“เศษสวะขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 กลับกล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า ข้าจะทำให้เ้าเห็น ว่าการกระทำของเ้ามันโง่เง่าเพียงใด!” กุ่ยเตากล่าว แม้เขายังไม่อยู่ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา แต่ตามข่าวลือแล้ว พลังของเขามีสิทธิ์เข้ารายนามนั่น
แม้จะเป็เพียงข่าวลือ แต่ในบางความหมาย นี่เป็การพิสูจน์พลังของกุ่ยเตาอย่างไม่ต้องสงสัย
ทันใดนั้นกุ่ยเตาปลดปล่อยพลัง ก่อนจะปรากฏเงาพรายนับหมื่นพร้อมกลิ่นอายภูตพรายสีดำแผ่ออกมา เขาอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือแล้วปล่อยไปโจมตีเย่เฟิง ก่อให้เกิดสายลมพัดโหม
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น เพื่อเอาใจฉินเยียนหราน กุ่ยเตาผู้นี้ถึงกับลงมือจัดการเขา ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงจะยอมให้อีกฝ่ายรังแกได้อย่างไร เขาปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยพลังหอกออกไป รังสีหอกส่องแสงขึ้น พอผ่านการผสาน พลังของมันจึงแกร่งขึ้นหลายเท่า
“ตูม” เสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือของทั้งสองเข้าปะทะกัน เย่เฟิงไม่สั่นคลอน สีหน้านิ่งเรียบ ส่วนกุ่ยเตาหน้าไม่เปลี่ยนสี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 กล้าต่อต้านเขา เขาย่อมต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบ
“ช้าก่อน!” ตอนที่กุ่ยเตาจะลงมือจัดการเย่เฟิงอีกครั้ง ฉินเยียนหรานก็เดินมาข้างหน้าเพื่อขวางกุ่ยเตา
“เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา รีบไปซะ!” น้ำเสียงของฉินเยียนหรานยังคงเ็า แต่คนที่นางพูดด้วยเป็เย่เฟิงอย่างเห็นได้ชัด เย่เฟิงต้องขมวดคิ้ว คล้ายไม่คิดว่าฉินเยียนหรานจะช่วยเขา
“อย่าเข้าใจผิด ชีวิตของเ้าข้าจะมาเอาด้วยตัวเอง” ฉินเยียนหรานกล่าว
“เอิ่ม” เย่เฟิงอดปาดเหงื่อไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก นางไม่ปล่อยเขาไม่ง่าย ๆ
“กุ่ยเตา เ้าก็รีบไปซะ” ฉินเยียนหรานกล่าวด้วยแววตาดุดัน
“ในเมื่อเยียนหรานเ้า้าตัดสินคนผู้นี้เอง งั้นข้าจะไม่แทรกแซง” กุ่ยเตาพยักหน้า ในเมื่อฉินเยียนหราน้า เขากุ่ยเตาก็รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
“หวังว่าต่อไปเ้าจะไม่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก!” กุ่ยเตาทิ้งคำพูดก่อนจะออกไปจากที่นี่ ทว่าเย่เฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็นั้แ่ต้นจนตอนนี้ กุ่ยเตาผู้นี้ช่างยโสโอหังยิ่งนัก
ฉินเยียนหรานเหลือบมองเย่เฟิงแวบหนึ่งแต่ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ จากนั้นเดินจากไป เย่เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยขณะมองแผ่นหลังของผู้หญิงคนนี้และเดินไปยังอีกฟากของน้ำตกอีกครั้ง
