โลกที่อยู่ภายใต้เนินทรายนั้น ควรจะเป็อย่างไร?
มันควรที่จะเต็มไปด้วยเม็ดทรายที่ไม่รู้จักหมดสิ้นหรือว่ามืดมิดเสียจนเมื่อยื่นมือออกไปก็ไม่สามารถมองเห็นนิ้วมือทั้งห้าของตัวเองได้ตัวคนถูกทับแน่นเอาไว้เสียจนไร้ซึ่งหนทางจะหายใจภายในชั่ววินาทีก็ขาดอากาศหายใจตายไป? ...ความจริงแล้วเมื่อพูดขึ้นมามันกลับดูเหมือนเขาวงกตเสียมากกว่า อุโมงค์ทั้งหลายซ้อนทับสลับกันที่นี่มีทางแยกออกไปมากกว่าร้อยทาง บ้างก็กว้างใหญ่ บ้างก็แคบเล็กบ้างก็มีทางไปต่อ บ้างก็เป็ทางตัน
ในบริเวณทางแยกแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเปิดออกกว้างกำแพงทั้งสี่ทิศของมันประกายแสงจุดเล็กๆ ขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าด้านในของก้อนหินเ่าั้ มีอะไรที่สามารถส่องแสงได้อยู่ภายใต้แสงไฟสลัว หญิงสาวที่นอนอยู่ที่พื้นค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
หลินลั่วหรานรู้สึกราวกับว่ากระดูกทั่วทั้งตัวของเธอแตกหักออกจากกัน
เธอใช้มือข้างเดียวในการพยุงตัวให้นั่งขึ้นเพียงการขยับเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เธอเ็ปขึ้นมาจนคิดไปถึงเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซากปรักหักพังเ่าั้พังทลายลงพื้นดินทรายที่พวกเขายืนอยู่ใต้เท้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นราวกับน้ำไหลทั้งคนและเศษหินต่างก็ไหลเข้ามาในทรายดูดแห่งนี้ มันมีพลังที่มากกว่า ‘พายุหมุนะเิ’ ของเธอเสียอีกพวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ก็ถูกลากให้เข้ามาในนี้ ก่อนที่จะหมดสติไป
ส่วนเื่ความเ็ปที่เกิดขึ้นบริเวณแผ่นหลังน่าจะเป็เพราะว่าถูกก้ามใหญ่ของาาแมงป่องกระแทกเอา เมื่อนึกถึงาาแมงป่องขึ้นมาได้เธอก็รีบมองไปยังรอบตัว ที่แห่งนี้ดูราวกับเป็อุโมงค์ที่มีผงสีทองกระจายเปล่งประกายไปทั่วแต่กลับไม่ได้เห็นร่างของพวกเหวินกวนจิ่งเลยแม้แต่น้อยดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสี่จะตกลงไปในสถานที่ที่แตกต่างกัน
หลินลั่วหรานอดใจเอาไว้ เธอไม่ได้รีบออกไปตามหาพวกเขาในทันที เธอโยน ‘ยาฟื้นฟู’ เข้าปากทั้งสองมือของเธอกำก้อนหยกเอาไว้แน่น เพื่อเติมพลังเข้าไปในร่าง เธอใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ยาจะเริ่มออกฤทธิ์เธอรู้สึกว่าอวัยวะภายในของเธอไม่ได้เ็ปราวกับจะแตกสลายแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งมวลพลังในร่างก็ถูกเติมเต็มกลับมาไม่น้อยเหมือนกันเธอจึงลุกยืนขึ้น
สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเธอ คือทางแยกกว่าเจ็ดถึงแปดเส้นทางมันมีความสูงเหนือส่วนสูงของคนขึ้นไปไม่ถึงสองฟุต บ้างก็แคบ บ้างก็กว้างทำให้เธอไม่รู้ว่าควรจะเลือกไปทางไหน
แต่ว่าทำไมทางแยกทางนี้ถึงได้มีกลิ่นอายเืจางๆ ส่งออกมากันนะ? เป็ไปได้ไหมว่าอาจจะมีคนได้รับาเ็อยู่ด้านใน...ตอนแรกหลินลั่วหรานก็รู้สึกดีใจขึ้นมาก่อนเธอจะพบว่าจิตความคิดของตัวเองนั้นมีระยะความกว้างเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น เธอจึงไม่สามารถที่จะตรวจสอบเข้าไปยังส่วนลึกของอุโมงค์ที่ส่งกลิ่นเืออกมาได้หรือว่าเธอจะไม่ได้ร่วงหล่นลงมาภายใต้ซากปรักหักพังเ่าั้แต่เป็การเข้าลึกลงมาในส่วนลึกของทะเลทรายต่างหาก?
