ท่ามกลางความวุ่นวายและเสียงเอะอะโกลาหลในจวน ไม่มีใครแม้แต่จะคิดสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็ฝีมือของเยี่ยจิงหลิน บุตรสาวที่เกิดจากสาวใช้ผู้อยู่ในสถานะต่ำต้อย ภายใต้สายตาของทุกคน เธอเป็เพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีทั้งความสำคัญและไร้ความสามารถ ในสายตาของคนเ่าั้ การที่เธอจะสามารถก่อเื่ใหญ่โตเช่นนี้ได้แทบจะเป็ไปไม่ได้เลย
ผู้คนในจวนต่างพากันพูดคุย วิพากษ์วิจารณ์ และตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ ทรัพย์สมบัติมากมายที่ถูกกวาดหายไป รวมถึงการที่สัตว์อสูรซึ่งแสนร้ายกาจที่เฝ้าประตูถูกหลอกให้หลับลึก ผู้คนต่างมั่นใจว่านี่เป็ฝีมือของยอดฝีมือผู้มีความขัดแย้งกับแม่ทัพซุนเทาอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็ศัตรูในสนามรบ หรือคู่แข่งทางการเมือง เหตุการณ์นี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเยี่ยจิงหลินจะกระทำได้
แต่ในขณะที่ความสงสัยและข้อสันนิษฐานยังคงวนเวียนอยู่ในจวน เยี่ยจิงหลินและมารดาของเธอก็ได้เดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ไปไกลแล้ว ไม่มีใครทันสังเกตเห็น และไม่มีใครตั้งคำถามถึงการจากไปของทั้งสอง นางและมารดาเดินทางไปเงียบ ๆ ด้วยสัมภาระเพียงเล็กน้อยและความมุ่งมั่นในหัวใจ
สำหรับซูหลิน นางได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หวนกลับมาที่จวนแห่งนี้อีกตลอดชีวิต ความเ็ปและการถูกปฏิบัติอย่างไร้ค่าได้ฝังรากลึกในหัวใจของนางมานานแสนนาน เช่นเดียวกับเยี่ยจิงหลินที่เลือกเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าของนางไม่ได้บ่งบอกถึงความเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจที่ลึกซึ้ง
เหตุการณ์ครั้งนี้สำหรับเยี่ยจิงหลินไม่ใช่เพียงการแก้แค้นเล็ก ๆ แต่มันคือก้าวแรกของนางในการหลุดพ้นจากอดีตที่ถูกเหยียดหยาม และเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน โลกที่ทอดอยู่เบื้องหน้านั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยโอกาส และนางมั่นใจว่าไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งเธอได้อีกต่อไป
จุดหมายปลายทางที่สองแม่ลูกเลือกเดินทางไปก็คือ หมู่บ้านไท่ผิงชุน สถานที่ที่ซูหลินเคยเกิดและเติบโต สถานที่แห่งนี้เป็หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากความเจริญ เมืองหลวงและความวุ่นวายเป็เพียงเื่เล่าที่ฟังดูไกลตัวสำหรับชาวบ้านในที่แห่งนี้
แม้ว่าหมู่บ้านไท่ผิงชุนจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือความเจริญทางวัตถุใด ๆ มากนัก แต่ธรรมชาติที่แวดล้อมหมู่บ้านกลับเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทุ่งนาเขียวขจี ป่าไม้อันร่มรื่น และลำธารน้ำใสไหลเอื่อยเป็เสมือนสายใยชีวิตที่หล่อเลี้ยงผู้คนในที่แห่งนี้
สำหรับซูหลิน หมู่บ้านนี้เป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็ก แม้ว่าความเรียบง่ายและความเงียบสงบของที่นี่จะไม่เหมาะกับผู้คนที่้าความหรูหราและชีวิตที่สะดวกสบาย แต่มันกลับเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับเธอและเยี่ยจิงหลินที่้าเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสถานที่ที่ไม่มีใครตามมารบกวน
เมื่อสองแม่ลูกเดินทางมาถึง หมู่บ้านไท่ผิงชุน ซูหลินไม่รอช้า รีบพาบุตรสาวของนางไปทักทายผู้นำหมู่บ้านทันที ความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับบ้านเกิดทำให้นางรู้สึกอบอุ่น และนางก็หวังว่าที่นี่จะเป็จุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับชีวิตใหม่ของพวกเธอ
แต่ใครเล่าจะคิดว่าผู้นำหมู่บ้านในตอนนี้จะเป็ หลิวฉางหยาง เพื่อนสนิทสมัยวัยเด็กของซูหลิน ชายผู้เคยอยู่เคียงข้างนางใน่เวลาที่มีความสุขที่สุดในวัยเยาว์ หลิวฉางหยางมองดูนางด้วยสายตาอ่อนโยนและแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าซูหลินกลับมายังบ้านเกิดของนางอีกครั้ง
“ซูหลิน ข้ายินดีจริง ๆ ที่เ้าได้กลับมา” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความจริงใจ “จงไปสร้างบ้านใหม่ตรงบริเวณที่ดินเดิมของเ้าเถอะ ดินผืนนั้นยังคงเป็ของตระกูลเ้าเสมอมา”
