ชุนเทียนยังคิดจะซักเสื้อผ้าให้สะอาด
แต่กลับถูกเฉินเนี้ยนหรานย่นจมูกใส่“ได้ๆ หากเ้ายังคิดจะอยู่ทานข้าวที่นี่ ก็รีบไปโยนเสื้อผ้าทิ้งไป”
แต่ชุนเทียนผู้ใสซื่อมองมาที่นางอย่างดื้อรั้น
“ไม่ข้าทิ้งไม่ได้ เสื้อตัวนี้คุณชายตบรางวัลให้ข้า ของที่เ้านายให้เป็รางวัลไม่สามารถโยนทิ้งได้ส่งเดช นั่นเป็การไม่ให้ความเคารพต่อเ้านายเ้าปฏิบัติกับเ้านายไม่ดี ก็อย่าให้ข้าทำไม่ดีต่อเ้านายด้วย แม่นางหราน ข้าดูแคลนเ้า”
ได้นางยังถูกเ้าคนโง่เขลาดูถูกอีก
เฉินเนี้ยนหรานตบรางวัลให้เขาด้วยการมองบนใส่ไปหนึ่งทีแล้วเดินไปไม่คิดสนใจเขา
กลับเป็สาวใช้สีที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอกโวยวายเสียงดังลั่น
“กรี๊ดเหม็นมาก เหม็นมาก ในเรือนพวกเราไม่ได้วางไข่เน่าเอาไว้ใช่หรือไม่?”
ชุนเทียนปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนั้นแล้วกอดเสื้อสกปรกไว้ในอ้อมกอด มองไปทางสาวใช้สีด้วยท่าทางทั้งเขินอาย ทั้งระแวดระวัง
เหตุใดเข้าเรือนมากลับถูกมองราวกับเขากำลังป้องกันขโมยทำให้สาวใช้สีหงุดหงิดมาก
“ฮูหยินท่านเก็บคนโง่เขลาเช่นนี้กลับมาั้แ่เมื่อใดเ้าคะ?”
คำตำหนิชัดเจนเช่นนี้เป็ผู้ใดก็ย่อมโกรธ แต่คนเขลาคนนี้ไม่โกรธจริงๆ กลับกันเ้าเด็กนี่ยังเดินกระมิดกระเมี้ยนไปตรงหน้าสาวใช้สี เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยท่าทางน่ารัก
“พี่สาวท่านนี้ข้าหาความรู้สึกของคำว่าครอบครัวเจอแล้ว ตอนที่อยู่กับคุณชายห้าอู่เอ๋อร์มักจะเรียกข้าว่าคนเขลา ฮ่าๆ พี่สาวท่านกับอู่เอ๋อร์เป็คนประเภทเดียวกัน ข้าชอบที่พวกเ้าเรียกข้าเช่นนี้”
เฉินเนี้ยนหรานยกมือขึ้นกุมขมับเ้าคนเขลานี่ เป็คนที่โจวอ้าวเสวียนส่งให้มาส่งจดหมายจริงๆหรือว่า…เขาถูกโจวอ้าวเสวียนจงใจไล่ให้ไปไกลๆ กันแน่!
“มารดาข้าเป็คนเขลาจริงๆ กรี๊ด กลิ่นเหม็นนี่มาจากเสื้อในอ้อมกอดของเ้า ์เ้าสวมเสื้อนี้มานานเท่าใดแล้ว เหม็นเพียงนี้ รีบเอาไปโยนทิ้งเดี๋ยวนี้นะ…”
สาวใช้สีที่รักความสะอาดโวยวายลั่น
เสียงดังสนั่นนี้ทำเอาคนเขลาที่ถูกตะคอกใส่หดหัวเข้าไปเป็เต่า
“ไม่เอาข้า…ข้าจะไปซักเดี๋ยวนี้แหละ จะไปเดี๋ยวนี้ ท่านพี่…”
ฟิ้ว
เพียงแค่เฉินเนี้ยนหรานกระพริบตาก็เห็นคนเขลาวิ่งหนีไปไกล
สาวใช้สีขยี้ตากลมโตของตนเองแล้วหันกลับมาถามเฉินเนี้ยนหรานด้วยความสงสัย “ฮูหยิน เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าคนเขลาเหมือนจะบินได้เลยเ้าคะ? เ้าเด็กนี่มีวิทยายุทธ?”