หลินลั่วหรานคาดเดาขึ้นมาเธอจับดาบเจาเจี้ยนเอาไว้ในมือเพื่อที่จะเตรียมพร้อมต่อสู้อยู่ตลอดเวลา
เธอค่อยๆ เดินออกไปด้านหน้าด้วยความระมัดระวังในอุโมงค์นั้นบ้างก็กว้างบ้างก็แคบ และแม้ว่าจะมีแสงไฟเล็กๆแต่นอกจากเสียงน้ำหยดลงที่บ่อน้ำจนเป็เกิดเป็เสียงสะท้อนที่ดูเงียบเชียบขึ้นมาแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีเสียงใดๆถือได้ว่าเป็การวัดความกล้าของคนได้ดีทีเดียว
เมื่อหลินลั่วหรานเดินออกไปด้านหน้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตรในที่สุดเธอก็สามารถเห็นสิ่งที่ส่งกลิ่นคาวเืออกมาได้ที่แท้มันก็คือาาแมงป่องที่ตกลงมาพร้อมกันกับพวกเธอมันนอนนิ่งอยู่ที่กลางอุโมงค์ ร่างของมันขวางอยู่ทั่วตัวอุโมงค์เสียจนไม่มีทางให้เล็ดลอดออกไปได้
แน่นอนว่าแมงป่องตัวใหญ่นี้ตายสนิทแล้ว หลินลั่วหรานได้กลิ่นเืแต่เป็เพราะว่ามีฝูงหนูที่มีขนาดใหญ่กว่าแมวเล็กน้อยกำลังกัดกินร่างของาาแมงป่องอยู่หลินลั่วหรานรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคร้ายเสียเหลือเกิน ในขณะที่เธอกำลังจะถอยหลังกลับเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้
เธอจำได้ว่าตอนที่เธอใช้ดาบเจาเจี้ยนตวัดลงไปยังเปลือกนอกของาาแมงป่องมันก็มีเพียงรอยเล็กๆ เกิดขึ้นมาเท่านั้น ถ้าแบบนั้นก็หมายความว่านี่เป็สิ่งที่มีความแข็งแรงชนิดหนึ่งเลยทีเดียว...ทั้งตัวของมันมีความยาวกว่าเจ็ดถึงแปดเมตรถ้าหากว่านำเปลือกนอกของมันมาทำเป็เกราะป้องกันตัวดูเหมือนว่าจะสามารถทำให้คนในตระกูลหลินได้ทุกคนอย่างเพียงพอ!ดวงตาของหลินลั่วหรานเป็ประกายขึ้นมา นี่ก็นับได้ว่าเป็ความรู้สึกดีใจจริงๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้
เมื่อเห็นว่าฝูงหนูนั้นยังคงลอบมองมาที่ตัวเองอย่างระแวดระวังหลินลั่วหรานจึงไม่ได้ทำอะไร และนั่งพักอยู่บริเวณใกล้ๆเธอไม่ได้คิดจะแย่งอาหารอะไรกับพวกหนูเ่าั้อยู่แล้ว สำหรับเธอมันถือเป็การลดงานของตัวเองไปได้ด้วยซ้ำ!