“ศิษย์น้องเย่!” พลันมีเสียงดังขึ้นจากบางแห่งในป่า เย่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองตามต้นเสียง จากนั้นเห็นสองเงาร่างกำลังเดินมาทางนี้ คนหนึ่งคือศิษย์พี่ฉู่หาน ส่วนอีกคนคือหญิงสาวหน้าตาสะสวย
แม้ผู้หญิงคนนี้จะดูสวยน่ารัก แต่สัดส่วนกลับเด่นชัด เป็สตรีที่หาพบได้ยากคนหนึ่ง จากนั้นทั้งสองเดินมาหาเย่เฟิง หญิงสาวคนนั้นกวาดมองเย่เฟิงด้วยท่าทีสงสัย
“คนที่ไปเมื่อครู่นี้คือฉินเยียนหรานหรือ?” ไม่รอให้เย่เฟิงพูดอะไร นางก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ใช่” เย่เฟิงพยักหน้าขณะมองสายตาที่ดูผิดปกติคู่นั้น เขาก็รู้สึกอึดอัด
“ศิษย์น้องร้ายกาจมาก แค่ไม่กี่วันเ้ากับฉินเยียนหรานก็พัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว ข้านับถือจริง ๆ” ฉู่หานหยอกล้อเย่เฟิง ศิษย์น้องคนนี้ร้ายกาจมาก เพียงเวลาไม่กี่วันก็คิดไม่ถึงว่าจะได้สานสัมพันธ์กับฉินเยียนหราน ดูท่าจะมีความหวังในการล้มผู้หญิงคนนั้นแล้ว
“ข้าไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ศิษย์พี่ว่ามาหรอก ข้าล่วงเกินผู้หญิงคนนั้น นางจึงมาแก้แค้น” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มขมขื่น เดิมทีเขาไม่คิดจะล่วงเกินฉินเยียนหรานและก็ไม่นึกว่าจะเกิดเื่ที่น่าอายนั่น
“ไม่ว่าอย่างไร ศิษย์น้องเย่ก็เข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นได้ ศิษย์พี่ดีใจแทนเ้าด้วย” ฉู่หานกล่าวพลางยิ้ม
“จริงสิศิษย์พี่ฉู่ ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ?” เย่เฟิงกล่าวถาม
“มาฝึกฝนที่น้ำตกเทียนเชี้ยนน่ะสิ” ฉู่หานกล่าวพลางขยิบตา พูดต่อว่า “ศิษย์น้องเย่ ข้าจะแนะนำคนหนึ่งให้เ้ารู้จัก คนนี้คือเฉิงเฟย เป็ศิษย์พรรคเทียนเสวียนเหมือนกัน เ้าเรียกศิษย์พี่เฉิงก็พอแล้ว”
จากนั้นฉู่หานหันไปมองหญิงสาวคนนั้น “ศิษย์น้องเฉิง คนนี้คือศิษย์น้องเย่ที่เพิ่งเข้าสำนักได้เมื่อไม่กี่วันก่อน”
เย่เฟิงมองไปที่หญิงสาวคนนั้นพลางยิ้มจาง ๆ “ศิษย์พี่เฉิง”
“อืม” เฉิงเฟยพยักหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มแย้ม ทำให้ใครที่เห็นต่างก็รู้สึกสบายใจ
“ศิษย์น้องเย่ เ้าเพิ่งเข้าสำนัก หากมีเื่อะไรอยากให้ศิษย์พี่ช่วยก็บอกมาได้เลย ศิษย์พี่จะช่วยอย่างสุดความสามารถ” เฉิงเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความประทับใจแรกของศิษย์พี่คนนี้ช่างไม่เลว ศิษย์พรรคเทียนเสวียนดูเหมือนจะนิสัยดีกว่าศิษย์อีกสามพรรค
ทั้งสามคุยกันอีกสักพัก จากนั้นเย่เฟิงกล่าวถามฉู่หานว่า “ศิษย์พี่ฉู่ เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะไปฝึกฝนที่น้ำตกเทียนเชี้ยน แต่ไปฝึกที่น้ำตกนั่นมันแตกต่างกันยังไงหรือ?”