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้ายืนยันไม่ผิด แม้คนเขลาจะสมองไม่ค่อยดีแต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาเหมือนจะเป็อันดับหนึ่งจริงๆ
ตอนที่ลิ่วจื่อกับจินจื่อกลับมาในคืนนั้นก็นำข่าวเกี่ยวกับเ้าของที่ดินโจวกลับมาด้วย
จากที่ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของเ้าของที่ดินโจวออกเรือนไปแล้ว อีกทั้งยังได้ยินว่าครั้งนี้ได้หาลูกเขยเข้าเรือนไปแล้ว
ข่าวที่สำคัญที่สุดคือพวกหนิงเซียงเหมือนจะยังมีชีวิตอยู่นี่เป็ข่าวที่ได้มาจากคนงานที่ทำงานอยู่ในเรือนของเ้าของที่ดิน แต่คนทั่วไปจะไม่เจอพวกหนิงเซียง
“ไม่ได้การข้าจะต้องไปช่วยพวกเขา ทางที่ดีที่สุด จะต้องเข้าไปสืบสถานการณ์จริงถึงจะดี”
เพราะใจกังวลเกี่ยวกับเื่ของหนิงเซียงเฉินเนี้ยนหรานจึงทานข้าวด้วยใจที่ไม่สงบ อย่างไรสิ่งที่เหล่าลูกสาวของเ้าของที่ดินโจวชอบคือบุรุษแต่หนิงเซียง นางคือหญิงงามที่ปลอมตัวไป
หากลูกสาวของเ้าของที่ดินไม่ชอบนางถึงยามนั้นคงเหลือเพียงทำร้าย นางจะทำเช่นไร?
นางที่จิตใจไม่สงบตัดสินใจเข้าไปในเรือนของเ้าของที่ดินโจวเพื่อสอบถามข่าวคราวแล้วค่อยตัดสินใจ
“อยากจะเข้าไปในจวนสกุลโจวย่อมได้นะขอรับ ่นี้เรือนเ้าของที่ดินโจวจะจัดงานมงคล ได้ยินว่าจ้างคนงานระยะสั้นมาไม่น้อยสู้พรุ่งนี้พวกเราไปช่วยงานดีกว่า”
สมองของลิ่วจื่อยังถือว่ามีไหวพริบจึงเสนอความคิดนี้ขึ้นมา
“ได้พรุ่งนี้นอกจากแม่นมกับชุนเทียนที่อยู่เฝ้าเรือน พวกข้าสี่คนจะไปสืบหาข้อมูลกัน”
หลังจากตัดสินใจแล้วเฉินเนี้ยนหรานจึงเริ่มให้ลิ่วจื่อรีบไปหาผู้ใหญ่บ้านของที่นี่อยากจะไปทำงานที่เรือนเ้าของที่ดิน เหมือนจะต้องผ่านผู้ใหญ่บ้าน
ไม่พูดไม่ได้เลยว่าเื่เ้าของที่ดินรับจ้างคนแม้จะเป็คนงานระยะสั้นก็ปิดเื่ไว้อย่างมิดชิด
***
อาศัยความสนิทกับโก่วเอ๋อร์และเมาเอ๋อร์แค่ส่งขนมหวานหนึ่งถุงให้ ก็จัดการผู้ใหญ่บ้านอยู่หมัด
“ข้าว่าพวกเราไม่มีค่าผ่านทางแล้วขอแค่หางานระยะสั้นหาเงินเล็กน้อยก็สบายแล้ว ผู้ใหญ่เห็นแก่ขนมและหน้าตาของโก่วเอ๋อร์เมาเอ๋อร์จึงรับปากให้พวกเราไปจวนสกุลโจว แต่ระยะเวลาทำงานไม่กี่วัน คาดว่าหลังจากออกเรือนแล้วคงไม่ให้พวกเราไปแล้ว”
ลิ่วจื่อรายงานเื่ราวแต่ละอย่างให้กับเฉินเนี้ยนหราน