สุดท้ายมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่หลินลั่วหรานคาดเอาไว้ในตอนที่เธอกำลังนั่งถือโอกาสฟื้นฟูพลังอยู่นั้น ภายในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเหล่าฝูงหนูก็ใช้กรงเล็บและฟันหน้าที่แหลมคมของพวกมันในการกัดกินเนื้อในของแมงป่องั์เข้าไปจนเหลือเพียงแค่เปลือกนอกอันใหญ่ั์เท่านั้นเมื่อมันเห็นว่าพวกมันไม่สามารถจะกัดกินต่อไปได้ พวกมันจึงละทิ้งเปลือกนอกเอาไว้แค่นั้น
แต่ว่าเ้าหนูพวกนั้นยังคงไม่พอใจพวกมันทิ้งเปลือกนอกของแมงป่องเอาไว้ที่เดิมก่อนจะเลือกที่จะโจมตีเข้ามาที่หลินลั่วหรานแทนแน่นอนว่ารุ่นพี่หลินนั้นไม่ใช่าาแมงป่องที่ตายสงบนิ่งไปแล้วเธอใช้ลูกไฟในการโจมตีเผาไหม้พวกมัน ก่อนที่พวกมันแตกกระจายไปทั่วทุกทิศไม่นานนักพวกมันก็หายไปในอุโมงค์ที่สลับทับซ้อนแห่งนี้
หลังจากนั้นหลินลั่วหรานก็นำเปลือกนอกของแมงป่องเข้าไปในพื้นที่ลึกลับของเธอด้วยความยากลำบาก เธอวางมันเอาไว้ภายใต้ต้นไม้มันกินพื้นที่ไปในบริเวณกว้างเลยทีเดียว แต่ว่าสิ่งที่หลินลั่วหรานได้รับกลับมานั้นนอกจากเปลือกนอกของแมงป่องที่สมบูรณ์แล้วก็ยังมีกระบอกพิษบริเวณส่วนหางที่พวกหนูนั้นเหลือทิ้งเอาไว้ด้วยของสิ่งนี้หลินลั่วหรานไม่กล้าจะวางทิ้งขว้างไปโดยไม่คิดเธอจึงนำกล่องหยกมาใช้เก็บมันเอาไว้ ก่อนที่จะเดินทางต่อไป
ทางแยกนั้นดูไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากเธอจึงได้แต่เดินตามอุโมงค์ตรงหน้าต่อไปปิ่นปักผมฟีนิกซ์ในมือของหลินลั่วหรานเปล่งประกายแสงสีฟ้าสะดุดตาออกมาถ้าหากว่าทางด้านหน้ามีอะไรที่ผิดปกติเธอก็สามารถที่จะใช้ดาบเจาเจี้ยนขึ้นมาโจมตีได้ในทันที
เสียงของหยดน้ำที่ดังขึ้นนั้น ไม่ใช่เสียงสะท้อนอุโมงค์แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะเดินต่อไปได้ โดยไม่มีจุดสิ้นสุดตอนแรกนั้นหลินลั่วหรานยังไม่สามารถััได้ถึงความผิดปกติอะไรจนกระทั่งเธอเดินผ่านมาที่ทางเดิมเป็รอบที่สาม ในที่สุดเธอก็พบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ที่อุโมงค์เดิม
เขาวงกตเหรอ? หลินลั่วหรานมองไปยังซากหนูที่ถูกเผาไหม้ที่นี่คือที่ที่เธอเก็บเปลือกแมงป่องเอาไว้ และเผาไหม้พวกหนูพวกนั้นไม่แปลกเลยว่าทำไมเดินมานานขนาดนี้ แต่ยังไม่พบอุโมงค์ใหม่ที่แท้เธอก็เดินวนอยู่ที่เดิมซ้ำๆ มาตลอด
ตลอดการเดินทาง เธอไม่ได้ปล่อยวางเลยแม้แต่น้อยเธอคอยใช้จิตความคิดของตัวเองในการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้เพียงแค่จำกัดขอบเขตจิตความคิดของพวกเธอแต่ยังทำให้มันสับสนและวุ่นวายอีกด้วย...เขาวงกตทั่วไปนั้นก็สามารถลวงหลอกได้เพียงการมองเห็นของคนทั่วไปหรือว่าอุโมงค์แห่งนี้เดิมทีแล้วก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะรับมือกับเหล่านักปราชญ์อยู่แล้ว?