ฉู่หานระบายยิ้มกล่าวว่า “ศิษย์น้องเย่อาจยังไม่ทราบ น้ำตกเทียนเชี้ยนแห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้ฝึกฝนในน้ำตกจะได้เรียนรู้พลังที่ต่างออกไป มันมหัศจรรย์มาก”
“มหัศจรรย์อย่างไร เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ?” แววตาของเย่เฟิงทอประกายด้วยความสนอกสนใจ
“การไหลของน้ำตกเทียนเชี้ยนมีท่วงทำนองประหลาด หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาปล่อยให้น้ำตกไหลผ่านตัว คนผู้นั้นจะได้เรียนรู้พลังที่แกร่งสุดของตน การไหลของน้ำตกจะเลียนแบบพลังที่แกร่งสุดนั่น เพื่อให้ผู้ฝึกยุทธ์เรียนรู้ จากนั้นจะทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ควบคุมพลังนั้นให้ถึงขั้นสูงสุด ทั้งยังยกระดับพลังต่อสู้ไปด้วย” ฉู่หานอธิบายให้เย่เฟิงฟัง ทำเย่เฟิงใไปชั่วขณะ สำนักยุทธ์เทียนเสวียนสมแล้วที่เป็สำนักยุทธ์ศึกษาอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าว เพียงแค่น้ำตกก็น่ามหัศจรรย์ขนาดนี้แล้ว
“แม้น้ำตกเทียนเชี้ยนแห่งนี้จะลึกลับและมหัศจรรย์ แต่น้ำไม่ได้ไหลตลอดทั้งปี มีเพียงหน้าฝนถึงจะมีปริมาณน้ำมาก ทุกปีจะอยู่ไม่เกินครึ่งเดือน สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือน้ำตกเทียนเชี้ยนปรากฏครั้งแรกในปีนี้ ดังนั้นศิษย์ทุกคนจึงฉวยโอกาสอันล้ำค่านี้ไปที่น้ำตกเพื่อเรียนรู้”
“ซึ่งข้ากับศิษย์น้องเฉิงกำลังจะไปที่นั่น แต่มาเจอเ้าที่นี่พอดี งั้นเราสามคนไปพร้อมกันเลย” ฉู่หานกล่าว เย่เฟิงก็พยักหน้าเล็กน้อย ในคืนที่ฝนตกหนักก่อนวันทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนนั้นเขายังได้ฆ่าหวังหลง อาจจะเป็เพราะฝนตกหนักนั่น จึงทำให้น้ำตกเทียนเชี้ยนปรากฏอีกครั้ง
“ใช่ ศิษย์น้องเย่ เราสามคนไปด้วยกันจะได้ดูแลกันและกัน” เฉิงเฟยกล่าวพลางยิ้ม
“ได้” เย่เฟิงผงกศีรษะตอบกลับ เมื่อมีเื่ที่ทำให้ยกระดับพลังได้ แน่นอนว่าเย่เฟิงย่อมไม่ปฏิเสธ
เมื่อกล่าวจบ ทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังน้ำตกเทียนเชี้ยน ครู่ต่อมาเมื่อผ่านป่าทึบ ทั้งสามก็มาถึงพื้นที่เปิดโล่งหน้าน้ำตกเทียนเชี้ยน ที่แห่งนี้ห้อมล้อมไปด้วยูเาและมีวิวทิวทัศน์สวยตระการตา น้ำตกไหลลงจากหน้าผา ก่อให้เกิดไอน้ำ น้ำตกแห่งนี้ดูสูงเสียดฟ้าราวกับแม่น้ำเก้าชั้นฟ้า ยิ่งมองดูใกล้ ๆ ก็ยังสวยงดงาม ที่ด้านล่างน้ำตกยังมีสระน้ำทั้งลึกและกว้าง น้ำใสเห็นก้นสระได้ชัดเจน ทั้งยังมีปลาเล็กปลาน้อยว่ายอยู่ในนั้น
อย่างไรก็ตามมีคนอยู่ที่นี่เป็จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็คนรุ่นเยาว์ ดูเหมือนว่ามาอาศัยน้ำตกเทียนเชี้ยนเพื่อศึกษาเรียนรู้ เมื่อพวกเย่เฟิงมาถึงก็ดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย
“ดูสิ มีคนมาอีกแล้ว ่นี้บรรยากาศที่น้ำตกเทียนเชี้ยนคึกคักเป็พิเศษ” มีคนกล่าวขณะมองไปที่พวกเย่เฟิง