“ไม่เลวลิ่วจื่อ ตอนนี้เ้ายิ่งทำงานเป็ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เป็เช่นนี้ต่อไปจะสามารถควบคุมทั้งโลกได้ย่อมเป็เื่ปกติ ในเวลาไม่กี่วันกลับหาข่าวมากมายให้พวกเราได้แล้ว”
วันต่อมาก่อนออกเดินทางนางมองทุกคนอีกครั้ง “จำเอาไว้ พวกเราไปเรือนเ้าของที่ดิน ไม่ใช่เพื่อหาเงินแต่เพื่อสืบหาข้อมูล ดังนั้นการปฏิบัติกับคนในเรือนนั้นพวกเราสามารถใจกว้างได้ก็ใจกว้างสักหน่อย ทำงานให้มากลงแรงให้มากยิ้มกับคนอื่นให้มากถึงจะสามารถสืบหาข่าวมาได้”
“ขอรับ”พวกลิ่วจื่อสามคนลูบหมัด ด้วยท่าทางตื่นเต้นรอคอย แม้แต่สาวใช้สีก็ทำท่าใจร้อนอยากไปทดลอง
ท่าทางเช่นนี้ของพวกเขาทำให้เฉินเนี้ยนหรานสงสัยจริงๆคนพวกนี้จะไปหาข้อมูลจากที่ใด รู้สึกเหมือนจะไปผจญภัยอย่างไรอย่างนั้น
ระหว่างทางนางอดไม่ได้ที่จะกำชับเสียงเบาอีกรอบ
“ข้าจะพูดอีกครั้งพวกเราไปสอบถามข้อมูล จวนสกุลโจวสามารถลงมือได้อย่างเปิดเผยเช่นนนี้แต่ก็ยังไม่ค่อยจะทำตัวโอ้อวดสักเท่าไรข้ารู้สึกว่าเ้าของที่ดินโจวคนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่าคิดว่าเขาเป็แค่เ้าของที่ดินธรรมดาๆ พวกเราจะต้องไปช่วยคนพวกหนิงเซียงอยู่ข้างในนั้นเป็อย่างไรนั้น จะต้องพึ่งพวกเราเข้าไปช่วยเหลือแล้ว”
ในวินาทีนี้สาวใช้สีถึงได้ทำหน้าเคร่งเครียดจริงจังขึ้นมาลิ่วจื่อจินจื่อทั้งสองคนยังทำท่าทางไม่เห็นด้วย
ช่วยไม่ได้ผู้ใดให้เขาถูกขังอยู่ในูเาตลอดเล่า พอถูกปล่อยออกมาย่อมรู้สึกว่าเื่ต่างๆ ล้วนแปลกใหม่เหลือเกิน
ตอนที่พวกเขาเดินทางมาถึงเรือนของเ้าของที่ดินยังต้องให้ป้าผู้ดูแลเรือนมาจัดสรรงาน
จินจื่อกับลิ่วจื่อสองคนที่ดูยังหนุ่มแน่นถูกส่งไปที่หน้าประตูดูแลแเื่ที่เข้ามา ส่วนสาวใช้สีเพราะเห็นว่ายังสาวจึงถูกส่งไปเป็สาวรับใช้เฉินเนี้ยนหรานที่แต่งตัวเป็สตรีกลางคน หลังจากสอบถามได้ว่าทำงานครัวเป็ จึงถูกส่งไปทำงานที่โรงครัว
หลังจากจัดสรรงานเสร็จแล้วป้าผู้ดูแลพาพวกเขาไปยังเรือนด้านหลัง ตอนที่เข้าเรือนมาป้าคนหนึ่งที่มีใบหน้าอ้วนท้วมกำลังเดินออกมาจากด้านในพอดีมองค้อนใส่พวกเฉินเนี้ยนหราน
“อืมครั้งนี้เลือกคนมาได้ไม่เลว ดูแล้วมีความสามารถ นี่คือแม่ครัวสินะ หากฝีมือทำอาหารดีคงทำอาหารสดใหม่ออกมาสักหลายอย่างหน่อย”
“เ้าค่ะแม่นมฟู่ ท้องของแขกพวกนั้นยังไม่ดีอีกหรือ!”