หลินลั่วหรานปล่อยวางจิตความคิดไป ก่อนที่จะใช้เพียงดวงตาในการมองทิศทางแล้วเดินตามอุโมงค์แห่งนี้ต่อไปเรื่อยๆปรากฏว่าหลังจากที่เธอเดินมาได้ครึ่งชั่วโมง เธอก็ไม่พบร่องรอยของเส้นทางก่อนหน้าอีกดูเหมือนว่าเธอจะเดินมาถึงอุโมงค์อื่นแล้วเรียบร้อย
ในอุโมงค์ที่เปิดออกกว้างและดูลึกยาวลงไปมีเพียงเสียงน้ำและเสียงฝีเท้าอันแ่เบาของหลินลั่วหรานเท่านั้นถ้าหากว่าไม่มีจิตใจที่เข้มแข็งมั่นคงมากพอ การที่เดินอยู่ในสถานที่ที่มีเพียงแสงสลัวๆและไม่รู้ถึงวันเวลาแบบนี้ ก็อาจจะทำให้คนค่อยๆ บ้าคลั่งขึ้นมาได้
หลินลั่วหรานเดินอยู่ใต้ดินแบบนี้มาสองวันแล้ว ในสภาวะแบบนี้นาฬิกาได้หยุดเดินไปนานแล้วแต่ว่าเธอก็อาศัยดูเวลาจากการสุกงอมของเหล่าผักผลไม้ในพื้นที่ลึกลับของเธอ
ในสองวันที่ผ่านมา นอกจากเธอจะได้พบเหล่าหนูใต้ดินอยู่บ้างหรือจะเป็มดแมลงที่ตัวใหญ่เสียจนน่าใ เธอก็ไม่ได้พบกับอันตรายใดๆ อีกเธอไม่รู้ว่าบริเวณใต้ดินแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากแค่ไหนเธอจึงได้แต่สงสัยว่าทะเลทรายซาฮาร่านั้นไม่เคยถูกสำรวจเลยหรืออย่างไร? ทำไมสถานที่แบบนี้ถึงยังไม่เคยถูกค้นพบอีก...นิ้วมือของหลินลั่วหรานขยับสั่นไหวเบาๆไข่มุกบนปิ่นปักผมฟีนิกซ์ประกายเงาของเรือนร่างหนึ่งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานหยุดฝีเท้าลง มันก็รีบหลบเข้าไปในอุโมงค์
ริมฝีปากของหลินลั่วหรานยกรอยยิ้มขึ้นมา เ้าตัวน้อยนั่นเดินตามเธอมาเกือบจะทั้งวันแล้วตอนนี้น่าจะต้องปรากฏตัวออกมาได้แล้วนะ
ในใจของเธอคิดขึ้น ก่อนที่ตัวของเธอจะหายไป ไข่มุกลอยอยู่ในอากาศสักพักก่อนที่จะตกลงมายังบริเวณพื้น มันถูกฝุ่นคลุกเสียจนดูไม่สะดุดตา
ผ่านไปสักพักเ้าตัวขนฟูก็ยื่นหัวของมันออกมาจากบริเวณมุมของอุโมงค์ราวกับว่าจะมั่นใจแล้วว่าไม่มีอันตรายใดๆ สุดท้ายมันจึงะโและวิ่งออกมาเมื่อมันเห็นว่าหลินลั่วหรานหายไปจากที่นี่แล้ว มันก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรแต่กลับขยับจมูกขึ้นเพื่อตามหากลิ่นของเธอ แต่เมื่อยังไม่สามารถที่จะกำหนดได้ว่าตัวของหลินลั่วหรานเดินไปที่ทางแยกไหนมันก็เริ่มที่จะร้อนใจขึ้นมา
มันะโวิ่งไปมาที่บริเวณที่เดิมที่หลินลั่วหรานหายไปในอากาศนั้นยังคงหลงเหลือกลิ่นอายของหลินลั่วหรานอยู่ กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ แบบนี้มันไม่ได้ได้กลิ่นผิดไปแน่ แต่ว่าตัวคนหายไปไหนเสียแล้วล่ะ?
