราชสำนักมอบให้——ถึงสหายร่วมเรียนห้องเรียนตัวอักษรติงจะยินยอมยืนยันให้ แต่พวกเขาก็ล้วนตัวเปล่าเช่นเดียวกับเฉิงชิง ศิษย์ของห้องตัวอักษรปิ่งก็ไม่ได้ อย่างน้อยต้องเป็ห้องเรียนตัวอักษรอี่!
ชุยเยี่ยนหัวเราะแฮ่ๆ ในใจคิดว่าตนเองได้เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว
อำเภอหนานอี๋หาบัณฑิตหลิ่นเซิงสักคนไม่ยาก แต่เป็เื่ที่ต้องใช้เงินเล็กน้อย ทุกปีในการสอบระดับอำเภอ เหล่าบัณฑิตหลิ่นเซิงล้วนพึ่งพาการช่วยรับรองให้ผู้คนผ่านเงินก้อนหนึ่ง
เขายังไม่เอ่ยอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากในกลุ่มคน
“ศิษย์เฉิงกุย สอบผ่านเป็บัณฑิตซิ่วไฉในรัชศกเฉิงผิงปีที่ห้า ยินยอมที่จะรับรองให้ผู้เข้าสอบเฉิงชิง!”
เป็เฉิงกุยนั่นเอง!
เฉิงกุยสอบผ่านเป็บัณฑิตซิ่วไฉในปีก่อนหน้า และมีสถานะเป็บัณฑิตหลิ่นเซิง
ผู้ที่มาดูความครึกครื้นเยอะเกินไป จึงไม่ทันได้สนใจว่าเฉิงกุยก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย
ชุยเยี่ยนรู้สึกว่าต่อหน้าทำเป็ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้ายไม่หวังดี ทว่าเฉิงชิงกลับรับความหวังดีของเฉิงกุยอย่างยินดี
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณญาติผู้พี่แล้ว!”
นางคร้านจะไปสืบเสาะว่าเฉิงกุยมีเจตนาใดจึงมารับรองให้นาง ต่อหน้าพวกนายอำเภอหลี่ หากนางปฏิเสธก็จะกลายเป็คนพาล เป้าหมายแรกของนางในวันนี้ก็คือการลงชื่ออย่างราบรื่น!
เฉิงกุยก็ไม่ได้กล่าวอะไร รับรองเสร็จก็เดินจากไป ไม่ได้ถือโอกาสแสดงละครความรักใคร่กลมเกลียวระหว่างพี่น้องต่อหน้าพวกนายอำเภอหลี่
จนถึงยามนี้ เฉิงชิงก็มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอแล้ว
เ้าเมืองอวี๋สั่งให้เ้าหน้าที่คุมตัวเฉิงชิงกลับตรอกหยางหลิ่ว
“วันที่แปดเดือนสอง เ้าสามารถออกมายังสนามสอบแรกของการสอบระดับอำเภอ!”
หมายถึงอีกสิบวันต่อจากนี้!
การสอบระดับอำเภอจำต้องสอบห้าสนามติดต่อกัน
สนามสอบแรกก็คือวันที่แปดเดือนสอง ซึ่งเป็การสอบที่สำคัญที่สุด
นางมีถ้อยคำมากมายอยากจะถามชุยเยี่ยน แต่ท่ามกลางสายตาจับจ้องของฝูงชนจึงหาโอกาสไม่ได้ ได้แต่เพียงแลกเปลี่ยนสายตากับชุยเยี่ยน จากนั้นถูกพากลับไปกักขังที่ตรอกหยางหลิ่วใหม่
ชุยเยี่ยนเองก็ไม่กล้าโผล่ตัวออกมา เขารู้สึกราวกับว่าสายตาของเ้าเมืองอวี๋ตกมาที่ตัวเขา
ย่อมต้องเป็ครั้งที่ส่งตำราให้เฉิงชิงครั้งนั้น จึงถูกเ้าเมืองอวี๋จดจำได้แล้วเป็แน่
เฮ้อ ในเมื่อรูปร่างเป็เช่นนี้ คิดจะไม่เป็จุดสนใจก็ไม่ได้ อย่าบอกนะว่าจะต้องลดน้ำหนักจริงๆ ?