“แน่นอนเื่นี้ทำให้คุณหนูใหญ่ร้อนใจจนไฟแทบลุก โดยเฉพาะท่านเซียนซือ…”แม่นมฟู่ร่างอ้วนพูดถึงตรงนี้ก็กระแอมออกมาเบาๆ แล้วโบกมือออกไปอย่างรำคาญ
“ช่างเถิดรีบพาคนไปเถิด แม่ครัววันนี้ หวังว่าจะทำงานได้ดีนะ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้หัวสมองของเฉินเนี้ยนหรานจึงคิดทันที จากวิธีการลงมือของโม่เต้าจื่อกับหนิงเซียงหากสถานการณ์แย่แล้วย่อมต้องคิดหาวิธีได้
เพียงแต่พูดกันตามหลักการแล้วแม้หนิงเซียงจะต่อสู้ไม่ได้ แต่ฝีมือกลับไม่ได้โง่เง่า
โม่เต้าจื่อกับชิงเฟิงสองนายบ่าวจากสายตาของนางแล้ว อย่างไรเสียคงเป็คนที่ต่อสู้เป็ถึงจะถูก เหตุใดจึงยอมถูกขังอยู่ในเรือนเ้าของที่ดินโจวไม่ยอมออกมา?
พอได้มองจวนสกุลโจวอีกครั้งใหญ่ ใหญ่มาก
ในระยะร้อยลี้แค่เรือนสกุลโจวก็มีเนื้อที่จวนหนึ่งร้อยไร่ หากนับเพียงเรือนที่สร้างด้วยอิฐสวยงามเหล่านี้ก็มีจำนวนเป็แถวยาวใหญ่ๆ พอมองไปให้รู้สึกว่าจวนสกุลโจวนี่เจริญรุ่งเรืองจริงๆ
แต่ในความเป็จริงตลอดทางกลับให้ความรู้สึกว่าด้านในเรือนมากมายพวกนี้ล้วนว่างเปล่า
เ้าของที่ดินโจวสร้างเรือนไว้มากมายเช่นนี้ไม่มีทางที่จะสร้างไว้เพื่อให้มันว่างเปล่าหรอกนะ? แม้จะบอกว่าไว้รับรองแขกแต่นี่ไม่สมควรสิ!
เดินมาได้ไม่ไกลก็มีหน่วยลาดตระเวนของการคลังเดินผ่านมา
รอจนกระทั่งเดินเฉียดไหล่กันกับหน่วยลาดตระเวนคนที่สองเฉินเนี้ยนหรานถึงได้พบว่า คนรักษาความปลอดภัยเรือนกลุ่มนี้ต้องไม่ใช่หน่วยรักษาความปลอดภัยธรรมดาอย่างแน่นอน
จะต้องรู้ว่ายามพวกเขาเดินนั้นฝีเท้าที่เดินเหยียบบนพื้นมีเสียงเบามาก ในสภาพการณ์เช่นนี้นางเคยเห็นแต่บนตัวของชุนเทียนและอู่เอ๋อร์เท่านั้นชุนเทียนกับอู่เอ๋อร์ต่างเป็คนที่มีวิทยายุทธ
คนที่มีฝีมือชั้นสูงพวกนี้เวลาเดินจะใช้ปลายเท้าแตะพื้น พร้อมทั้งยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายไร้รูปร่างของคนที่มีศิลปะป้องกันตัวซึ่งยากจะเก็บซ่อนเอาไว้ได้
ั้แ่ด้านนอกเรือนจนถึงโรงครัวนางเจอกับคนรักษาความปลอดภัยเช่นนี้สองหน่วย นี่คือจำนวนคนรักษาความปลอดภัยซึ่งเ้าของที่ดินธรรมดาคนหนึ่งควรจะมีอย่างนั้นหรือ?