เ้าตัวน้อยกดปากแหลมของมันลง ก่อนจะพบไข่มุกที่นอนนิ่งสงบอยู่ที่พื้นมันใช้อุ้งมือหยิบไข่มุกขึ้นมา มองดูแล้วดูน่าอร่อยทีเดียวในระหว่างที่มันกำลังจะโยนไข่มุกเข้าไปในปาก ร่างของหลินลั่วหรานก็ปรากฏขึ้นไข่มุกนั้นลอยสูงขึ้น พร้อมกับมือทั้งสองของเธอจับที่คอของมันเอาไว้
เ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องอู้อี้ขึ้นมา หลินลั่วหรานยกตัวของมันขึ้นมอง “ที่แท้ก็เป็จิ้งจอกนี่เอง?”
มันดิ้นไปมาอยู่ในมือของเธอ แถมยังเป็จิ้งจอกสีเขียวอีกต่างหากแม้ว่าขนของมันจะเป็สีเขียวแบบที่ไม่ได้พบเห็นได้ง่ายๆและต่างออกไปจากจิ้งจอกทั่วไปแต่ว่าหลินลั่วหรานก็มั่นใจว่ามันจะต้องเป็จิ้งจอกไม่ผิดแน่
ที่แท้สิ่งที่ตามเธอมาตลอดทั้งวัน ก็คือเ้าตัวเล็กนี่เอง!
แต่ว่าใครจะสามารถบอกเธอได้บ้างว่า ในอุโมงค์ใต้ทะเลทรายแห่งนี้ทำไมถึงมีจิ้งจอกอาศัยอยู่ได้? หลินลั่วหรานคิดไปถึงตัวของเธอเองหนูที่มีขนาดใหญ่เท่ากับแมว อีกทั้งยังพวกมดที่มีขนาดใหญ่เท่ากับไข่ไก่ทั้งยังมีแมงป่องตัวยาวกว่าเจ็ดถึงแปดเมตรนั่นอีกที่นี่คือทะเลทรายซาฮาร่าในแอฟริกา และไม่ใช่สถานที่อย่างสถานที่ลึกลับเสียหน่อยทำไมถึงได้มีแต่อะไรที่ดูผิดไปจากปกติอยู่เต็มไปหมด?
แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังมีจิ้งจอกเพิ่มมาอีกตัวจิ้งจอกตัวหนึ่งสามารถทำอะไรได้บ้าง ดูจากร่างที่ผอมเสียจนเหลือตัวเท่านี้ แม้ว่าหลินลั่วหรานจะกลั้นใจทำร้ายมันลงก็คงจะได้เนื้อมาไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัมด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะปล่อยมันไป
“นี่ ฉันปล่อยไปแล้ว ก็ไม่ต้องตามมาอีก เข้าใจไหม?” เมื่อติดอยู่ในนี้นานหลินลั่วหรานก็รู้สึกว่าสมองของเธอดูท่าจะเบลอไปหมดแล้ว ถึงขนาดเริ่มจะพูดจากับจิ้งจอกขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ดวงตาของเธอเกือบจะทะลักออกมาก็คือเ้าจิ้งจอกสีเขียวตัวนี้พยักหน้าลงช้าๆอีกทั้งยังทำท่าทางแสดงความขอโทษให้กับเธออีกด้วย
เอ๋? ฟังภาษามนุษย์ออกเหรอ? นี่ไม่น่าจะใช่สัตว์ทั่วไปแล้วล่ะ
หลินลั่วหรานใช้พลังดวงตาอันเฉียบคมของตัวเองเข้าไปสำรวจภายในร่างกายของมันดูเหมือนว่าเ้าจิ้งจอกสีเขียวนั้นจะััได้ถึงอะไรบางอย่าง ตัวของมันจึงสั่นไหวขึ้นด้วยความกังวล
“เด็กดี ฉันไม่ทำร้ายอะไรเธอหรอก” หลินลั่วหรานปลอบประโลมมันขึ้นไม่รู้ว่าเ้าจิ้งจอกตัวนี้เชื่อที่เธอพูดจริงๆหรือว่ามันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปจึงหยุดอยู่นิ่งไม่ขยับ