“ใช่ แต่สามคนนี้ดูเหมือนมาจากพรรคเทียนเสวียน” มีคนหนึ่งจำพวกเย่เฟิงได้ จึงมองด้วยสายตาดูแคลน
“คนของพรรคเทียนเสวียนกล้ามาที่นี่ ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย” มีบางคนกล่าวดูถูกราวกับไม่เห็นศิษย์พรรคเทียนเสวียนอยู่ในสายตา
เมื่อได้ยินผู้คนกระซิบกระซาบ พวกเย่เฟิงก็คิ้วขมวดแน่น
“ศิษย์น้องเย่ ศิษย์น้องเฉิง เราไปกันเถอะ” สีหน้าของฉู่หานดูไม่ค่อยดีเท่าไร ในฐานะที่เป็ศิษย์พรรคเทียนเสวียน เขาก็ย่อมไม่ชอบให้ใครพูดจาดูิ่พรรคเทียนเสวียน
“อืม” เย่เฟิงกับเฉิงเฟยพยักหน้า จากนั้นทั้งสามเดินไปยังหน้าน้ำตกเทียนเชี้ยน
ณ น้ำตกเทียนเชี้ยนแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล เมื่อเข้าใกล้จะััได้ถึงพลังประหลาดที่แผ่มาจากกระแสน้ำของน้ำตก พลังนี้ราวกับโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ทำให้ผู้คนรู้สึกอัศจรรย์ใจ
“นี่มันพลังอะไรกัน?” แววตาของเย่เฟิงทอประกายเมื่อััได้ว่าพลังนั่นค่อย ๆ ปกคลุมร่างกาย เขาเหมือนััถึงความบริสุทธิ์ของพลังนั้นได้ ราวกับเป็พลังดั้งเดิมที่สุดตอนฟ้าดินถือกำเนิด มันช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก
“ครืน!” พลันมีเสียงหนึ่งดังมาจากบางแห่งบนร่างกายของเย่เฟิงพร้อมคลื่นสั่นะเื พลอยทำให้เย่เฟิงตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย
“ท่าไม่ดีแล้ว!” เย่เฟิงตื่นใ จึงรีบปล่อยจิตเทพเข้าควบคุม จากนั้นทั้งเสียงและการสั่นะเืนั่นก็หยุดลง
“นึกไม่ถึงว่าไข่มุกจะตอบสนองต่อพลังนี้ ดูท่าน้ำตกเทียนเชี้ยนจะไม่ธรรมดาจริง ๆ” เย่เฟิงคิดในใจ เมื่อครู่นี้เย่เฟิงถูกพลังนั้นปกคลุมร่าง ทำให้ไข่มุกเกิดปฏิกิริยาและพยายามดูดซับพลังนั้น หากก่อนหน้านี้เย่เฟิงใช้จิตเทพควบคุมไข่มุกไม่สำเร็จ ไข่มุกก็คงปรากฏให้ทุกคนเห็นแล้ว
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ เย่เฟิงก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ หากคนอื่นรู้ว่าเขามีไข่มุกประหลาดอยู่กับตัว ผลที่จะตามมาคงร้ายแรงมาก
“ศิษย์น้องเย่มีอะไรหรือเปล่า?” เฉิงเฟยกล่าวถามเมื่อเห็นสีหน้าของเย่เฟิงผิดปกติ
“ไม่มีอะไร” เย่เฟิงส่ายหัวพลางยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขามองเข้าไปด้านในน้ำตกนั่น ซึ่งมีรุ่นเยาว์ 8 คนยืนอยู่ใต้น้ำตกที่ไหลเชี่ยว โดยปล่อยให้กระแสน้ำนั่นชำระล้างร่างกายของตัวเอง ทั้งยังมีแท่นหินเรืองแสงอยู่ใต้ฝ่าเท้าของคนเหล่านี้
พวกเขาหลับตาพลางทั่วร่างเรืองรองไปด้วยแสงประหลาด ทั้งยังมีพลังลึกลับแผ่ออกจากร่างกายของทั้งแปดคน ราวกับว่าพวกเขาจมอยู่ในภวังค์แห่งความอัศจรรย์
ขณะมองรุ่นเยาว์แปดคนใต้น้ำตกนั่น เย่เฟิงก็ตาทอประกายเฉียบคม กล่าวว่า “กระแสน้ำของน้ำตกแห่งนี้ช่างพิลึกพิลั่นนัก แต่ก็เป็สถานที่ที่ดีต่อการศึกษาเรียนรู้จริง ๆ”