จนถึงตอนนี้เฉินเนี้ยนหรานพบว่าตนเองนั้นประเมินเ้าของที่ดินโจวไปแล้ว
ชัดเจนมากว่าเรือนแห่งนี้เกรงจะเป็สถานที่ซ่อนัหลบพยัคฆ์
มิน่าเล่าจวนสกุลโจวถึงได้กำเริบเสิบสานพาคนมาขังได้เช่นนี้
“คนมาใหม่อย่าเอาแต่มองนั่นมองนี่ หากทำผิดล่ะก็ ถูกตัดหัวทิ้ง ข้าไม่ช่วยหรอกนะ”ในตอนนั้นเอง ป้าคนดูแลตะคอกใส่เฉินเนี้ยนหราน
“อามาแล้ว มาแล้วเ้าค่ะ ป้าผู้ดูแลอย่าโกรธไปเลยนะเ้าคะ ข้าแค่วันๆเอาแต่ว่างอยู่ในเรือน ไม่เคยเจอเรือนที่ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ที่นี่ เหมือนจะเป็เรือนทั้งเมืองของข้าเชียวนะเฮ้อ คุณชายโจวนี่เป็เ้าของที่ดินที่มีความสามารถและเก่งกาจจริงๆ นะเ้าคะ”
คำพูดดีๆผู้ใดล้วนชอบฟัง ป้าผู้ดูแลเรือนเดิมทียังโกรธนางที่กล้าหันซ้ายหันขวาอยู่บ้าง ครั้นได้ยินสตรีกลางคนนางนี้พูดชื่นชมบนใบหน้าของนางจึงมีรอยยิ้มแย้มออกมา
“ถูกต้องอย่าว่าแต่เ้าที่เพิ่งมาก็รู้สึกแปลกใจเลย แม้แต่ข้าตอนเข้ามาที่นี่ครั้งแรกก็ถูกคุณชายโจวของจวนนี้ทำให้ใ เอาเถิด พวกเ้าเข้าไปก็ขยันสักหน่อยฉลาดสักหน่อย หากทำงานดี ไม่แน่พวกเ้าจะถูกจ้างให้เป็แม่ครัวของเรือนนี้ถึงตอนนั้น หนึ่งเดือนได้เงินสองสามตำลึงก็มีบ่อยไป”
คนงานปกติหนึ่งปีสามารถหาเงินได้หนึ่งสองตำลึงย่อมถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่ที่จวนสกุลโจวนี้แค่อ้าปากก็ให้เงินเดือนสองสามตำลึง หากหนึ่งปี อย่างไรก็ได้ยี่สิบสามสิบตำลึง
อย่าว่าแต่แม่ครัวที่จ้างมาใหม่เลยแม้แต่เฉินเนี้ยนหรานที่ได้ยินก็ใมาก
เ้าของที่ดินโจวเป็คนที่ร่ำรวยจริงๆ แค่ปล่อยให้เช่าที่ดิน กลับสามารถมีเงินมากมายเช่นนี้ทั้งยังเลี้ยงดูคนงานมากมายเพียงนี้อีก...
เป็ผู้ใดย่อมคิดได้ว่ามันเป็ไปไม่ได้