ที่แท้เ้าจิ้งจอกตัวนี้ก็ผิดแปลกไปจากปกติเล็กน้อยภายในเส้นเืของมันมีพลังอ่อนๆ ขยับเคลื่อนไหวอยู่เพียงแค่ดูเหมือนว่าจะน้อยกว่าลิงชราที่เธอเคยพบ ดูจากท่าทางแล้วมันก็ไม่น่าจะสามารถทำอะไรได้มากนักไม่รู้ว่ามันกินอะไรเข้าไปเพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
หลินลั่วหรานคิดไปคิดมา ก่อนที่จะปล่อยมันลง “เ้าตัวน้อยห้ามตามฉันมา เข้าใจไหม?” จิ้งจอกตัวนี้แม้ว่าจะมีอะไรที่แปลกประหลาดไปเสียหน่อย แต่เห็นว่าหลินลั่วหรานก็ไม่ใช่คนเก็บขยะที่ไม่ว่าเห็นอะไรก็พากลับบ้านไปเสียหมดเสียหน่อยอีกทั้งเธอยังมีเื่ที่จำเป็จะต้องทำเธอคงจะไม่มีเวลาไปเล่นกับจิ้งจอกตัวน้อยนี่ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยมันไป
เ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้นฟังภาษาคนรู้เื่ เมื่อมันถูกหลินลั่วหรานวางลงที่พื้นมันก็ไม่ได้ทำท่าทีจะโจมตีอะไรเข้ามา เพียงแต่เมื่อฟังคำพูดของหลินลั่วหรานจบมันก็ส่ายหน้าไปมา ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะเป็ตายร้ายดีอย่างไรมันก็้าที่จะติดตามเธอต่อไป
หลินลั่วหรานทั้งโมโหและตลกในตัวมันขึ้นมา เธอไม่สนใจอะไรมัน แต่ยังคงเดินสำรวจเส้นทางอุโมงค์นี้ต่อไปเ้าจิ้งจอกตัวน้อยคอยเดินติดตามอยู่ที่ด้านหลังของหลินลั่วหรานอยู่ตลอดแต่ว่าก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้นัก เพราะมันกลัวว่าหลินลั่วหรานจะผลักมันออกไปท่าทางของมันดูน่าสงสารอยู่ไม่น้อย
หลินลั่วหรานทำเป็มองไม่เห็น ตอนที่จำเป็ต้องกินก็กินตอนที่จำเป็ต้องพักเธอก็พัก ดวงตาน้อยๆ ของจิ้งจอกสีเขียวขยับสั่นไหวก่อนที่จะหายตัวไปในอุโมงค์
หลินลั่วหรานลอบมองไปที่มัน สุดท้ายก็ไปจนได้สินะ
แต่ว่าเมื่อเธอพักไปได้สักพัก ในตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวจะเดินทางออกต่อเ้าจิ้งจอกสีเขียวก็ะโมาอยู่ต่อหน้าเธออีกครั้ง ในอุ้งมือน้อยๆของมันยื่นอะไรบางอย่างมาให้กับเธอก่อนที่จะะโออกห่างไปพร้อมกับใช้สายตาเฝ้ารอและระแวงมองมาที่ตัวของเธอ
หลินลั่วหรานก้มหน้าลงไปมอง นั่นคือหัวพืชชนิดหนึ่งเธอรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาอยู่ไม่น้อย แต่ว่าเพียงแค่การมองก็คงจะไม่สามารถรับรู้ได้เธอจึงดมกลิ่นของมัน กลิ่นยาสมุนไพรอ่อนๆ แบบนี้ทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่ามันคือสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เธอรู้จักแต่ใครจะสามารถบอกกับเธอได้บ้างว่า ของอย่างอึ่งเจ็ง1สามารถเติบโตได้ในทะเลทรายั้แ่เมื่อไร?
สถานที่ใต้ดินแห่งนี้ ช่างแปลกประหลาดเกินไปแล้ว...
********************************
1 อึ่งเจ็ง (Huangjing 黄精) เป็สมุนไพรจีน มีสรรพคุณบำรุงลมปราณ,ไต,ม้าม ทำให้ปอดชุ่มชื้น