ได้ยินมาว่ายามสอบหน้าพระที่นั่ง โอรส์ไม่เพียงเลือกคนจากการเขียน ยังเลือกจากหน้าตามาจัดอันดับด้วย
ยังไม่ต้องพูดถึงบัณฑิตเจี้ยหยวนกับบัณฑิตปั๋งเหยี่ยนก่อน เหมือนว่าบัณฑิตหนุ่มทั่นฮวาต้องเลือกมาจากบัณฑิตจวี่เหรินหนุ่มที่หน้าตาดี คนที่มีรูปร่างเช่นเขาย่อมพ่ายแพ้ไป
ชุยเยี่ยนลอบโบกมืออำลาเฉิงชิง
เขาไม่ใช่คนพื้นที่อำเภอหนานอี๋ การสอบระดับอำเภอต้องกลับไปเข้าร่วมที่บ้านเกิด โชคดีที่นั่งเรือจากหนานอี๋กลับไปใช้เวลาเพียงสองวัน เร่งเดินทางวันนี้เขาก็ยังลงชื่อได้ทัน
เมื่อสอบระดับอำเภอทั้งห้าสนามเสร็จสิ้นก็เข้าเดือนสามแล้ว
เดือนสี่ยังมีการสอบระดับเมืองอีก
อย่างน้อยเขาและเฉิงชิงจะสามารถได้พบกันอีกครั้งหลังการสอบระดับเมือง
เมื่อผ่านการสอบระดับอำเภอและระดับเมือง พวกเขาก็สามารถถูกเรียกขานได้ว่า ‘บัณฑิตถงเซิง’ เมื่อกลับไปยังสถานศึกษา ก็จะได้เลื่อนขึ้นจากห้องเรียนตัวอักษรติง ขึ้นไปอยู่ห้องตัวอักษรปิ่ง
อวี๋ซานก็เป็บัณฑิตถงเซิง
โชคดีที่ไอ้สารเลวนั่นถูกพักการเรียน กลับบ้านไปสำนึกตนแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกับอวี๋ซาน
ั้แ่ครอบครัวเฉิงชิงกลับมายังหนานอี๋ ก็เป็การโยนก้อนหินเย็นก้อนหนึ่งลงในกระทะน้ำมัน ก้อนหินไม่อาจถูกทอด บางครั้งก็จะเกิดฟองไขมันใหม่ลอยขึ้นมา ถึงอย่างไรราษฎรของหนานอี๋ก็ได้ดูเื่สนุกของตระกูลเฉิงหลายเื่แล้ว ครอบครัวนางก็นับว่าช่วยเติมเต็มชีวิตยามว่างของฝูงชนชาวหนานอี๋ เพิ่มหัวข้อในการสนทนาให้แก่เหล่าฝูงชนมากมาย
เฉิงชิงถูกเ้าหน้าที่ส่งกลับไปยังตรอกหยางหลิ่ว พวกเ้าเมืองอวี๋และนายอำเภอหลี่ก็ล้วนจากไปแล้ว ประชาชนชาวหนานอี๋ที่ชมความครึกครื้นก็แยกย้ายกันไปอย่างไม่เต็มใจ
เื่ของวันนี้เพียงพอให้ทุกคนไปพูดคุยกันได้หลายวันแล้ว บัดนี้สิ่งที่ทุกคนติดตามไม่ใช่เื่ที่เฉิงจือหย่วนมีความผิดจริงหรือไม่ แต่เป็เื่ที่เฉิงชิงจะสามารถผ่านการสอบระดับอำเภอ ระดับเมือง และเข้าร่วมการสอบระดับสำนักศึกษา ฝ่าฟันอุปสรรคจนสอบผ่านได้วุฒิ ‘ซิ่วไฉ’ อย่างราบรื่นหรือไม่!
หลังจากมีคุณวุฒิแล้ว เฉิงชิงจะยังสามารถรักษาคุณวุฒิได้หรือไม่?
——ถึงอย่างไรใต้เท้าเ้าเมืองอวี๋ก็ได้กล่าวไว้ั้แ่ต้น หากเฉิงจือหย่วนมีความผิด คุณวุฒิที่เฉิงชิงสอบได้ก็จะถูกถอดถอนจนหมด!
[1] โต่ว คือหน่วยวัดข้าวสารของจีนโบราณ 1 โต่วเท่ากับ 6.25 กิโลกรัมโดยประมาณ