คำพูดของเขาทำให้ซูหลินนิ่งไปชั่วขณะ ไม่ใช่เพียงเพราะน้ำเสียงที่ต้อนรับนางอย่างจริงใจ แต่เพราะความทรงจำในอดีตที่หลั่งไหลกลับมา บริเวณที่ดินเดิมนั้นเป็ที่ที่นางเคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัว ก่อนที่ชะตาชีวิตจะพัดพานางและครอบครัวให้ย้ายออกไป
หลิวฉางหยางยังคงจดจำนางได้ดี แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี ความงดงามและอ่อนโยนของซูหลินที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาประทับใจ ไม่เคยจางหายจากความทรงจำของเขาเลย
ซูหลินยิ้มบาง ๆ และกล่าวขอบคุณเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าขอบคุณเ้ามาก”
เยี่ยจิงหลินมองไปยังมารดาของเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่น หลังจากที่เสนอความคิดให้พักที่โรงเตี๊ยมของหมู่บ้านในระหว่างที่บ้านกำลังสร้าง ซูหลินเองแม้จะเห็นด้วย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อบุตรสาวของนางยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ ซึ่งดูมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด นางเผยสีหน้าใเล็กน้อย พลางเอ่ยถามด้วยความแปลกใจว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน
เยี่ยจิงหลินเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน "มันคือสิ่งที่เราสองแม่ลูกควรจะได้ ท่านแม่ ถือว่าเป็ค่าเลี้ยงดูเถอะ ท่านพ่อควรจะทำความดีเพื่อพวกเราสักครั้ง" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเ็ปซ่อนเร้นที่ซูหลินััได้ แม้เธอจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน
คำตอบของบุตรสาวทำให้ซูหลินนิ่งไป สีหน้าของนางแสดงถึงความตระหนักในทันที ว่าผู้ที่อยู่เื้ัเหตุการณ์ความวุ่นวายที่จวนแม่ทัพก็คือบุตรสาวของนางเอง นางรับรู้ได้ถึงความสามารถและความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ในตัวเยี่ยจิงหลิน แม้จะตื่นใแต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
"หากเ้าคิดว่ามันสมควร และมันจะทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าก็จะเชื่อในสิ่งที่เ้าทำ" ซูหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวบุตรสาว แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถาม
ซูหลินนำเงินจำนวนนั้นไปยื่นให้หลิวฉางหยาง ผู้นำหมู่บ้าน พร้อมกล่าว "นี่เป็ค่าใช้จ่ายสำหรับการสร้างบ้านใหม่ของพวกเรา ข้าขอฝากให้ท่านช่วยจัดหาแรงงานและวัสดุด้วยเถอะ"
หลิวฉางหยางรับเงินไปพร้อมรอยยิ้มอันจริงใจ "ข้าเต็มใจช่วยเ้าเสมอ ไม่ต้องเป็กังวลไป บ้านของเ้าจะสร้างเสร็จอย่างรวดเร็วและแข็งแรง ข้าสัญญา"
จากนั้นสองแม่ลูกพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ภายในหมู่บ้าน ท่ามกลางความอบอุ่นของผู้คนในไท่ผิงชุน และรอวันที่พวกเธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในบ้านหลังใหม่บนแผ่นดินที่คุ้นเคย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงหนึ่งเดือน บ้านหลังใหม่ของสองแม่ลูกก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ บ้านไม้สองชั้นขนาดพอเหมาะตั้งอยู่บนที่ดินเดิมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็บ้านเกิดของซูหลิน ตัวบ้านมีลักษณะเรียบง่าย แต่ดูมั่นคงและอบอุ่น หากเปรียบเทียบกับบ้านของชาวบ้านคนอื่นในหมู่บ้านไท่ผิงชุนแล้ว บ้านหลังนี้ถือว่าดูดีไม่น้อย
ตัวบ้านถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของสองแม่ลูก ชั้นล่างเป็พื้นที่ส่วนกลางสำหรับการพักผ่อนและประกอบอาหาร มีโต๊ะไม้เรียบง่ายตั้งอยู่กลางห้อง สร้างบรรยากาศอบอุ่น ส่วนชั้นบนเป็ห้องนอนสองห้องเล็ก ๆ แยกกันอย่างเป็ส่วนตัว หน้าบ้านมีระเบียงเล็ก ๆ พร้อมม้านั่งไม้ที่สามารถใช้พักผ่อนหรือมองดูทิวทัศน์ธรรมชาติรอบ ๆ ได้
บริเวณรอบบ้านถูกจัดเป็สวนเล็ก ๆ มีทั้งแปลงผักสวนครัวและดอกไม้หลากสีที่ซูหลินปลูกด้วยความตั้งใจ ด้านหลังบ้านเป็ลานกว้างที่เยี่ยจิงหลินสามารถใช้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
เมื่อสองแม่ลูกก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ ซูหลินมองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง นางรู้สึกเหมือนกลับมามีรากฐานในชีวิตอีกครั้ง เยี่ยจิงหลินเองแม้จะยังไม่แสดงออกชัดเจน แต่ในใจลึก ๆ ก็รู้สึกถึงความสงบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้